เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม ฉางหรงก็เบิกม่านกระโจมเข้ามาอย่างขุ่นเคืองพร้อมกล่าวกับลิ่นเซี่ยว
“เพราะอะไรคุณชายถึงให้นางปีศาจนั่นค้างแรมในกระโจมของพวกเรา นี่ไม่เท่ากับว่าชักศึกเข้าบ้านหรอกหรือ”
ลิ่นเซี่ยวลอบถอนหายใจ รู้สึกคร้านจะสนใจฉางหรง จึงล้มตัวลงนอนโดยไม่ตอบอะไรสักคำ
คำพูดที่อัดแน่นเต็มท้องฉางหรงต้องกล้ำกลืนกลับไปทั้งอย่างนั้น เขามองลิ่นเซี่ยวด้วยความขุ่นเคือง มองดูท่าทางเช่นนี้ของคุณชายแล้วคงไม่คิดจะพูดอะไรกับเขาอีก
จะว่าไปแล้วนับตั้งแต่ปีก่อนโน้นที่พระชายาจากโลกนี้ไป ท่านอ๋องแต่งงานใหม่กับสตรีสกุลชุย นิสัยของคุณชายก็ยิ่งแปลกพิกลมากขึ้นทุกขณะ
ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ พระชายาคนใหม่ของท่านอ๋องที่แต่งเข้ามาอายุมากกว่าคุณชายเพียงสองปี หลังจากแต่งเข้าวังมาแล้วก่อเรื่องวุ่นวายไม่ใช่น้อย ช่วงต้นปีก่อนพระชายาคนใหม่ตั้งครรภ์ก็ยิ่งมองว่าคุณชายเป็นหนามยอกอก ในที่แจ้งประจบเอาใจท่านอ๋อง ในที่ลับก็ใช้วิธีสกปรกลอบทำร้ายคุณชายบ่อยครั้ง
พอคิดถึงหญิงงามที่ร้ายกาจดั่งอสรพิษผู้นั้น ฉางหรงก็แค้นใจจนกัดฟันกรอด หญิงงามส่วนใหญ่แล้วไม่ใช่คนดีอะไร ก็เหมือนกับนางปีศาจที่เจอวันนี้ ใบหน้าขาวเนียนดั่งหิมะดั่งหยก ไม่แน่ว่าอาจเหมือนที่ในตำราว่าไว้ ‘งดงามเพียงเปลือกนอก’
หืม?…วันนี้คุณชายท่าทีดูผิดปกติอย่างยิ่ง คงไม่ได้สนใจนางเข้าจริงๆ หรอกนะ
เขาเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาเหนือผู้ใดใต้แสงเทียนของลิ่นเซี่ยว คุณชายเกิดปีเดียวกับเขา ปีนี้อายุสิบเจ็ดปีเต็มแล้ว จะว่าไปก็ถึงวัยที่เข้าใจเรื่องราวระหว่างชายหญิง ถ้าหากถูกใจสตรีนางใดขึ้นมาแล้วพากลับไปเป็นหญิงบำเรอ ใครจะว่ากล่าวอะไรได้เล่า
ไม่ๆๆ คุณชายเย่อหยิ่งถือตัวถึงเพียงใดกัน แม้กระทั่งสตรีจากตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองฉางอันพร้อมเสนอตัวให้ด้วยความเต็มใจก็ยังไม่เหลียวแล แล้วจะโดนสตรีซึ่งมีที่มาไม่แน่ชัดเช่นนี้ดึงดูดความสนใจได้อย่างไร
ฉางหรงคิดเรื่องราวในใจสับสนวุ่นวายไปหมด เขายังฝืนทำให้สติแจ่มใสเอาไว้ จับตาดูความเคลื่อนไหวนอกกระโจมอย่างระมัดระวัง แต่ไม่อาจป้องกันความง่วงงุนที่โหมซัดสาดเข้ามาราวคลื่นทะเลสูงลิบ เพียงชั่วพริบตาก็พัดพาเขาเข้าสู่ห้วงนิทราดำมืดไม่เห็นก้นบึ้ง
“อ๊าก…”
เสียงร้องตะโกนโหยหวนบาดลึกราวมีดคมกริบทำให้ฉางหรงที่ยังนอนหลับไม่รู้เรื่องราวเหมือนโดนผ่าออกเป็นสองซีก
ตอนแรกฉางหรงยังมีอาการหวาดผวา แต่ก็ได้สติตื่นเต็มตาขึ้นมาทันที เขารีบลุกขึ้นมาอย่างฉับพลัน สิ่งแรกที่คิดก็คือต้องปกป้องลิ่นเซี่ยว ใครจะรู้ว่าพอหันไปมองด้านข้าง บนที่นอนของลิ่นเซี่ยวกลับว่างเปล่าไร้ตัวคน!
เขาตกใจจนหลั่งเหงื่อเย็นเยียบทั่วร่าง “คุณชาย!” เพิ่งจะวิ่งไม่คิดชีวิตออกไปนอกกระโจม กลับตกตะลึงที่เห็นลิ่นเซี่ยวยืนถือกระบี่อยู่หน้ากระโจมโดยไม่เป็นอะไร ข้างกายรายล้อมด้วยพวกเว่ยปอ แต่ละคนมีสีหน้าจริงจังคล้ายกำลังรวมสมาธิตั้งใจฟังอะไรบางอย่าง
ฉางหรงรู้สึกละอายแก่ใจยิ่งนัก! แม้แต่พวกเว่ยปอยังมีสติตื่นตัวยิ่งกว่า เมื่อเผชิญกับอันตรายก็มาอยู่ข้างกายคุณชายได้อย่างทันท่วงที ส่วนเขาน่ะ กลับนอนหลับเป็นตาย ถ้าหากคุณชายมีอันตรายขึ้นมาจริงๆ เขาจะยังมีหน้าอยู่ต่อไปได้อีกหรือไร
ฉางหรงรีบมาอยู่ข้างกายลิ่นเซี่ยวด้วยความรู้สึกทั้งเก้อเขินและละอายใจ
ขณะที่ฉางหรงกำลังจะเอ่ยปาก นักพรตก็ไม่รู้ว่าโผล่มาจากทางใด เขาผูกเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่อย่างร้อนรนพลางเอ่ยว่า “องครักษ์แซ่ถานผู้นั้น! และยังมีอีกคน ข้าไม่ทราบว่าชื่ออะไร…เสียงดังออกมาจากกระโจมของพวกเขา ข้าได้ยินอย่างชัดเจน ไม่ผิดแน่นอน!”
เวลานี้เองมีองครักษ์สองคนวิ่งมาจากอีกทางหนึ่ง รายงานเสียงดังว่า “คุณชาย ถานฉีกับหวังสิงหายตัวไปแล้ว! แม่นางน้อยคนนั้นก็ไม่อยู่ในกระโจม!”
เป็นนางจริงๆ ด้วย! นางปีศาจ!