ทดลองอ่าน บทเพลงปณิธาน ตำนานวิหคโผบิน บทนำ-บทที่ 2 – หน้า 10 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน บทเพลงปณิธาน ตำนานวิหคโผบิน บทนำ-บทที่ 2

บทที่ 2 โคมดอกบัวของผู้ใด

เมืองฉางอันมีงานเทศกาลโคมบุปผาปีละครั้ง เล่ากันว่าเพื่อสักการะเทพบุปผาที่ปลิดชีพตนเองบูชาความรัก ดังนั้นวันเทศกาลนี้จึงกลายเป็นวันที่มีคู่รักออกมาเดินเที่ยว เมื่อถึงเวลากลางคืนหนุ่มสาวจะถือโคมบุปผานานาแบบกันเต็มท้องถนน ดูครึกครื้นยิ่งยวด

ชิงหลวนไม่เห็นโต้วหวั่นเอ๋อร์อยู่ที่หัวถนนจึงคิดจะเดินหน้าไปต่อ นางทอดสายตามองไป บนถนนฉางอันทั้งเส้นมีแสงโคมสว่างไสวราวกับเวลากลางวัน

ไม่ไกลกันมีสะพานทรงโค้งซึ่งมีราวจับสลักจากศิลาอยู่แห่งหนึ่ง ใต้สะพานมีคนจำนวนมากกำลังปล่อยโคมลงน้ำ แสงโคมส่องให้ทั้งผิวแม่น้ำเป็นสีแดงสว่างไสว ชิงหลวนเดินไปดูใกล้ๆ เห็นว่าล้วนเป็นโคมดอกบัวสีเดียวกัน

ข้างสะพานมีหญิงชราขายโคมบุปผา มองเห็นชิงหลวนสองมือว่างเปล่าจึงกล่าวขึ้นว่า “แม่นางซื้อโคมสักดวงเถิด จะได้หาสามีในฝันพบในเร็ววัน”

ชิงหลวนยิ้ม สามีในฝัน? นั่นเป็นสิ่งที่มีแต่สตรีผู้เติบโตมาอย่างราบรื่นผาสุกจึงจะมุ่งหวัง นางไม่เคยคิดถึงมันมาก่อนเลย ทว่าโคมบุปผานั่นดูงดงามเป็นที่สุด นางเห็นแล้วชอบจึงซื้อมา

ใต้สะพานผู้คนเบียดเสียดแออัด ไม่ง่ายเลยกว่าชิงหลวนจะถือโคมดอกบัวมาถึงริมแม่น้ำและหาที่ว่างได้สักที่ ขณะคิดจะย่อตัวลงปล่อยโคมลงน้ำ คาดไม่ถึงว่าจู่ๆ ด้านหลังคนจะเบียดกันมา แล้วมีคนเผลอผลักนางเข้า

ชิงหลวนตกใจ รู้สึกเพียงว่าร่างกายโอนเอน กำลังจะตกลงแม่น้ำ

“กรี๊ด!”

นางอดร้องขึ้นไม่ได้ เสี้ยวเวลาถัดมาก็รู้สึกเพียงร้อนวูบที่แขน พอรู้สึกตัวอีกครั้งทั้งตัวคนก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคนแล้ว

กว่าชิงหลวนจะมองเห็นได้ชัดเจน คนผู้นั้นก็คลายมือออกพร้อมกับกล่าวขออภัยเสียงเบา “ผู้น้อยล่วงเกินแล้ว”

เขาสวมชุดสีขาว เรือนผมยาวสีดำดุจน้ำหมึกสยายอยู่บนชุด ริมฝีปากบางเฉียบ แววตาสงบนิ่ง ใบหน้านั้นถึงกับงดงามกว่าสตรีอยู่หลายส่วน คนผู้นี้ดูอายุยังไม่มาก แต่กลับมีแววลึกล้ำยากจะเอื้อนเอ่ยอยู่บนใบหน้า

ชิงหลวนกล่าวอย่างใจกว้าง “ล่วงเกินอะไรกัน ขอบคุณคุณชายมากที่ยื่นมือช่วยเหลือ”

บุรุษหนุ่มผู้นั้นพยักหน้าน้อยๆ หมุนกายคิดจะจากไป

“ท่านรอประเดี๋ยว!” ชิงหลวนเรียกเขาไว้ ยื่นโคมดอกบัวในมือไปให้ “สิ่งนี้มอบให้ท่าน”

บุรุษหนุ่มนิ่งงันไป แสดงสีหน้าแปลกใจออกมาเล็กน้อย “ให้ข้า?”

ชิงหลวนกล่าว “ใช่แล้ว ถือว่าเป็นของขวัญตอบแทนที่ท่านช่วยข้าไว้”

คนผู้นั้นมองใบหน้าชิงหลวน ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้ยื่นมือมารับโคมดอกบัวนั้นไปอย่างช้าๆ “ขอบใจ”

เวลานี้เองเสียงสาวน้อยนางหนึ่งพลันดังมาจากท่ามกลางฝูงชน “พี่เฟิ่ง ข้าหาท่านพบเสียที!”

สาวน้อยนางนั้นโผล่พรวดออกมาจากฝูงชน ก้าวมาคล้องแขนของบุรุษหนุ่มไว้ ก่อนกล่าวว่า “เมื่อครู่นึกว่าเดินหลงกันแล้ว ทำเอาข้าตกใจแทบแย่!”

เรื่องที่ทำให้ชิงหลวนคิดไม่ถึงคือผู้ที่เดินจูงมือออกมาพร้อมกับสาวน้อยนางนี้ก็คือโต้วหวั่นเอ๋อร์

โต้วหวั่นเอ๋อร์มองเห็นชิงหลวนก็กล่าวด้วยความดีใจ “พี่ชิงหลวน ท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ!”

ชิงหลวนยิ้มให้นาง “เมื่อครู่ข้ายังคิดอยู่เชียวว่าจะบังเอิญได้พบท่านหรือไม่”

“เดิมทีข้าคิดจะตามหาท่าน แต่ไม่คิดเลยว่าคนจะมากปานนี้” โต้วหวั่นเอ๋อร์เดินมากล่าวแนะนำ “นี่คืออาเป่าสหายสนิทของข้า นี่คือ…”

“ออกมาข้างนอก ไม่ควรพูดมาก” บุรุษหนุ่มผู้นั้นกล่าวเรียบๆ แกะมือของอาเป่าที่คล้องแขนเขาไว้ออกอย่างแนบเนียน

อาเป่าไม่ยอมแพ้ คิดจะคล้องแขนเขาอีก

บุรุษหนุ่มถอยหลังก้าวหนึ่ง คล้ายว่าไม่ชอบให้คนสัมผัสเนื้อตัว มุ่นคิ้วกล่าวว่า “วันนี้คนมาก ควรกลับเร็วหน่อยจะดีกว่า”

อาเป่าไม่พอใจแล้ว “ท่านอุตส่าห์กลับมาทั้งที ในเมื่อรับปากข้าแล้วว่าจะออกมาเที่ยว จะดีจะชั่วก็ต้องเที่ยวให้หนำใจสิ!”

โต้วหวั่นเอ๋อร์กล่าวคล้อยตาม “ใช่แล้วพี่เฟิ่ง ข้าบอกพี่ชายข้าไว้แล้วว่าวันนี้จะออกมากับท่าน เขาถึงได้วางใจให้มา”

บุรุษผู้นั้นนิ่งเงียบ ดูคล้ายไม่ใคร่ชอบใจนัก

ชิงหลวนกล่าวขึ้นมาว่า “ทุกคนอุตส่าห์สนใจเทศกาล เดินเที่ยวเล่นสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน ข้าเองก็อยากจะสนทนากับแม่นางโต้ว มิสู้พวกเราหาที่ที่คนน้อยหน่อยเป็นอย่างไร”

บุรุษหนุ่มมองนางปราดหนึ่ง แต่มิได้พูดอะไร เพียงหมุนตัวเดินนำหน้าไป

ชิงหลวนรีบส่งสายตาให้โต้วหวั่นเอ๋อร์กับอาเป่า ก่อนกระซิบว่า “ยังไม่ตามไปอีก”

โต้วหวั่นเอ๋อร์กับอาเป่าต่างแสดงสีหน้าดีใจแล้วเดินตามไป

ขณะคนทั้งสี่เดินผ่านแผงขายบะหมี่แผงหนึ่งอาเป่าก็พลันหยุดเดินแล้วเสนอขึ้นว่า “พี่เฟิ่ง พวกเรากินบะหมี่กันเถอะ!”

พวกนางนั่งลงที่โต๊ะตัวเล็กข้างทาง สั่งบะหมี่มาคนละชาม

อาเป่าเพลิดเพลินยิ่งนัก ประหนึ่งว่าไม่เคยกินมาก่อน “อร่อย อร่อยโดยแท้!”

โต้วหวั่นเอ๋อร์กล่าว “ข้าบอกแล้วว่าเจ้าควรออกมาเที่ยวเล่นกับข้าบ่อยๆ เอาแต่อยู่ในวังจะสนุกอันใดกัน!”

ครั้นวาจานี้ถูกกล่าวออกมาบุรุษหนุ่มผู้นั้นก็มองโต้วหวั่นเอ๋อร์ดุๆ ทีหนึ่งเป็นการส่งคำเตือนไปให้

โต้วหวั่นเอ๋อร์รู้ว่าตนเองปากไวเผลอหลุดพูดเข้าแล้วจึงรีบหุบปาก

ชิงหลวนได้ยินวาจานางก็รู้ฐานะของอาเป่าแล้ว เดิมทีนางคิดจะเข้าวังหลวงแคว้นฉินโดยผ่านโต้วหวั่นเอ๋อร์ บัดนี้กลับได้พบตัวเลือกที่เหมาะสมยิ่งกว่าแล้ว

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com