ทดลองอ่าน บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 1 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 1

หน้าที่แล้ว1 of 16

บทที่ 1

ลิ่นเซี่ยวมองประเมินสภาพหมู่บ้านเบื้องหน้าคร่าวๆ ด้วยแววตาเคร่งขรึม

บ้านเรือนแตกต่างจากที่เขาเคยพบเห็นมาก่อนมาก การวางผังของหมู่บ้านเรียกได้ว่า ‘ไร้ระเบียบแบบแผน’ บ้านสิบกว่าหลังสร้างอยู่ติดกัน เรียงจากทิศเหนือไปทางทิศใต้ ลักษณะภายนอกแลดูหยาบๆ และเรียบง่ายอย่างยิ่ง แต่ละหลังครอบครองพื้นที่ไม่กว้างขวางอะไร แม้แต่โครงสร้างของบ้านก็คับแคบผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด

หน้าบ้านหลายหลังยังแขวนเสื้อผ้าที่สีซีดจางไปนานแล้ว ขื่อคานแต่ละจุดมีใยแมงมุมเกาะอยู่หนาเตอะ ความเปลี่ยวร้างประจักษ์ชัดแก่สายตา ทุกมุมล้วนทรุดโทรมผุพัง มีเพียงกลองป๋องแป๋งสีแดงซึ่งวางนิ่งอยู่ข้างบ่อน้ำแห้งขอดหน้าหมู่บ้านที่สีสันยังคงสดใสไม่เปลี่ยน ดูเหมือนจะเป็นของสิ่งเดียวที่เชื่อมโยงหมู่บ้านแห่งนี้กับความรุ่งเรืองของโลกภายนอกได้บ้าง

ลิ่นเซี่ยวก้าวเดินช้าๆ ไปที่บ่อน้ำ ค้อมกายลงเก็บกลองป๋องแป๋งขึ้นมา ปัดฝุ่นดินที่เปรอะเปื้อนอยู่ออกไป ก่อนจะหมุนด้ามจับกลองเล็กน้อย ลูกตุ้มกลมสองเม็ดด้านข้างก็ตีไปที่หน้ากลองตามแรงหมุน ส่งเสียงทุ้มหนักแน่นดังป๋อง…แป๋ง…ป๋อง…แป๋ง

หากรวบรวมสมาธิตั้งใจฟังให้ดี จะรู้สึกราวกับว่ายังได้ยินเสียงหัวเราะไร้เดียงสาของเด็กน้อยลอยมาด้วย

ลิ่นเซี่ยวหรี่ตาลง เห็นได้ชัดว่านี่คือหมู่บ้านที่โดนทิ้งร้างมาช่วงระยะหนึ่ง ภาพจากทุกหนทุกแห่งในหมู่บ้านล้วนสะท้อนให้เห็นว่าที่นี่เคยคึกคักมีชีวิตชีวามาก่อน แต่ในวันหนึ่งกลับหยุดชะงักลงอย่างน่าประหลาดและกะทันหันยิ่ง

เขาคิดถึงตนเองและผู้ใต้บังคับบัญชาที่ติดอยู่บนภูเขาลูกนี้มาหนึ่งวันเต็ม ไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิธีการเช่นไรก็ไม่สามารถออกไปจากภูเขาประหลาดลูกนี้ได้เลย ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับหมู่บ้านร้างผู้คนตรงหน้านี้หรือไม่

สายลมเย็นยะเยือกชวนขนลุกระลอกหนึ่งโชยมาขัดจังหวะความคิดของเขา สายลมนั้นประหนึ่งมีตัวตนให้จับต้องได้ มันวนเวียนอยู่ตรงปลายเท้ารอบหนึ่ง และพัดชายชุดสีน้ำเงินเข้มของเขาราวกับจะกลั่นแกล้งกัน

จากนั้นก็มีมือขาวผ่องคู่หนึ่งโผล่มาคล้องพันรอบขายาวเหยียดตรงเอาไว้ เบื้องล่างมีเสียงอุทานอย่างเขินอายของสตรีดังขึ้นว่า “คุณชายรูปงามเหลือเกิน…”

นัยน์ตาลิ่นเซี่ยวหรี่แคบลงโดยพลัน เขาชักกระบี่ข้างเอวออกมาเสือกแทงลงไปอย่างแรงโดยไม่เสียเวลาคิด

กลับพบว่ากระบี่ปะทะกับความว่างเปล่า ตรงหน้าเขาตอนนี้ทั้งมือขาวผ่องหรือแม้แต่เงาดำวูบหนึ่งของผีสาวก็ไม่มีให้เห็นแล้ว

ลิ่นเซี่ยวใจเต้นรัวดั่งตีกลอง หน้าผากขาวสะอาดดุจหยกมีเหงื่อเม็ดใหญ่เท่าถั่วผุดพราย สัมผัสจากมือคู่นั้นเมื่อครู่นี้สมจริงอย่างยิ่ง ไม่มีทางเป็นความคิดเหลวไหลของเขาแน่ ตกลงนี่มันสถานที่บ้าบออะไรกัน! เขารีบเงยหน้าขึ้น เหลียวมองรอบกายด้วยดวงตาถมึงทึง กระบี่ในมือรับรู้ถึงจิตสังหารที่แผ่ออกมาของผู้เป็นนาย มันจึง ‘ส่งเสียง’ ออกมาเบาๆ

แต่ไหนแต่ไรลิ่นเซี่ยวไม่เคยเชื่อเรื่องผีสางเทวดา ทว่านับตั้งแต่เดินขึ้นเขาเป็นต้นมา ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก็อยู่เหนือการรับรู้ของเขาไปแล้ว ภูเขาที่ไร้ทางออก การโดนผีบังตาไม่หยุดหย่อน หมู่บ้านร้างผู้คนที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือยามค่ำคืนซึ่งใกล้มาเยือนทุกขณะ หมู่บ้านตรงหน้าถูกความมืดเข้าปกคลุมอย่างรวดเร็ว ถ้าหากมีปีศาจร้ายอยู่จริง ภายใต้แสงอาทิตย์สว่างเจิดจ้าพวกมันอาจมีความหวั่นเกรงอยู่บ้าง ทว่าเมื่อล่วงเข้าสู่ยามค่ำคืน ไม่รู้จะใช้วิธีการใดมาปรากฏกายตรงหน้าเขากัน

หมอกบนภูเขาค่อยๆ ลงหนา สายลมยามพลบค่ำพัดพาเสียงกระดิ่งอูฐลอยมาเป็นครั้งคราว ช่วยเหนี่ยวรั้งสัมผัสรับรู้ของลิ่นเซี่ยวกลับมาสู่เหตุการณ์ตรงหน้า

กุบกับ…กุบกับ…

เสียงกีบเท้าม้าดังลอยเข้ามาใกล้ กลุ่มองครักษ์เจ็ดแปดคนควบม้าพุ่งทะยานเข้ามาในหมู่บ้าน

กลุ่มองครักษ์บนหลังม้าที่ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มท่วงท่าองอาจโดดเด่น พวกเขาแผ่พลังชีวิตอันล้นเหลือออกมารอบกาย เพียงแค่สะบัดแส้พร้อมกันก็ปัดกลิ่นอายความตายที่อัดแน่นทั่วบริเวณสลายไปด้วยความฮึกเหิม

ลิ่นเซี่ยวเหมือนได้ยินเสียงความมืดถูกฉีกขาดดั่งผ้าไหม ภาพอันน่าพิศวงเมื่อครู่ปลิวหายไปกับสายลมในพริบตา จิตใจของเขาสงบนิ่งลง ก่อนจะนำกระบี่ที่ส่งเสียงแผ่วเบาออกมาเมื่อครู่เก็บเข้าฝักไปอย่างช้าๆ

ชายหนุ่มที่นำกลุ่มองครักษ์มามีอายุราวสิบหกสิบเจ็ดปี หน้าตาหล่อเหลาผิวขาวสะอาด คมดาบแห่งกาลเวลายังไม่ทันทิ้งร่องรอยใดบนใบหน้าอ่อนเยาว์นั้น เขาวิ่งปรี่เข้ามาหาลิ่นเซี่ยวด้วยสีหน้าดุดันน่าเกรงขาม เพิ่งลงจากหลังม้าก็เอ่ยรายงานอย่างร้อนรน

“คุณชาย พวกข้าไปสำรวจแถวนี้จนทั่วแล้ว รอบหมู่บ้านไม่มีชาวบ้านอยู่เลยสักคน ไม่มีโรงเตี๊ยมร้านสุรา แม้แต่วัดวาอารามก็ไม่มีให้เห็นขอรับ”

ลิ่นเซี่ยวไม่เอ่ยตอบคำ ไม่พบโรงเตี๊ยมร้านสุราเป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมายแต่แรก หมู่บ้านแห่งนี้เต็มไปด้วยเรื่องประหลาด ก่อนหน้านี้จะต้องเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญผู้คน ถึงได้ทำให้หมู่บ้านแห่งหนึ่งกลายเป็นหมู่บ้านร้างได้ภายในคืนเดียว

แต่ว่าแม้กระทั่งวัดและอารามเต๋าก็ยังไม่มี…

หน้าที่แล้ว1 of 16

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com