ทดลองอ่าน บทเพลงปณิธาน ตำนานวิหคโผบิน บทที่ 12-14 – หน้า 6 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน บทเพลงปณิธาน ตำนานวิหคโผบิน บทที่ 12-14

พวกมู่หรงชงกับมู่เฉินและโต้วชงมาถึงเรือนจิ่งผิงก็บังเอิญเจอคนของฝูหรงกำลังต่อสู้อยู่กับองครักษ์ในเรือนพอดี โต้วชงเปล่งเสียงพูดว่า “ฝ่าบาทมีพระราชโองการ หยางผิงกงหยุดมือบัดเดี๋ยวนี้!”

ฝูหรงเดิมทีบุกเข้าไปในโถง บีบคอมู่หรงเหว่ยแล้ว แต่เมื่อได้ยินวาจานี้ก็คลายมือออกเล็กน้อย “โต้วชง หากวันนี้ข้าจะฆ่าพวกเขาให้ได้เล่า”

บนใบหน้าอ่อนวัยของโต้วชงมีแววน่าเกรงขามอยู่หลายส่วน “ผู้ใดขัดขืนพระราชโองการฝ่าบาท ต้องตายสถานเดียว!”

ฝูหรงอึ้งงันไป ก่อนจะหัวเราะ “ก็จริง ต้าฉินถึงอย่างไรก็ยังเป็นต้าฉินของพี่เจียนโถว”

เขาสั่งให้คนของตนเองถอยไปจนหมด แล้วก็หันมาพูดกับมู่หรงชง “แผนการของอัครเสนาบดี เห็นทีว่าข้ากับฝูหมัวจะล้วนล้มเหลว…ทางด้านตำหนักชีอู๋กลับไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร”

มู่หรงชงรู้สึกเพียงว่าในสมองราวกับมีสายฟ้าฟาด เนื่องจากฤทธิ์ยาเงาร่างคนตรงหน้าจึงล้วนกลายเป็นเลือนราง แต่เมื่อคิดถึงสถานการณ์ของมู่หรงจิ่นเลือดลมก็พลันสูบฉีด เขากัดลิ้นตนเองจนแตก ทำให้ความคิดชัดเจนขึ้นมา มือหนึ่งจับข้อมือมู่เฉินไว้พลางกล่าว “ไปหาพี่สาวข้า!”

เสียงเขาฟังไม่ชัดอยู่บ้าง แต่มู่เฉินยังคงได้ยินชัดเจน นางวิ่งตามหลังมู่หรงชง ยามดึกที่ตำหนักเว่ยยางนี้เวิ้งว้างและเงียบสงัด นางลืมเรื่องมากมายไปชั่วขณะ เหลือเพียงความรู้สึกเย็นเฉียบจากการที่เขากุมมือนาง รวมถึงเสียงลมแผ่วเบาที่ริมโสต

นางอดจะจับมือมู่หรงชงแน่นไม่ได้ “เฟิ่งหวง พี่หญิงของท่านจะต้องไม่เป็นไร”

มู่หรงชงให้หวาดหวั่นในใจ ได้ยินเสียงของนางก็เริ่มคล้ายจะรู้สึกตัวขึ้นมาว่าเหตุใดตนเองถึงลากนางมาด้วยกัน มู่หรงหย่งกับโต้วชงไม่ว่าคนใดก็ล้วนมีความสามารถมากกว่านาง แต่เพราะอะไรเขาถึงจับมือนางโดยไม่แม้แต่จะคิดเล่า คงเป็นเพราะ…เป็นเพราะรู้ว่านางจะไม่จากไป อย่างน้อยในระหว่างที่เขาใกล้ประสบอันตรายและกำลังสิ้นหวังนางจะไม่จากไปแน่ เขากลัวจริงๆ

 

มาถึงตำหนักชีอู๋ พบว่ารอบด้านเงียบสงบ ไม่มีสิ่งใดผิดปกติสักกระผีกมู่หรงชงวางใจลงได้ทันที

แต่เมื่อเดินเข้าไปด้านในต่อเขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้แผ่วเบาดังมาจากในห้องของมู่หรงจิ่น

มู่หรงชงพุ่งตัวเข้าไปทันควันพร้อมตะโกนลั่น “พี่หญิง!”

ภายในห้องมู่หรงจิ่นกำลังนั่งอยู่ริมเตียง นางสวมอาภรณ์หรูหรา แต่งชุดงดงามน่าตรึงตราใจเป็นที่สุด แต่ชุนหยากลับคุกเข่าร้องไห้อยู่ข้างกาย

ครั้นเห็นมู่หรงชงพุ่งตัวเข้ามามู่หรงจิ่นก็เงยหน้าน้อยๆ เผยรอยยิ้มบางเบา “เฟิ่งหวงเอ๋อร์ ก่อนพี่หญิงตายยังสามารถพบหน้าเจ้าได้ ช่างดีเหลือเกิน”

มู่หรงชงรีบก้าวไปคุกเข่าลงเบื้องหน้านาง พูดด้วยความร้อนใจ “พี่หญิง ท่านเป็นอะไรไป อยู่ดีๆ พูดอะไรเหลวไหลเช่นนี้ มีตรงใดไม่สบาย เฟิ่งหวงจะเรียกหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้ขอรับ”

มู่หรงจิ่นส่ายหน้า “เรื่องในคืนนี้เจ้าเองก็รู้แล้ว ยังดีที่พวกเจ้าล้วนไม่เป็นไร…ทว่าสกุลมู่หรงไม่เสียหายแม้แต่ปลายเส้นผม ในใจคนพวกนั้นจะต้องยิ่งเคียดแค้นเป็นแน่แท้ อย่างไรพวกเราก็ต้อง…หลั่งเลือดสักหน่อย เลือดของบุรุษสกุลมู่หรงล้ำค่า ข้าเป็นคนที่ไม่มีประโยชน์ที่สุด พอข้าตายฝ่าบาทจะยิ่งรู้สึกผิดต่อสกุลมู่หรง วันหน้าพวกเจ้าจะทำงานง่ายขึ้นมาก”

มู่หรงชงสำรวจดูอย่างละเอียดรอบหนึ่ง เห็นบนร่างมู่หรงจิ่นมิได้มีบาดแผลก็ถามด้วยความร้อนใจ “พี่หญิง ท่านบาดเจ็บตรงที่ใดกันแน่”

ชุนหยาที่อยู่ด้านข้างตอบทั้งน้ำตา “จงซานอ๋อง องค์หญิงเสวยยาพิษเข้าไปแล้วเพคะ!”

มู่หรงชงจับมือมู่หรงจิ่นไว้ ถามอย่างเร่งร้อน “เป็นพิษอะไร พี่หญิงอยู่ในวังจะมีพิษซ่อนไว้ได้เยี่ยงไร! ชุนหยา รีบไปตามหมอหลวง!”

“ชุนหยา อย่าไป” มู่หรงจิ่นยิ้มบางๆ กล่าวว่า “เฟิ่งหวงเอ๋อร์ ไม่มีประโยชน์ ช่วยไม่ได้แล้ว พิษนี้ไม่ได้ทรมาน ประเดี๋ยวพี่หญิงจะถือว่าตนเองเพียงแค่หลับไป”

เมื่อครู่นี้มู่หรงชงฝืนทนมาตลอด บัดนี้เท้าอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรงไปด้วยความสิ้นหวัง เขาเพียงออกแรงจับมือของมู่หรงจิ่นไว้สุดกำลังพลางพูดว่า “พี่หญิง…พี่หญิง…”

มู่หรงจิ่นพลันมองไปด้านข้าง แล้วกวักมือเรียกมู่เฉิน

มู่เฉินเดินมาใกล้ตามความต้องการของอีกฝ่าย คุกเข่าลงข้างกายมู่หรงชง “องค์หญิงมีเรื่องใดจะรับสั่ง”

มู่หรงจิ่นยิ้มพลางกุมมือมู่เฉินไว้ ก่อนจับมือมู่หรงชงมาวางลงในฝ่ามือนาง

มือของสองพี่น้องล้วนแต่เย็นเฉียบ

มู่หรงจิ่นเริ่มหายใจไม่ออกแล้ว พูดอย่างเหนื่อยอ่อน “คราวก่อนที่ข้าได้พบเจ้าก็มองออกแล้วว่าเฟิ่งหวงเอ๋อร์ปฏิบัติต่อเจ้าแตกต่างไป เขาเป็นเด็กเอาใจยาก มีนิสัยแย่ๆ อยู่มากมาย แต่พื้นเพเป็นคนดี เจ้าเองก็คงจะมองออกอย่างแน่นอน ดังนั้นถึงได้อยู่ข้างกายเขา ข้าไม่วางใจในตัวน้องชายคนนี้เป็นที่สุด ขอมอบเขาให้เจ้าแล้ว เจ้าช่วยดูแลเขาให้ดีแทนข้าได้หรือไม่”

มู่เฉินรู้แก่ใจดีว่าอีกฝ่ายเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนางกับมู่หรงชงผิดไปแล้ว แต่เห็นมู่หรงจิ่นมีสีหน้าคาดหวัง นางก็ได้แต่กัดฟันพยักหน้า “องค์หญิงทรงวางพระทัย”

มู่หรงจิ่นมองมู่เฉินพลางพูดด้วยสีหน้าอ่อนโยน “เฟิ่งหวงเอ๋อร์ของพวกข้ามิใช่คนที่อยู่ด้วยยาก เจ้าดีต่อเขา เขารู้อยู่แก่ใจ และย่อมจะดีต่อเจ้าอย่างมากเช่นกัน…”

มู่หรงชงทุบพื้นด้วยความทุกข์ทรมาน

ตุบ! กำปั้นเขาเต็มไปด้วยเลือด มู่หรงชงพึมพำว่า “เพื่ออะไรกัน พี่หญิงทำเยี่ยงนี้เพื่ออะไร! ก่อนหน้านี้ยังคุยกันเป็นมั่นเป็นเหมาะอยู่แท้ๆ วันหน้าข้ายังต้องพาท่านกลับไปที่ทุ่งหญ้า…”

“เฟิ่งหวงเอ๋อร์อย่าปิดตาพี่หญิงนะ” มู่หรงจิ่นหายใจลำบาก นางลืมตาโต ช้อนมองท้องฟ้า แล้วพูดเสียงแผ่วเบา “นี่เป็นศักดิ์ศรีของข้าในฐานะองค์หญิงแคว้นเยียน ข้ามีชีวิตอยู่มิอาจได้เห็นแคว้นเยียนกลับมาเจริญรุ่งเรือง หลังจากตายแล้วก็จะคอยเบิกตารอวันนั้น!”

“พี่หญิง!” มู่หรงชงรู้สึกเพียงทั้งสรรพางค์กายคล้ายไม่มีส่วนใดที่เป็นของตนเอง ยามเห็นมู่หรงจิ่นล้มนอนลงช้าๆ เขาถึงกับไม่มีแรงจะยื่นมือไปประคอง

ตรงหน้าพลันดำมืด เป็นความมืดอันเวิ้งว้างไร้ที่สิ้นสุด

เขาได้ยินเสียงเด็กหญิงดังมาจากความว่างเปล่า ‘เฟิ่งหวงเอ๋อร์ เฟิ่งหวงเอ๋อร์ เจ้ารีบไล่ตามพี่หญิงมาสิ!’

นั่นคือพี่หญิงในสมัยเด็ก เขาอยากกอดนางจริงๆ…

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 1-2

บทที่ 1 อาจเป็นเพราะสภาพอากาศขมุกขมัวหนาวเย็นยาวนานถึงครึ่งปี ทำให้เครื่องหอมเป็นที่โปรดปรานของชาวต้าเว่ย ได้เติมเครื่อง...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ม่านฝันคืนวสันต์รัญจวน บทที่ 1-2

บทที่ 1 แม่น้ำฉินไหว นกขมิ้นและดอกไม้ในเดือนสองทำให้ฤดูใบไม้ผลิแลดูงดงาม แม่น้ำฉินไหวในเมืองจินหลิงเป็นสถานที่ซึ่งมีทิวท...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 5-7

บทที่ 5 หลังจากเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่เรือนหลังเก่าและบรรยากาศวันปีใหม่เพิ่งผ่านพ้นไป เหล่าเจ้านายสกุลซูก็เตรียมเดินทางกลับ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 3-4

บทที่ 3 คนที่เพิ่งเดินเข้ามาผู้นี้คือซูลั่วอวิ๋น บุตรสาวคนโตที่ถูกขับไล่ไสส่งกลับบ้านเดิมนั่นเอง นิ้วชี้ของซูหงเหมิงยื่น...

community.jamsai.com