นางมองไปที่มู่เฉิน น้ำเสียงดีขึ้นบ้างแล้ว “เขายังบอกอะไรอีกหรือไม่”
มู่เฉินตอบ “เขาว่าฝากฝังองค์หญิงไว้กับเจ้าเมืองมู่หรงแล้ว เขาวางใจยิ่งยวด”
ฝูเป่าหน้าแดงเล็กน้อย มองมู่เฉินปราดหนึ่ง “ข้ารู้แล้ว ทว่าเจ้าจงจำไว้ วันหน้าในเมืองผิงหยางไม่มีองค์หญิง”
“ข้าจำไว้แล้ว” มู่เฉินพูดจบก็เดินออกไปข้างนอก “ไม่รบกวนพวกท่านแล้ว”
มู่หรงชงมองนางเดินออกจากห้องแล้วปิดประตู หัวใจทั้งดวงหล่นวูบ จิ่งสิงจากไปเช่นนี้ เขาจำต้องรับรองว่าจะไม่เกิดเรื่องกับฝูเป่าขณะอยู่ในเมืองผิงหยางแล้ว
เขามองฝูเป่าปราดหนึ่ง “วันพรุ่งนี้ตามข้ากลับจวนเจ้าเมืองแล้วกัน”
ฝูเป่ายิ้มกว้างตอบรับ “ตกลง!”
ความเศร้าใจต่อการที่จิ่งสิงจากไปโดยไม่ลาหายวับไปในทันใด
“เช่นนั้นเจ้าก็พักผ่อนเถอะ” มู่หรงชงพูดจบก็เร่งฝีเท้าเดินออกข้างนอก
ฝูเป่าเดินหน้าไปสองก้าว ต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายยังคงมิได้เอ่ยปาก เพียงยืนหน้าแดงอยู่ที่เดิม
มู่เฉินเดินไปถึงห้อง นางกำลังจะปิดประตูมู่หรงชงก็ยันประตูเอาไว้
เขาเดินเข้ามาแล้วปิดประตู ชะงักเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามหยั่งเชิง “เจ้าโมโหหรือ”
มู่เฉินมองเขายิ้มๆ “เหตุใดข้าต้องโมโห”
มู่หรงชงตอบ “ข้าตกลงให้ฝูเป่าอยู่ต่อเพื่อควบคุมฝูเจียนและฝูฮุย…”
“ไม่ต้องมาอธิบายกับข้า” มู่เฉินพลันตัดบทเขา เปลี่ยนมาถามว่า “ท่านทายซิว่าข้ากับจิ่งสิงคุยอะไรกันบ้าง”
มู่หรงชงส่ายหน้า “ข้าทายไม่ถูก”
มู่เฉินจึงว่า “ข้าบอกเขาว่าถ้ายังไม่ไปท่านจะฆ่าเขา”
มู่หรงชงรู้สึกผิดคาดเล็กน้อย ก่อนถามว่า “มองออกได้อย่างไร”
มู่เฉินตอบ “ท่านมิใช่คิดว่าก่อนองค์หญิงชิงเหอจะปลิดชีพตนเองเขาเคยไปที่ตำหนักชีอู๋หรือไร ทว่าเฟิ่งหวง เวลานั้นเขากำลังช่วยฝูเป่าหนีออกจากวังต่างหาก”
มู่หรงชงมองนางโดยที่สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ “ดังนั้นเจ้าจึงอยากบอกว่าผู้ที่ทำให้พี่หญิงของข้าตายเป็นผู้อื่น?”
มู่เฉินมองดวงตาที่สงบราบเรียบของเขาพลางนึกถึงวันที่ออกจากฉางอัน ดวงตาลึกล้ำนั้นของมู่หรงหง ชุดตัวยาวสีนิล แล้วไหนจะมือขวาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ…เทียบกับมู่หรงหงแล้วมู่หรงชงดูอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียว
สายตาที่มู่เฉินมองมู่หรงชงมีแววหมดความอดทนอยู่สักหน่อย “เฟิ่งหวง ถ้าหาก…ข้าย้ำว่าถ้าหากคนที่ทำให้พี่หญิงของท่านตายเป็นคนที่ใกล้ชิดกับนางมาก ท่านยังอยากจะแก้แค้นหรือไม่”
มู่หรงชงมองมู่เฉินนิ่งๆ “เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่”
มู่เฉินส่ายหน้า “ข้าเพียงแต่ถามไปอย่างนั้นเอง”
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบงัน
ยามโฉ่วแล้วมู่เฉินรู้สึกง่วงงุน เปลือกตาแทบจะปิดลงมาแล้ว แต่มู่หรงชงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามยังคงครุ่นคิดอยู่กับเทียนเช่นเดิม
นางไม่รู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไร อาจเป็นเรื่องที่แสดงออกได้หรือต้องเก็บไว้ในใจ เรื่องในอดีตหรือที่จะเกิดในอนาคต จะมีหรือไม่มีก็สุดรู้…
เป็นครู่ใหญ่กว่ามู่หรงชงจะเงยหน้าขึ้นมา ในดวงตามีเส้นเลือดฝอยสีแดง ก่อนพูดค่อยๆ ว่า “เจ้าเองก็สงสัยว่า…เป็นพี่หงกระมัง”
มู่เฉินตระหนกเล็กน้อย ครั้นแล้วก็ฟังออกถึงความปวดใจและสิ้นหวังในวาจาของเขา จึงอดไม่ได้ที่จะทรมานใจขึ้นมาเช่นกัน “เฟิ่งหวง ท่าน…”
นางอยากจะปลอบ แต่กลับหาถ้อยคำมาปลอบโยนไม่ได้
ที่แท้เขาก็รู้อยู่นานแล้ว
มู่หรงชงพลันจับมือมู่เฉินมากดไว้กับหน้าอกตนเอง พูดเชื่องช้าแผ่วเบาว่า “อาเฉิน ข้าเจ็บตรงนี้ เจ็บจริงๆ”
มู่เฉินมองมือของตนเองที่อยู่ในมือเขา ถูกนิ้วซีดขาวเรียวเล็กของเขาจับไว้ คล้ายว่าแค่สัมผัสอันแผ่วเบายังทำให้เขาเจ็บรุนแรงขึ้นได้
“เฟิ่งหวง พวกเขาหารือกันเรียบร้อยแล้วว่าต้องการทำให้ฝูเจียนรู้สึกละอายใจ ต้องการทำให้พวกท่านพี่น้องได้รับโอกาสที่มากขึ้น”
มู่หรงชงพูดเสียงแหบแห้ง “ข้าไม่ต้องการโอกาสเยี่ยงนี้”
“เรื่องมาถึงขั้นนี้ ต้องการหรือไม่ต้องการก็มิใช่เรื่องที่ผู้อื่นสามารถตัดสินใจได้”
มู่เฉินชักมือตนเองออกจากมือเขา กลับถูกเขากุมไว้แน่นขึ้น นางนึกถึงเวลาที่คล้ายคลึงกันในช่วงที่ผ่านมาขึ้นได้ เขาเคยยืมใช้บ่าของนาง นางจึงอดไม่ได้ที่จะยกบ่าขึ้นเล็กน้อย
แต่ครั้งนี้มู่หรงชงเลือกทำต่างจากเดิม เขามองมู่เฉินพลางกล่าวด้วยท่าทางแน่วแน่ “เจ้ามิใช่ผู้อื่น”
มู่เฉินใจสั่น มองดวงตาของเขาแน่วนิ่ง
มู่หรงชงกล่าวว่า “อาเฉิน เจ้ารู้สึกว่าข้าไม่ยินดีรับความจริงเช่นนี้ จึงยอมปล่อยจิ่งสิงไปด้วยต้องการให้ข้าสงสัยเขาต่อไปใช่หรือไม่ อันที่จริงข้ารู้ตั้งแต่วันที่ออกจากฉางอันแล้ว เรื่องที่เจ้ามองออก เหตุใดข้าจะมองไม่ออกเล่า ก่อนหน้านี้ไม่พูดเรื่องนี้เป็นเพราะคิดว่าบางทีเวลาผ่านไปนานแล้ว เมื่อพูดขึ้นมาอีกครั้งก็จะไม่ทรมานใจเพียงนั้นแล้ว”
มู่หรงชงคิดถึงพี่ชายที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวมาตั้งแต่เล็กและพี่สาวที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างอ่อนโยนผู้นั้น หลายเรื่องประเดประดังในเวลาเพียงชั่วขณะ เขารู้สึกว่ารอบตัวมีเครื่องจองจำอันหนาหนัก ทุกย่างก้าวที่เดินล้วนเหนื่อยยากถึงขีดสุด แต่หากไม่เดินหน้าต่อไปเขาก็จะถูกเครื่องจองจำนี้ทับตาย
มู่เฉินรู้สึกถึงความร้อนใต้ฝ่ามือจึงงอนิ้วเล็กน้อย
แผลหายยังลืมความเจ็บได้ แต่แผลที่อยู่ส่วนลึกในก้นบึ้งหัวใจนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไร้หนทางจะหายดีแล้ว