บทที่ 13 ชีวิตคนก็เป็นเช่นนี้
มู่หรงชงเดินมาถึงห้องหนังสือจู่ๆ ก็รู้สึกอ่อนแรงไปทั้งร่าง หญิงขับร้องและนางระบำที่เดินผ่านไปเมื่อครู่ก่อนดูเป็นภาพเลือนราง แม้แต่ใบหน้าของฝูหมัวก็ยังเห็นไม่ชัดแล้ว
“สุราของฉงเหอโหวฤทธิ์แรงโดยแท้!”
ฝูหมัวยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นพลางกล่าวแช่มช้า “อัครเสนาบดีหวังเกรงว่าคงจะทนได้อีกไม่เกินสองวันนี้แล้ว”
แววตาของมู่หรงชงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ข้ารับปากเขาไว้เรื่องหนึ่ง” น้ำเสียงของฝูหมัวกลายเป็นลึกล้ำยากหยั่งถึง เขายืดตัวขึ้นกล่าวว่า “เมื่อวานเขามีคำสั่งให้ประหารคนของเผ่าเซียนเปยทั้งหมด และเป้าหมายของข้าก็คือเจ้า”
เขาพูดจบองครักษ์ที่ด้านข้างก็ชักดาบออกมาขวางมู่หรงหย่งไว้แล้ว มู่หรงหย่งตะโกนลั่น “นายท่าน!”
ความรู้สึกหวาดกลัวอันหนักอึ้งแผ่ลามมาจากก้นบึ้งหัวใจ มู่หรงชงจับมีดที่เหน็บไว้ที่เอวแน่น ก่อนพบว่าแม้แต่นิ้วก็กำลังสั่นจึงถามว่า “เจ้าวางยาในสุรา?”
“เป็นเพียงยาสลบทั่วไป” ฝูหมัวพูดช้าๆ ด้วยเสียงต่ำ “เดิมอยากจะวางยาพิษให้ตายไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่ใครใช้ให้เจ้ามีใบหน้าเยี่ยงนี้กันเล่า ข้าจึงอยากจะลิ้มลองดูก่อนสักรอบ…” ฝูหมัวยื่นมือไปบีบคางมู่หรงชง
มู่หรงชงหันหน้าหนีด้วยความเดือดดาล ออกแรงทั้งหมดชักมีดพกออกมาจากตรงเอว แล้วตวัดกรีดไปตรงอก ใบมีดแหลมคมกรีดเสื้อของฝูหมัวขาด
ฝูหมัวยิ้มเย็น ครั้นแล้วก็สะบัดมือตบลงบนหน้าของมู่หรงชงอย่างแรง ก่อนตวาดว่า “เจ้านับเป็นตัวอะไร!”
เขายื่นมือหมายจะแย่งมีดในมือมู่หรงชง กลับได้ยินเสียงเตือนดังมาจากด้านหลัง “อย่าแตะต้องเขา!”
ฝูหมัวหันไปก็เห็นมู่เฉินเดินมาใกล้แล้ว มือหนึ่งจับสตรีคลุมหน้าผู้นั้นไว้ อีกมือใช้มีดจ่อคอนาง “ฉงเหอโหว เจ้าลองแตะต้องเขาดูอีกที ข้าจะแทงมีดนี้ลงไป!”
ฝูหมัวโกรธจัดจนกลับกลายเป็นหัวเราะออกมา “เจ้านึกว่าอนุคนเดียวจะทำให้ข้ายอมอยู่ในการควบคุมได้หรือ”
สตรีนางนั้นได้ยินเขาพูดเช่นนี้ในดวงตาก็เผยแววผิดหวังออกมาทันที…ที่เมื่อครู่นางตอบรับคำขอจากมู่เฉิน สาเหตุกว่าค่อนเป็นเพราะต้องการดูว่าฝูหมัวให้ความสำคัญกับนางจริงหรือไม่
มู่เฉินกล่าว “ท่านโหว ท่านทำเยี่ยงนี้มิกลัวฝ่าบาททรงเอาผิดหรือไร”
“ฝ่าบาททรงเลี้ยงพวกต่างเผ่าเหล่านี้ไว้ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดหายนะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าฆ่าไป๋หลู่ไปคนหนึ่งจะทำให้พวกข้าพี่น้องแตกหักกันได้!” ฝูหมัวแสดงสีหน้ากระหยิ่มใจ “ไม่เพียงแค่ข้า หยางผิงกงเองก็นำทหารไปหาพวกมู่หรงเหว่ยกับมู่หรงหงแล้วเช่นกัน!”
หยางผิงกงฝูหรง แม่ทัพผู้เลื่องชื่อแห่งแคว้นฉินเป็นน้องชายที่ฝูเจียนไว้วางใจและพึ่งพาอาศัยที่สุด อีกทั้งมีมิตรไมตรีอันดีกับหวังเหมิ่งมาแต่ไหนแต่ไร มู่หรงชงได้ยินเขาพูดเช่นนี้ก็รู้สึกตาลายหูอื้อในทันที เขาพลันกรีดมีดลงบนข้อมือตนเอง หลังสติแจ่มใสขึ้นบ้างแล้วก็กระโจนเข้าหาฝูหมัว!
ฝูหมัวหลบไม่ทันจึงถูกมีดของมู่หรงชงจ่อคอ
มู่หรงชงกล่าวเสียงดังฟังชัด “ให้คนของเจ้าถอยไปให้หมด! อาหย่ง พวกเจ้าถอยไปก่อน!”
มู่หรงหย่งหลุดพ้นจากองครักษ์แล้วก็กล่าวกับมู่เฉิน “แม่นาง รีบตามข้ามา!”
มู่เฉินผลักคนที่มือจับอยู่ไปให้มู่หรงหย่ง “เจ้าพานางไป!”
เวลานี้เองทางด้านหน้าพลันมีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งปราดมา ผู้เป็นหัวหน้าเปล่งเสียงดัง “ผู้น้อยโต้วชงแห่งกองราชองครักษ์ รับพระราชโองการจากฝ่าบาทให้มาขอให้ฉงเหอโหวปล่อยคนบัดเดี๋ยวนี้!”
ฝูหมัวพูดด้วยความโกรธ “โต้วชง เจ้ามองดูให้ชัด ใครควรปล่อยใคร!”
มู่หรงชงผลักฝูหมัวออกก่อนกล่าวว่า “แม่ทัพโต้วมาได้เวลาพอดี รบกวนตามไปเรือนจิ่งผิงด้วยกันกับข้า!”