บทที่ 10 ล่าสัตว์ที่ซั่งหลิน
อุทยานซั่งหลินเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในสมัยราชวงศ์ฮั่น ในยามที่รุ่งโรจน์มีพื้นที่ถึงสามร้อยหลี่ มีแม่น้ำจิงเหอและแม่น้ำเว่ยเหอไหลผ่าน มีตำหนักและสระน้ำอยู่ทั่วพื้นที่ ต่อมาหลังผ่านเหตุการณ์หวังหมั่ง ครองอำนาจและไฟสงครามกองทัพชื่อเหมย ที่นี่ก็แทบจะถูกทำลายราบเป็นหน้ากลอง
ปัจจุบันมีแต่ความชำรุดทรุดโทรม หญ้าขึ้นรกราวกับจะขึ้นไปจรดขอบฟ้า กลายเป็นสถานที่รกร้างไปแล้ว
หลังงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของฝูเจียน ข่าวว่าเขาจะไปล่าสัตว์ที่อุทยานซั่งหลินแพร่ออกไปก็มีผู้ติดตามเป็นพรวนในทันที ล้วนแต่อยากไปเป็นเพื่อนฮ่องเต้กันทั้งนั้น ฝูเจียนอารมณ์ดีมาก สุดท้ายก็ให้คนจำนวนมากเดินทางไปด้วยกัน คนในรุ่นเดียวกับฝูเจียนมีหยางผิงกงฝูหรงและฉงเหอโหวฝูหมัว รุ่นลูกมีฝูฮุย ฝูหง ฝูรุ่ย และฝูเป่า ขุนนางต่างเผ่ามีเสนาบดีเซียนเปยมู่หรงเหว่ย เจ้าเมืองนครหลวงมู่หรงฉุย เสนาธิการแดนเหนือมู่หรงหง เจ้าเมืองผิงหยางมู่หรงชง แม่ทัพหยางอู่แห่งเผ่าเชียงเหยาฉาง และนายทหารแห่งโฉวฉือหยางติ้ง
เดือนเจ็ด ฤดูกาลแห่งการเติบโต ต้นไม้เขียวให้ร่มเงา
มู่เฉินติดตามมู่หรงชงมาถึงอุทยานซั่งหลิน นางเห็นคนทั้งหลายแบ่งกันยืนเป็นสองสามแถว บุรุษแต่ละคนสวมชุดเกราะเบา ในมือกุมอาวุธล่าสัตว์ไว้
มู่หรงชงสวมชุดนอกตัวยาวสีขนอีกา สวมหมวกปีกนก ใบหน้าเนียนเกลี้ยงเกลาประดุจหยก แขนเสื้อปลิวไสว รูปโฉมงามล่มเมือง
สายตาของฝูเจียนหยุดอยู่ที่ร่างมู่หรงชงชั่วประเดี๋ยวก่อนจะเลื่อนมาอยู่ที่มู่เฉิน มู่เฉินก้มหน้าลงหลบสายตาของเขา
ฝูฮุยเดินผ่านข้างกายมู่หรงชง แค่นหัวเราะเบาๆ ทีหนึ่ง “บุรุษรูปโฉมเหมือนสตรี ปีศาจยั่วยวนเจ้านาย!”
มู่หรงชงมิได้สนใจ ยืนอยู่กับที่ราวกับว่าไม่ได้ยิน
เสียงแหลมๆ ของซ่งหยาเริ่มป่าวประกาศกฎในการล่าสัตว์ “ฝ่าบาทมีรับสั่ง แข่งขันโดยการแบ่งกลุ่ม ตรงนี้มีกระดาษที่เขียนนามของใต้เท้าแต่ละท่านไว้ ใช้การจับสลากกำหนดกลุ่ม เมื่อถึงยามโหย่ว* ให้กลับมาที่นี่ กำหนดแพ้ชนะโดยพิจารณาจากจำนวนและขนาดของสัตว์ที่ล่าได้”
คนทั้งหลายเริ่มจับสลาก
ผลลัพธ์สุดท้ายคือมู่หรงชง ฝูฮุย และเหยาฉางอยู่กลุ่มเดียวกัน มู่หรงหง ฝูหมัว และฝูหงอยู่กลุ่มเดียวกัน…
ฝูเป่ามองกระดาษในมือ โมโหจนถามซ่งหยาเสียงต่ำ “มิใช่ให้เจ้าจัดข้าไว้ในกลุ่มของพี่เฟิ่งหรือไร เหตุใดจึงเป็นมู่หรงฉุยกับหยางติ้ง”
ซ่งหยายิ้มปะเหลาะ “องค์หญิง เรื่องจับสลากนี้…เล่นเล่ห์ได้ยากยิ่ง ยิ่งกว่านั้นกลุ่มนี้ของท่านก็เป็นพระราชประสงค์ของฝ่าบาท”
คิ้วเรียวของฝูเป่าชี้ชัน “เจ้าพูดเช่นนี้ คอยดูเถอะว่ากลับไปแล้วข้าจะจัดการเจ้าเยี่ยงไร!”
ซ่งหยาค้อมตัวเอ่ย “องค์หญิงทรงไว้ชีวิตด้วย นี่เป็นพระราชประสงค์ของฝ่าบาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ…”
“เสด็จพ่อทรงหวังให้ข้าแต่งงานกับหยางติ้ง?” ฝูเป่าแค่นเสียงเย็น “ข้าไม่ยอมให้เขาสมปรารถนาหรอก!”
ฝูเป่าพูดจบก็กระโดดขึ้นหลังม้า
มู่เฉินในฐานะผู้ติดตามของมู่หรงชงจะได้ขี่ลูกม้าสีแดงพุทรา นางเพิ่งจะมาถึงม้า กลับได้ยินเสียงอุทานดังขึ้นด้านข้าง นางหันหน้าไปก็มองเห็นเพียงในหมู่ผู้ติดตามของฝูหมัวมีสตรีนางหนึ่งกำลังตกลงจากหลังม้า!
มู่เฉินไม่ทันได้คิดมากพุ่งตัวไปคิดจะรับคน
ทว่าฝูหมัวเร็วกว่านางก้าวหนึ่ง เขาโอบสตรีนางนั้นเข้าอ้อมแขนแล้ว
มู่เฉินสัมผัสถูกเพียงมือนาง แม้จะเพียงชั่วพริบตาเดียว แต่นางมองเห็นว่าบนข้อมือบางนั้นมีรอยแผลเป็นจางๆ อยู่หนึ่งรอย มู่เฉินใจลอยไปชั่วขณะ นึกขึ้นได้ว่าพวกนางสองพี่น้องเล่นกันในสมัยเด็กแล้วมู่อวิ่นจือเผลอสะดุดล้ม ซึ่งได้ทิ้งรอยแผลเป็นนี้ไว้ มู่เฉินลงข้อสรุปแน่ชัดว่าสตรีนางนี้ก็คือมู่อวิ่นจืออย่างไม่ต้องสงสัย
นางมองคนผู้นั้นด้วยท่าทางอึ้งงัน กลับเห็นอีกฝ่ายคลุมผ้าคลุมหน้าไว้ ทำให้มองเห็นหน้าได้ไม่ชัด
ฝูหมัวหารู้ไม่ว่ามู่เฉินก็คือคนที่หลบอยู่บนรถลากในวันนั้นจึงถามยิ้มๆ “แม่นาง คนไม่เป็นไรแล้ว เจ้าจับนางไว้ไม่ปล่อยหมายความว่าอย่างไร”
คราวนี้มู่เฉินถึงได้สังเกตเห็นเขา นึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นแล้วก็รู้สึกแผ่นหลังเย็นวาบ นางปล่อยมือก่อนเอ่ยว่า “นางดูคล้ายกับสหายเก่าคนหนึ่งของข้าอยู่บ้าง”
“ปิดหน้าอยู่เจ้าก็ยังมองออกว่าคล้ายได้อีก?” ฝูหมัวมองไปทางมู่หรงชงก่อนเอ่ยว่า “เจ้าบอกข้าว่าได้สตรีชาวฮั่นที่หายากน่าเก็บไว้มานางหนึ่ง ให้ข้าพาคนผู้นี้ของตนเองออกมาเทียบกันดู บัดนี้เห็นได้ชัดแจ้งว่าคนที่ปิดหน้าไม่พูดไม่จาผู้นี้ของข้าดีกว่าคนที่เซ่อๆ ซ่าๆ ผู้นี้ของเจ้ามากทีเดียว”
คราวนี้มู่เฉินถึงได้เข้าใจ นี่ก็คือ ‘ของขวัญ’ ที่มู่หรงชงบอกไว้ก่อนหน้านี้ แต่…หายากน่าเก็บไว้? เซ่อๆ ซ่าๆ?
ประเดี๋ยวเดียวคนทั้งหลายก็ขึ้นไปอยู่บนหลังม้ากันหมดแล้ว
มู่หรงชงเรียกนางจากด้านข้าง “ชิงหลวน มานี่”
มู่เฉินเดินไปหาแล้วเตรียมจะขึ้นม้า มู่หรงชงที่นั่งบนม้าอีกตัวยื่นมือมาตรงหน้า คิดจะช่วยดึงนาง มู่เฉินอึ้งงันไปเล็กน้อย ยืมแรงจากมือเขาขึ้นหลังม้าของตนเอง ก่อนกระซิบว่า “ขอบคุณ”
มู่หรงชงเอ่ยเตือน “ระวังอย่าเผยพิรุธอีกเชียว”
“ได้” มู่เฉินถามเสียงเบา “เตรียมของเรียบร้อยแล้วหรือยัง”
“พี่หงจะนำไปไว้ต่อพระพักตร์ฝ่าบาทเอง”