คณะของมู่เฉินกับมู่หรงชงมาถึงส่วนลึกของป่าแล้วก็เดินเลาะลำธาร หูฟังเสียงน้ำและหินกระทบกัน ส่งเสียงไพเราะดังมา
ใบไม้บริเวณยอดต้นเริ่มถูกย้อมด้วยสีแดงแล้ว บางครั้งบางคราวมีนกบินผ่านไปก็จะมีใบไม้ไม่กี่ใบร่วงลงมา
ฝูฮุยเดินอยู่หน้าสุด ข้างหลังเป็นเหยาฉาง เขาอายุสี่สิบกว่า สวมชุดเผ่าเชียง สีผิวคล้ำเล็กน้อย ใบหน้าได้รูป ผู้ที่ติดตามเขาเป็นคนหนุ่มหน้าตางามหมดจดเป็นที่สุด ตลอดทางไม่เคยพูดสิ่งใด
มู่หรงชงกับมู่เฉินอยู่รั้งท้าย มู่เฉินจงใจรั้งม้าเดินช้าลงสองสามก้าว ก่อนกล่าวกับมู่หรงชงว่า “ข้าแน่ใจแล้ว สตรีนางนั้นที่ข้างกายฉงเหอโหวก็คือน้องสาวของข้า”
มู่หรงชงว่า “อย่าเพิ่งร้อนใจ ข้าจะคิดหาทางทำให้พวกเจ้าได้พบหน้ากัน นางรู้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นผู้ใด”
มู่เฉินครุ่นคิดเล็กน้อย “น่าจะไม่รู้”
ฝูฮุยที่อยู่ทางด้านหน้าพลันพูดขึ้น “เจ้าเด็กไป๋หลู่! เจ้ามัวกระซิบกระซาบอะไรอยู่ข้างหลัง! อาวุธไม่มีตา อย่าเผลอถูกข้ายิงตายเสียเล่า!”
ฟิ้ว!
ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งมาทางพวกเขา มู่หรงชงที่อยู่ด้านข้างดึงตัวมู่เฉินไปด้านหน้า ทับกายครึ่งบนของนางไว้ถึงได้หลบพ้นอย่างเฉียดฉิว
ฉึก ลูกธนูพุ่งแทงเข้ากลางลำตัวกระต่ายป่าตัวหนึ่ง กระต่ายดิ้นอยู่บนพื้นได้สองทีก็แน่นิ่งไป
ฝูฮุยขี่ม้าไปเก็บกระต่ายใส่ลงในถุง ก่อนแค่นเสียงเย็นใส่มู่หรงชง “นับว่าเจ้าชะตาแข็ง!”
เหยาฉางกล่าวขึ้น “ยินดีกับผิงหยวนกงด้วยที่ยิงถูกเป้าในดอกแรก”
ฝูฮุยพูดยิ้มๆ “แม่ทัพเหยา หากข้าสู้ไม่ได้กระทั่งเจ้าเด็กไป๋หลู่ผู้นี้ก็ออกจะน่าขายหน้าเกินไปแล้ว!”
เหยาฉางพยักหน้าน้อยๆ “องค์ชายตรัสได้ถูกต้อง”
มู่หรงชงเอ่ยขึ้นว่า “ข้าย่อมมิกล้าเปรียบเทียบสูงต่ำกับองค์ชาย และกฎในการล่าสัตว์ก็มิใช่ให้คนในกลุ่มเดียวกันแข่งขันกัน”
ฝูฮุยแค่นเสียงเย็นชาก่อนหันหัวม้าเปลี่ยนทิศทางไปอยู่ด้านหน้าสุดต่อ
ตลอดทั้งเช้าทั้งคณะของมู่หรงชงล่ากระต่ายได้เจ็ดตัว ไก่ป่าสี่ตัว และนกอีกสองตัว
หลังพวกเขากินเสบียงกันลวกๆ เสร็จก็ตามหาเหยื่อกันต่อ
รอบข้างเงียบสงัด ฝูฮุยบ่นขึ้นอย่างอดไม่อยู่ “นี่มันสถานที่อะไรกัน เหยื่อน้อยปานนี้!” ขณะที่พูดเขาพลันกลั้นลมหายใจ “มู่หรงชง เจ้าอย่าขยับ!”
คนทั้งหลายมองไปทางเขา เห็นเพียงบนต้นไม้ใหญ่ที่ด้านหลังมู่หรงชงกับมู่เฉินมีงูตัวใหญ่เท่าแขนอยู่ตัวหนึ่ง กำลังเลื้อยช้าๆ ไปทางพวกเขา
มู่เฉินตกใจจนสีหน้าแข็งค้าง เห็นฝูฮุยเตรียมน้าวธนูแล้ว แต่จุดที่เขาเล็งมิใช่งูยักษ์โดยสิ้นเชิง แต่เป็น…มู่หรงชง!
นางอดจะตะโกนขึ้นไม่ได้ “หยุดมือ!”
ฝูฮุยเกิดเจตนาจะสังหารมู่หรงชงแล้ว อยากให้เขาก้าวออกจากสถานที่ที่ไร้ผู้คนนี้ไม่ได้ตลอดกาล
ฟิ้ว
ลูกธนูยิงออกมาแล้ว!
เมื่อครู่มู่หรงชงมัวแต่คิดว่าจะหลบงูยักษ์นี้อย่างไรจึงรับมือการโจมตีในยามฉับพลันไม่ทัน ครั้นเห็นลูกธนูกำลังจะมาถึงตัวอยู่รอมร่อและในชั่วขณะนั้นก็เห็นงูยักษ์ตัวนั้นพุ่งเข้าหามู่เฉิน เขาจึงชักดาบแทงเข้าที่ม้าของมู่เฉินทันที
ม้าวิ่งไปข้างหน้าเนื่องจากความเจ็บปวด หลบพ้นการจู่โจมจากงูยักษ์ ทว่าลูกธนูที่ฝูฮุยยิงมาได้พุ่งมาถึงตรงหน้าแล้ว!
มู่หรงชงไม่ทันได้คิดถึงแม้แต่ความเป็นความตาย ได้ยินเพียงเสียงดังเคร้ง ธนูอีกดอกยิงมาจากมุมเฉียง แทงเข้าที่ตัวลูกธนูของฝูฮุย ทำให้ลูกธนูดอกนั้นตกลงพื้น
มู่หรงชงนั่งอยู่บนหลังม้าโดยที่ปลอดภัยดี แม้แต่ขนคิ้วยังไม่ขยับสักนิด
ฝูฮุยเห็นภาพนี้ ขณะคิดจะบันดาลโทสะกับคนที่ยิงลูกธนูดอกนั้นอีกฝ่ายกลับชิงเอ่ยปากขึ้นก่อน “องค์ชายทรงห้าวหาญโดยแท้! ทว่าไม่เล็งธนูให้ดีก็ยิงออกไปเสียแล้วจะเป็นเรื่องอันตรายยิ่ง!” นางพูดพลางยิงลูกธนูออกมาอีกดอก แทงตรงเข้าที่ตางูจนทะลุหัวมันออกไป งูยักษ์ดิ้นรนก่อนตายได้ครู่เดียวก็แน่นิ่งไป