LOVE
ทดลองอ่าน บอสคะ หนูจะไม่ทน! บทที่ 3
บทที่ 3 ได้…สักครั้ง จะตั้งใจทำงาน
“ถึงแล้วนังหนู ลงไปได้แล้ว!”
มาลินีปรือตาขึ้นมองดวงหน้าของชายวัยกลางคน จำได้ว่าเธอเรียกแท็กซี่จากร้านอาหารให้มาส่งที่อพาร์ตเมนต์ แต่ตึกสูงข้างหน้านี่ไม่ใช่อพาร์ตเมนต์ของเธอสักหน่อย
“ลุงหลอกหนูมาปล้ำรึเปล่า” มาลินีถามเสียงอ้อแอพลางยึดขอบประตูไว้แน่น
“โว้ย ยัดคุกให้ข้าแล้วไหมล่ะ เอ็งบอกให้ข้าพามาส่งที่บริษัทเพราะลืมของ ข้าก็พามานี่แล้วไง เจ.ซี.กรุ๊ปแถวสาทรก็มีตึกนี้ตึกเดียวนี่แหละ”
“อ้าวเหรอ หนูบอกแบบนั้นเหรอ”
“เออสิวะ” คนขับส่ายศีรษะระอา รีบโบกมือไล่เมื่อหญิงสาวทำทีจะขย้อนอะไรบางอย่างออกมาจากริมฝีปาก “รีบๆ ลงไปซะไป๊ ข้าเพิ่งล้างรถเมื่อเย็น อย่ามาอ้วกใส่”
มาลินียิ้มแหย ควานหาแบงก์ร้อยในกระเป๋าส่งให้คนขับรถ
“ไม่ต้องทอนลุง ไม่ต้องทอน”
“เก้าสิบแปดบาท ทำมาเป็นป๋า”
คนขับรถพึมพำ แต่มาลินีมึนจนนึกถ้อยคำสวนกลับไม่ออกเลยเปิดประตู เดินโซเซลงจากรถพลางคว้าราวบันไดทางขึ้นตึกไว้เป็นหลัก รปภ.ชายวัยกลางคนเห็นเข้าก็ร้องทัก
“เมาแอ๋เลยหนูมะลิ ทำไมไม่กลับบ้านเล่า”
“มือถือ…หนูลืมมือถือจ้ะ”
มาลินีว่าพลางควานหาบัตรพนักงานในกระเป๋า รปภ.เห็นท่าจะไม่ไหวจึงกดสัญญาณเปิดประตูอัตโนมัติ ก่อนเดินไปแตะบัตรบริเวณแผงลิฟต์ด้านในให้
“ไหวแน่เหรอหนูมะลิ”
“สบายมากจ้ะลุง”
“ถ้าหนูไม่ลงมา ลุงไม่ต้องขึ้นไปเก็บซากหนูนะ หนูคงเมาแอ๋อยู่ในห้อง เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูกู้ร่างเอง”
ลิฟต์พาเธอขึ้นมาส่งถึงออฟฟิศซึ่งกินอาณาเขตครอบคลุมเกือบทั้งฟลอร์ ฝั่งซ้ายตอนออกจากลิฟต์เป็นฝั่งห้องทำงานของพนักงานในทีม ขณะที่ฝั่งขวาเป็นห้องสันทนาการและแบ่งพื้นที่โล่งไว้สำหรับทดลองจัดดิสเพลย์สินค้าตัวใหม่ของบริษัท
ด้วยความที่ เจ.ซี.กรุ๊ป เป็นบริษัทมหาชน บรรดาผู้ถือหุ้นใหญ่จึงมีสิทธิ์มีเสียงในบริษัทไล่เรียงกันลงไปตามลำดับ ผู้ถือหุ้นใหญ่สุดคือคุณหญิงจิตราผู้ก่อตั้งบริษัท
เจตต์ซึ่งเป็นหลานของคุณหญิงจิตราคือหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของ เจ.ซี.กรุ๊ป แต่ยังน้อยกว่านักลงทุนหุ้นวัยห้าสิบกว่าอย่างคุณเกียรติ ทุกครั้งเวลาออกเสียงคุณเกียรติจึงเป็นหนึ่งในผู้กุมชะตานโยบายของบริษัท
โชคร้ายที่เกียรติไม่ค่อยชอบหน้าเจตต์นัก เพราะเคยมีปัญหาส่วนตัวกันมาก่อน เกียรติจึงคอยแทรกแซงทุกครั้งที่เจตต์นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่โชคดีที่เจตต์เป็นคนเก่ง หยิบจับอะไรก็ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า บอร์ดบริหารและผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เชื่อใจจึงมีมติให้ผ่านทุกครั้ง แม้ว่ากว่าจะเข็นให้สินค้าออกมาได้แต่ละตัวจนผ่านการอนุมัติจะเล่นเอาเลือดตาแทบกระเด็น
หลายครั้งที่เจตต์พยายามขอซื้อหุ้นคืนจากเกียรติ แต่อีกฝ่ายเล่นตัวเรียกราคาสูงลิบลิ่วจนเจตต์ต้องล่าถอยไปตั้งหลักใหม่
หลังๆ เจตต์จึงโฟกัสที่งานของตัวเองเป็นหลัก เพราะไม่อยากเสียอารมณ์กับพวกนักลงทุนที่ชอบถือโอกาสเข้ามาแทรกแซงการบริหารของบริษัท
มาลินีชะเง้อคอมองจากหน้ากระจกออฟฟิศ เห็นไฟในห้องทำงานเปิดอยู่ แถมประตูด้านหน้าไม่ได้ล็อกอีก เธอจึงดันประตูแล้วลากสังขารเข้าไปในห้อง
ด้วยความที่คออ่อนแต่ดันไม่เจียม ดื่มเหล้าไปเกือบหมดขวด ร่างกายมาลินีจึงร้อนระอุราวกับอยู่ในตู้อบซาวน่า นัยน์ตาแดงก่ำฉ่ำเยิ้มมองภาพตรงหน้าไม่ชัดเหมือนมีภาพสองภาพซ้อนทับกัน
บนโซฟาบุนวมที่ควรว่างเปล่ากลับมีร่างสูงใหญ่ของเจ้านายสุดที่รักนอนเอกเขนกอยู่ สงสัยเธอจะเมามาก มาลินีพยายามสลัดศีรษะกู้สติคืนมา แต่เรือนร่างสูงใหญ่ที่นอนนิ่งเหมือนศพกลับไม่ได้หายไปด้วย
“บอสคะ ตื่นสิ มาแย่งมะลินอนได้ไง”
มาลินีคุกเข่าลงข้างกายพลางเขย่าแขนซึ่งประสานกันอยู่บนหน้าอก ทว่าดวงตาคมกริบที่เคยเปล่งประกายร้อนแรงยั่วเย้าหัวใจของเธอบ่อยครั้งกลับไม่ขยับเขยื้อน
“ถ้าบอสไม่ตื่น…มะลิจะปล้ำนะคะ”
มาลินีพูดจาอ้อแอ้ พลางดุนจมูกกับต้นแขนแข็งแรงเหมือนลูกแมวกำลังไถหน้ากับต้นแขนเจ้าของแต่เขากลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบกลับเช่นเคย
สงสัยอยากโดนปล้ำ แฮะ!
“ถ้าบอสไม่ตื่น คืนนี้มะลิจะไปนอนที่ไหนล่ะ”
หญิงสาวเหลียวไปรอบห้องเห็นแค่โซฟาตัวนี้แหละเหมาะเหม็งกับการเกลือกกลิ้งใช้เป็นที่ซุกหัวนอนในคืนนี้
“สงสัยจะหลับลึกแฮะ”
หลับลึกขนาดนี้ เขาคงไม่รู้ว่าถูกเธอเอาเปรียบ คิดได้ดังนั้นมาลินีก็เริ่มชอนไชปลายนิ้วไปตามกรอบหน้าคมสันหล่อเหลาที่สั่นคลอนหัวใจของเธอตั้งแต่แรกเห็น
“ถ้าได้จูบบอสสักครั้ง มะลิจะตั้งใจทำงานเป็นเท่าตัวเลยนะคะ”
ไม่ต้องรอให้อนุญาต หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นนั่งคุกเข่า โน้มใบหน้าแตะริมฝีปากกับกลีบปากหยักสวยของเขาแผ่วเบาสักครั้งสองครั้งพอเป็นพิธี ก่อนขยับตัวออกมามองเขา
แปลกที่เธอกลับรู้สึกว่าเขาหน้าแดง แต่พอเธอสะบัดศีรษะอีกรอบก็เห็นว่าเขายังนอนนิ่งอยู่เช่นเดิม
“ขออีกนิดนะคะบอส”
และแล้วมาลินีจึงเริ่มแทะเล็มกลีบปากล่างของเขา หยอกเย้าดูดดึงเหมือนผึ้งน้อยตอมน้ำหวานจากดอกไม้ครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับรอคอยมานาน พอได้โอกาสจึงไม่ยอมหยุดปล้นจูบเจ้านายง่ายๆ
แต่เหตุใด…ช่วงกำลังคลายริมฝีปากออกนั้น มาลินีกลับรู้สึกราวกับว่าเธอถูกกัด
กัด…แบบที่ริมฝีปากของเธอถูกดูดดึงให้ไม่อาจล่าถอยไปจากการแอบปล้นจูบ ความรักที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจรุมเร้าให้เธอฉวยโอกาสที่หาได้ยากยิ่งจูบกลับไปแบบงงๆ
นานราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์กว่ามาลินีจะเป็นอิสระ ริมฝีปากของเธอบวมเจ่อ นั่งคุกเข่ากะพริบตาปริบๆ มองเจ้านายที่ยังนอนนิ่งไม่ไหวติง
“บอส!”
แน่นอนว่าลมหายใจเขายังสม่ำเสมอ คงหลับลึกมาก…มากจริงๆ จึงไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักนิด ทั้งที่เธอคลับคล้ายคลับคลาว่าคนที่นอนนิ่งอยู่นี้จูบกลับอย่างร้อนแรงด้วยซ้ำไป
แต่ความจริงคือเขาหลับ และเธอจูบเขาอยู่ฝ่ายเดียว
ผีห่าซาตานตนไหนเข้าสิงเธอนะถึงปล้นจูบเจ้านายไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้ หากเขาตื่นขึ้นมารู้เข้า มีหวังเธอถูกไล่ออกแน่ๆ
หญิงสาวทรุดนั่งขัดสมาธิ เท้าแขนกับเบาะโซฟา มองดวงหน้าหล่อเหลาอย่างท้อใจ เพิ่งจะได้ปล้นจูบเขาไปอยู่หยกๆ แต่อารมณ์ดราม่าน้ำตาเล็ดกลับผุดขึ้นมาจนได้
“บอสรู้ไหม…มะลิน่ะแอบรักบอสมาแปดปีแล้วนะ เป็นคนอื่นคงหนีไปมีแฟนหมดแล้ว แต่มะลิบ้าบอดันทุรัง หลอกตัวเองว่าขอแค่ได้เห็นหน้า ได้พูดคุยกับบอสบ้าง ก็ฟินที่สุดแล้ว”
มาลินีพูดไปสะอึกสะอื้นไป
“มะลิน่ะเลิกชายตามองผู้ชายอื่นตั้งแต่เจอบอสวันแรกที่หอประชุมมหา’ลัยเลยนะคะ บอสคงจำไม่ได้หรอก ตอนนั้นบอสยังกะเทพบุตรแน่ะ ยิ่งได้ฟังประวัติบอส มะลิก็ยิ่งปลื้มเลยตั้งใจว่าจะทำงานที่ เจ.ซี.กรุ๊ป ให้ได้”
มาลินียกมือขึ้นปาดน้ำตาพลางระบายความในใจอีกมากมาย ทั้งเรื่องที่ตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานหนักเพื่อให้บอสยอมรับในฝีมือ หรือแม้แต่เรื่องตอนไปเที่ยวพัทยากับเพื่อนเมื่อปีก่อนแล้วเธอดันเห็นเขาควงสาวเข้าโรงแรมเคป ดาราที่พัทยา เล่นเอามาลินีร้องไห้ตาแดงอยู่หลายวัน เธอก็เล่าออกมาจนหมดเปลือก
“ถึงใครๆ จะบอกว่าบอสมีดีที่หน้าตากับสมอง นอกนั้นเชยสุดๆ มีความลุงสูงมาก แต่บอสรู้ไหมว่ามะลิไม่แคร์สักอย่าง สำหรับมะลิแล้ว บอสจะทำอะไรก็ดูดีไปหมด บอสน่ะมีเซ็กซ์แอพพีลสูงมาก มะลิอยู่ใกล้บอสทีไรเลยคอยแต่คิดทะลึ่งตึงตังกับบอสทุกที”
ว่าแล้วเลยฉวยโอกาสกดจมูกหอมแก้มเขาเบาๆ หนึ่งทีอย่างอดไม่อยู่
“มะลิรักบอสนะ บอสได้ยินไหม”
มาลินียื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเขาอีกสองทีเป็นสแปร์เก็บไว้ฟินเล่นหลังลาออกจากงาน
“พี่ธิดาบอกว่าสักวันบอสต้องแต่งงานกับคนที่คุณหญิงเลือกให้ ถึงวันนั้นมะลิคงหัวใจสลาย มะลิเลยว่าจะลองหางานใหม่ทำ บางทีอาจกลับบ้านที่ระยอง แถวนั้นมีนิคมอุตสาหกรรม คงพอมีงานให้มะลิทำบ้าง”
หญิงสาวถอนหายใจพลางไล้ปลายนิ้วไปตามกรอบหน้าคมสันเล่น
“บอสรู้ไหมตั้งแต่มะลิเจอบอส เป้าหมายเดียวในชีวิตของมะลิก็คือบอส แค่ได้ตื่นขึ้นมาเห็นหน้าบอส ได้ฟังบอสพูดหรือยิ้มให้ มะลิก็มีความสุขไปทั้งวันแล้ว แต่ถ้ามะลิยังอยู่ที่นี่ต่อคงเลิกรักบอสไม่ได้แน่ๆ”
มาลินีคว้ามือเจตต์มากุมก่อนแนบใบหน้ากับหลังมือของเขา ครู่หนึ่งเธอก็หาวนอนขึ้นมาเพราะมีแอลกอฮอล์เจือปนในกระแสเลือดในปริมาณมากกว่าปกติ
“บอสแย่งที่นอนของมะลิเองนะ อย่าหาว่ามะลิปล้ำทีหลังละกัน”
หญิงสาวหัวเราะคิกคักพลางวางมือของเขาไว้ข้างตัว แล้วลุกขึ้นยืนอย่างเงอะงะ กะจังหวะในการทิ้งตัวบนโซฟาตัวใหญ่สีน้ำตาล ด้านในยังเหลือที่ให้แทรกตัวอีกนิดหน่อย แต่คงเพราะกะจังหวะผิดเธอจึงหล่นตุ้บลงไปกองอยู่บนตัวเขา แต่แทนที่หญิงสาวจะขยับตัวพลิกไปยังพื้นที่เล็กๆ ด้านในโซฟาที่เหลืออยู่ เธอกลับยิ้มกริ่มเงยหน้าขึ้นจูบปลายคางเจ้านายสุดที่รักแผ่วเบา ก่อนนอนพิงอกกว้างแล้วหลับผล็อยไป
ผ่านไปครู่หนึ่งยายเด็กขี้เมาก็นอนสลบไสลไม่ได้สติ แต่คนที่ถูกเธอทับอยู่ข้างล่างกลับลืมตาโพลงในความสลัวของแสงไฟพลางถอนหายใจแรงๆ
เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูน เล่นมานอนทับกันแบบนี้ รู้ไหมว่าอันตรายแค่ไหน
เรือนร่างนุ่มนิ่มไปทุกส่วนทำให้ร่างกายของเขาร้อนวูบวาบ เส้นผมยาวสลวยมีกลิ่นหอมอ่อนๆ คละเคล้ากับกลิ่นบุหรี่ ลมหายใจของเธอมีกลิ่นแอลกอฮอล์เจือปนอยู่ซึ่งเขารับรู้ได้ตอนขโมยจูบกลับ
เธอคงไม่เคยจูบใครมาก่อนจึงจูบตอบอย่างไร้เดียงสา นั่นยิ่งทำให้เขาย่ามใจ ไม่อยากปล่อยริมฝีปากอิ่มราวกับผลเชอรี่ให้หลุดมือ จึงตักตวงอยู่นานจนเธอมึนงง แต่สุดท้ายจำต้องล่าถอยยอมคืนลมหายใจ แล้วแกล้งหลับตามเดิม
ชายหนุ่มถอนหายใจพลางปลุกเธอเบาๆ ทว่าแทนที่จะตื่น เธอกลับวาดวงแขนเกาะเขาไว้แน่นเหมือนตุ๊กแกเกาะผนัง
“อย่าเพิ่งปลุกสิคะบีบี๋ มะลิยังง่วงอยู่เลย”
บีบี๋…ใครกัน!
ไหนว่ารักเขาคนเดียว แล้วไอ้บีบี๋เป็นใคร หล่อเหลาแค่ไหนกันถึงบังอาจเข้าไปอยู่ในฝันของเธอได้
ความไม่พอใจผุดวาบขึ้นในดวงตาคมกริบ ความหวงแหนที่ซุ่มซ่อนอยู่ลึกสุดหัวใจฉุดให้เขายกวงแขนแข็งแรงขึ้นโอบประคองเธอไว้แน่น
มาลินีก็ตัวนุ่มนิ่มอยู่หรอก แต่เธอยังเด็กมาก อ่อนกว่าเขาตั้งสิบเอ็ดปี
เราไม่มีอะไรเหมือนกันด้วยซ้ำ เธอร่าเริงแจ่มใส แต่เขาเงียบขรึมและเข้มงวด เธอบ้าแฟชั่น แต่งตัวอินเทรนด์ ส่วนเขานั้น…เชย!
ใช่ว่าเจตต์ไม่เคยได้ยินผู้คนพูดถึงรสนิยมการแต่งกายของตน แต่เขาไม่คิดจะสนใจ เพราะมันเสียเวลาและเปลืองสมอง ทว่าพอหลุดออกจากปากของหญิงสาวหน้าใสมันกลับทำให้เขาเสียความมั่นใจ
แล้วเมื่อกี้อะไรนะ เธอจะเลิกรักเขา จะทิ้งเขาไปอยู่ที่อื่น…ฟังแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า!
ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเธอแอบชอบเขามาหลายปีแล้ว แต่ชีวิตการงานอันแสนยุ่งเหยิงไม่เอื้ออำนวยต่อการมีคนรัก อีกทั้งผู้หญิงเหล่านั้นล้วนเรียกร้องมากมาย เขาเองก็ไม่คิดสละเวลาอันมีค่าตอบสนองความต้องการเหล่านั้น
ทว่าสำหรับมาลินี…เธอคอยดูแลเอาใจใส่ทุกอย่าง ไม่ว่าเขาจะดุ จะเหวี่ยง จะวีน หรือจะไม่อยากพูดอะไรเลย เธอก็สามารถปรับตัวและรับได้ทุกอย่าง เพียงแค่หันไปหาเขาจะเห็นเธอยืนฉีกยิ้มหวานรออยู่เสมอ
ความรู้สึกฟุ้งซ่านนี้ยุ่งและยากเกินไป ส่งเขาไปฟาดฟันกับพวกผู้บริหารเขี้ยวลากดินยังง่ายเสียกว่ารับมือกับความรู้สึกแปลกประหลาดนี้
จะว่าไปแล้วมาลินีก็เป็นพนักงานดีเด่น ไม่เคยขาด ไม่เคยลา ทำงานอึดถึกอยู่โยงยันเช้าโดยไม่เคยบ่น แล้วมันเรื่องอะไรที่เขาจะปล่อยเธอไปสร้างผลงานให้ที่อื่น
ชายหนุ่มแค่นหัวเราะพลางกระชับอ้อมแขนกอดร่างนุ่มนิ่มไว้อย่างหวงแหน
อย่าฝันเลยมาลินี…เธอไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 27 พ.ย. 62