กระบี่ในมือลิ่นเซี่ยวยิ่งกระสับกระส่ายหาความสงบไม่ได้ ราวกับว่าได้เผชิญหน้ากับนักรบที่เป็นศัตรูตัวฉกาจ มีความปรารถนาพลุ่งพล่านอยากจะพุ่งออกไปแนวหน้าสังหารศัตรู
ลิ่นเซี่ยวมองกระบี่ของตนด้วยแววตาซับซ้อน เขายังจำได้ว่าในตอนนั้นเสด็จปู่ทรงก้าวผ่านท่านอ๋องผู้เป็นบิดาของเขา นำกระบี่เล่มนี้มามอบให้เขาที่ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ทรงแย้มพระโอษฐ์แล้วตรัสว่ากระบี่เล่มนี้กำจัดปีศาจปราบมารได้ สามารถคุ้มครองหลานชายของข้าให้เติบใหญ่อย่างปลอดภัย
ผู้ร่วมเหตุการณ์ในตอนนั้นทุกคนต่างนึกว่าเป็นเรื่องตลกขบขันของฮ่องเต้ผู้ทรงชราภาพ ไม่มีผู้ใดเชื่อว่าจะเป็นความจริง
หลังจากนั้นเขาก็นำมาใช้งานเหมือนเป็นแค่กระบี่ธรรมดาเล่มหนึ่ง ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะมีสิ่งใดแปลกประหลาดกว่าปกติ
อาจเป็นเพราะว่ามีความเคารพเลื่อมใสต่อเสด็จปู่ผสมปนเปอยู่ด้วย ถึงได้ให้ความสำคัญและทะนุถนอมเป็นพิเศษ ไม่ปล่อยให้ห่างกายเลยสักชั่วขณะ
พอขึ้นเขามาแล้วกระบี่เล่มนี้ก็ส่งเสียงร้องเตือนอยู่หลายครั้ง หลังจากนักพรตปีศาจคืนร่างเดิมแล้วก็สั่นไหวผิดปกติเช่นนี้อีก หรือว่าจะเป็นกระบี่ที่สามารถกำจัดปีศาจปราบมารได้จริงๆ
ขณะที่กำลังขบคิด เบื้องหน้าก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวลอยมา ลิ่นเซี่ยวเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นงูยักษ์โดนมังกรไฟสามตัวพันรอบ มันกำลังบิดกายด้วยความทรมาน ปลายหางยาวใหญ่ก็ปัดสะเปะสะปะ ทำให้เศษซากโครงกระดูกสีขาวที่กองเป็นภูเขาหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้นถ้ำ
กลิ่นคาวเลือดในถ้ำยิ่งเข้มข้นขึ้นทุกขณะ เด็กสาวจ้องเขม็งที่งูยักษ์ ริมฝีปากขมุบขมิบร่ายคาถา บริเวณขมับมีเหงื่อไหลซึมออกมาอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของนางก็เริ่มขาวซีดเข้าไปทุกที
พวกลิ่นเซี่ยวมองเหตุการณ์ด้วยความเข้าใจกระจ่าง ถ้าหากกล่าวว่าตอนแรกเด็กสาวเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่เมื่อกำลังกายถดถอยลงไป เวลานี้จึงเผยความอ่อนแอออกมาให้เห็นมากขึ้น
ศัตรูหรือพวกพ้องแยกแยะชัดเจน มาถึงตอนนี้แล้วมีหรือจะยังนิ่งดูดายอยู่ได้
“บุก!” ลิ่นเซี่ยวโบกมือส่งสัญญาณ กวัดแกว่งกระบี่ปรับพลังลมปราณ วิ่งแฉลบไปอยู่ตรงหน้าเจ้างูยักษ์ พวกฉางหรงก็ชักดาบออกจากฝักอย่างพร้อมเพรียง ตามหลังเจ้านายไปไม่ห่าง
ไม่คาดคิดว่าดาบของพวกฉางหรงเมื่อฟันฉับใส่ร่างงูจะคล้ายกับฟันลงไปบนเพชร แม้กระทั่งประกายไฟก็ไม่มีแลบออกมา
“นี่มัน…” ฉางหรงสีหน้าแปรเปลี่ยนขนานใหญ่ ชั่วขณะที่เห็นว่าหางของงูยักษ์กำลังจะปัดร่างตนเองกระเด็นเหมือนผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่ง ก็มีกระบี่เล่มหนึ่งเสือกแทงมาจากด้านข้าง ฟันหางของงูยักษ์เต็มแรง
แม้ว่าจะไม่ได้ฟันจนหางขาดสะบั้นออกมาทั้งยวง แต่กลับสร้างบาดแผลเหวอะหวะเลือดชุ่มโชก งูยักษ์เจ็บปวดแสนสาหัส รีบขยับหางเก็บเข้าข้างลำตัว ดวงตาสีแดงฉานหันมามองลิ่นเซี่ยว ก่อนจะค้อมตัวลงแล้วพุ่งเข้าหา
การคาดเดาในใจของลิ่นเซี่ยวได้รับการพิสูจน์แล้ว กระบี่เล่มนี้ไม่เหมือนกับกระบี่ทั่วไปจริงๆ พอเห็นงูยักษ์อ้าปากกว้างมาอยู่ตรงหน้าเขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป กวัดแกว่งกระบี่ฟันฉับลงไปที่ศีรษะใหญ่โตของมัน
เดิมทีพลังตบะของเด็กสาวไม่เพียงพอจะต่อกรกับปีศาจงูเหลือมพันปีได้ เพียงแต่อาศัยว่ามีของวิเศษที่หาได้ยากยิ่งในใต้หล้า และฉวยโอกาสที่จิตใจของเจ้างูยักษ์ไม่สงบนิ่งชิงลงมือก่อนเพื่อครองความได้เปรียบก็เท่านั้น กล่าวถึงกำลังกาย นางจะกล้าเทียบเคียงกับปีศาจงูพันปีเช่นนี้ได้อย่างไร
เมื่อใช้พลังควบคุมมังกรไฟถึงสามตัว ร่างกายของนางก็เริ่มจะแบกรับไม่ไหว อาศัยเพียงแค่พลังปราณแท้ฝืนยืนหยัดต่อไป
ตอนนี้ลิ่นเซี่ยวจับกระบี่ของตนเข้าสู่วังวนการต่อสู้ ทำให้เด็กสาวมีกำลังสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย นางรู้สึกมีกำลังเพิ่มขึ้นมาในทันใด แม้กระทั่งมังกรไฟสามตัวก็เปล่งประกายเจิดจ้าตามไปด้วย
“แทงมันที่ตำแหน่งเจ็ดชุ่น” พอเห็นว่าลิ่นเซี่ยวยังคงกระหน่ำฟันที่คองูยักษ์ แม้ว่าทุกรอยแผลจะเรียกเลือด แต่กลับไม่ทำร้ายถึงจุดสำคัญ นางรู้สึกร้อนใจไม่น้อย ฉวยโอกาสปรับพลังปราณแล้วร้องเตือนเสียงดังกังวาน
ลิ่นเซี่ยวเฉลียวฉลาดยิ่งนัก ได้ยินคำเตือนของนางก็แสร้งทำเป็นพลาดท่าแทงกระบี่เข้าใส่ดวงตาของงูยักษ์ มันจึงหลบเลี่ยงไม่ทัน ร่างกายใหญ่โตกลิ้งหลบไปด้านข้าง เผยช่วงท้องสีดำคล้ำให้เห็นโดยไม่ตั้งใจ
ในใจลิ่นเซี่ยวรู้สึกปีติยินดี ขณะที่กำลังแทงกระบี่ไปยังตำแหน่งเจ็ดชุ่น ใครจะรู้ว่าพอเจ้างูยักษ์เห็นคมกระบี่ของลิ่นเซี่ยวใกล้จะถึงตัว ไม่รู้ว่ามันเอาพลังมหาศาลมาจากที่ใด สามารถกระเด้งหลบหนีไปข้างหลัง หลบไม่ให้กระบี่โดนจุดสำคัญได้พอดี
“แย่แล้ว! ปีศาจตนนี้กำลังจะหนี!” พวกฉางหรงเห็นงูยักษ์หันหน้าไป ขยับร่างกายใหญ่มหึมาเลื้อยหนีออกไปทางปากถ้ำ หลายคนฉวยโอกาสจะรีบไปดักทาง ขัดขวางเจ้างูยักษ์เอาไว้