เด็กสาวพยักหน้ารับ “ยังไม่นับว่าโง่” ขณะกล่าววาจาก็สาวเท้าเดินออกไปข้างนอก ระหว่างที่เดินไปนั้นกระดิ่งสีทองที่กุมเอาไว้ก็กระทบกัน ส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊งออกมา
เมื่อได้ยินคำพูดของนางแล้ว ท่าทางตอนลิ่นเซี่ยวป้อนยาก็เชื่องช้าลง
เว่ยปอไม่คิดว่าสตรีนางนี้ แม้กระทั่งคุณชายของเขาก็กล้าพูดจากระทบกระเทียบ ภายใต้ความตกตะลึงนั้น ความเป็นปรปักษ์ต่อนางที่เพิ่งจะสลายไปก็ปะทุขึ้นมาทันควัน
ตอนนี้เองมีเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากปากถ้ำ พวกฉางหรงลากตัวนักพรตผู้นั้นเข้ามา
นักพรตโดนมัดอย่างแน่นหนาเหมือนขนมจ้าง แต่ยังคงแหกปากตะโกนลั่น
“เป็นฝีมือนางปีศาจตนนั้นก่อเรื่องชัดๆ เหตุใดพวกเจ้าถึงจับนักพรตอย่างข้าไว้ไม่ยอมปล่อย คงไม่ได้เป็นเหมือนเจ้านายของพวกเจ้า หลงเสน่ห์นางจนสติเลอะเลือนหรอกนะ เจ้าพวกสารเลว! รีบปล่อยข้านะ!”
แต่ทันทีที่หันหน้าไปก็มองเห็นเด็กสาวเดินออกมา นักพรตก็ตาแดงก่ำโดยพลัน เสียงด่าทอยิ่งดังก้องกว่าเดิม “นางปีศาจ! ทำให้คนตายมากถึงเพียงนี้ยังไม่พออีกหรือ ยังโยนข้อหาว่าเป็นปีศาจร้ายมาใส่ศีรษะข้า! ข้าจะสู้ตายกับเจ้าแล้ว!”
นักพรตตะโกนด่าทอไปพลางดิ้นรนเอาศีรษะพุ่งชนไปด้วย แต่จนใจที่โดนฉางหรงคว้าเอาไว้แน่น จึงทำได้เพียงจ้องเด็กสาวอย่างเอาเป็นเอาตายประหนึ่งสัตว์ร้ายที่โดนคุมขัง สองขายกเตะสะเปะสะปะไม่ยอมหยุด
เด็กสาวมองไปที่นักพรตด้วยแววตาเคร่งขรึม น้ำเสียงเยือกเย็นเอ่ยขึ้นว่า “เดิมทีคิดว่าขอเพียงวาดค่ายกลหกประสานนอกเขตกระโจมก็จะป้องกันไม่ให้เจ้าทำร้ายผู้บริสุทธิ์ได้ ไม่คิดว่าจะประเมินพลังตบะของเจ้าต่ำเกินไป”
นางกล่าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง มือซ้ายทำสัญลักษณ์แล้วท่องคาถา มือขวาชูสร้อยคอทองคำขึ้นอย่างช้าๆ ตั้งท่าเตรียมพร้อมจะสั่นกระดิ่ง
ฉางหรงถลึงตาโตราวกับกระดิ่งพวกนั้น
คุณชายแค่บอกกับเขาว่าให้จับกุมนักพรตเอาไว้ แต่กลับไม่ได้บอกที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมด เดิมทีเขาคิดว่านักพรตนี่เป็นพวกเดียวกับนางปีศาจ สองคนร่วมมือคนหนึ่งร้องคนหนึ่งประสาน เพื่อจะได้หลอกให้พวกเขาเชื่อใจ
นี่หรือว่านางปีศาจก็เป็นนักพรต ถ้าเช่นนั้นเจ้านักพรตนี่มาจากที่ใดกันเล่า
ฉางหรงคิดพลางเงยหน้ามองไปทางลิ่นเซี่ยว กลับเห็นลิ่นเซี่ยวกำลังจ้องกระบี่ในมือไม่วางตาอย่างงุนงง กระบี่เล่มนั้นเปล่งแสงสว่างเจิดจ้า ตัวกระบี่ราวกับขานรับเสียงกระดิ่งในมือเด็กสาว มันส่งเสียงดังแหวกอากาศขึ้นมา
หัวใจฉางหรงต้องสั่นสะท้าน ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปาก ไม่ทันระวังปล่อยให้นักพรตที่อยู่ข้างกายออกแรงดิ้นรนจนหลุดพ้น
จากนั้นนักพรตก็ส่งเสียงคำรามแปลกประหลาด เชือกที่มัดร่างของเขาเอาไว้ขาดสะบั้นพร้อมกัน
ยามเอ่ยวาจาเชื่องช้า แต่ลงมือกระทำกลับรวดเร็วนัก กระดิ่งในมือของเด็กสาวหลุดออกมาจากสร้อยคอ กลายสภาพเป็นลูกไฟสีทองสามลูกเข้าจู่โจมนักพรตอย่างรวดเร็วดุดันปานดาวตก นางตะโกนเสียงดังก้องว่า “ปีศาจร้าย! ยังไม่คืนร่างเดิมอีก!”
ทันทีที่ลูกไฟสัมผัสกับหน้าอกของนักพรตก็เปลี่ยนเป็นมังกรไฟสามตัว ลัดเลาะคดเคี้ยวไปบนร่างของนักพรต โอบรัดร่างของเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา
ดูเหมือนนักพรตจะได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส มีเสียงประหลาดสะเทือนขวัญผู้คนดังออกมาจากลำคอ
เขามองเด็กสาวด้วยแววตาโหดเหี้ยม สีหน้ายิ่งย่ำแย่ลงไปทุกที หลังจากนั้นชั่วอึดใจลำคอของเขาก็เอนพับไปทางหนึ่ง ศีรษะถึงขั้นแยกบ้านกับลำคอ กลิ้งหลุนๆ มาถึงปลายเท้าฉางหรง
ฉางหรงนึกว่าตนเองตาลายไปเสียแล้ว เขานวดคลึงดวงตา เพ่งมองปลายเท้าของตนเองซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาไม่ได้มองผิดไปกระมัง เจ้าสิ่งกลมกลิ้งหลุนๆ พร้อมดวงตานิ่งสนิทเหมือนปลาตาย หรือว่าจะเป็นศีรษะของนักพรตผู้นั้น
เขามองไปที่นักพรตด้วยความตกใจถึงขีดสุด จึงเห็นว่าตำแหน่งซึ่งเดิมทีควรจะมีศีรษะตั้งอยู่ จู่ๆ กลับมีศีรษะงูรูปร่างคล้ายสามเหลี่ยมสีเขียวสดใสวาววับงอกออกมาแทน ลำตัวของงูยาวประมาณหนึ่งจั้งกว่า พริบตาเดียวก็ทะยานขึ้นไปถึงเพดานถ้ำ
ส่วนมังกรไฟสามตัวที่เด็กสาวเสกออกมาก็ตามติดดุจเงา พัวพันแนบแน่นไม่ยอมห่างแม้แต่นิดเดียว
“นี่…นี่มันตัวประหลาดอะไรกันแน่!” ฉางหรงจ้องเจ้างูยักษ์เขม็ง กลืนน้ำลายไปหลายอึกใหญ่ด้วยความหวาดผวา แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้ วิ่งปรี่เข้าไปอยู่ข้างกายลิ่นเซี่ยว คำรามเสียงดังว่า “เร็วเข้า! คุ้มกันคุณชาย!”
พวกเว่ยปอชะงักงันไปเพราะภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่ทันมีท่าทีตอบสนองไปชั่วขณะ แต่อย่างไรก็เคยได้รับการฝึกฝนมาก่อน พอได้ฉางหรงเรียกเตือนสติเช่นนี้ก็รีบวางแนวคุ้มกันโอบล้อมลิ่นเซี่ยวเอาไว้