แสงจันทร์สาดส่องลงมาที่หุบเขา ทำให้สรรพสิ่งบนเขาถูกอาบย้อมด้วยน้ำค้างแข็งสีเงิน
ลิ่นเซี่ยวมองเห็นสีหน้าของทุกคนแลดูอ้างว้างก็รู้สึกสะท้อนใจ จึงเอ่ยยิ้มๆ ขึ้น
“ค่ำคืนนี้คงยาวนานนัก พวกเราไม่สู้มาดื่มสุรา ใช้การละเล่นวงสุรา สร้างความครื้นเครงเป็นอย่างไร คราวก่อนใครบอกไว้ว่านำสุราชั้นเลิศติดตัวมาด้วยเล่า คราวนี้ก็อย่ามัวแต่ซุกเก็บไว้ เอาออกมาเถอะ”
พวกฉางหรงส่งเสียงขานรับเห็นด้วย เว่ยปอยิ้มกว้างแล้วนำสุราขวดหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ ทุกคนพร้อมใจกันกรูเข้าหา
ลิ่นเซี่ยวนั่งอมยิ้มมองพวกเขาหัวเราะกันครื้นเครง คิดทบทวนครู่หนึ่งก็ชักกระบี่ข้างเอวออกมา ใช้แขนเสื้อค่อยๆ เช็ดทำความสะอาดตัวกระบี่
นักพรตที่นั่งอยู่ข้างหนึ่งมองลิ่นเซี่ยวตาไม่กะพริบ ก่อนจะเอ่ยชม “กระบี่ดี!” แล้วว่าต่อ “กระบี่สะท้อนประกายแสงหลากสีเลือนราง เกรงว่าคงไม่ใช่ของธรรมดากระมัง”
ฉางหรงมีประสาทสัมผัสการฟังดีเยี่ยม ได้ยินคำพูดของนักพรตก็หันกลับไปตอบว่า “แน่นอนอยู่แล้ว กระบี่เล่มนี้เป็นกระบี่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์นัก ได้ยินว่าใช้กำจัดปีศาจปราบมารได้ด้วย อีกทั้งเคยติดตามเจ้านายแต่ละรุ่นเข้าสู่สนามรบ เป็นกระบี่วิเศษที่หาได้ยากยิ่งในใต้หล้าเชียวล่ะ”
นักพรตได้ยินดังนั้นแววตาก็เป็นประกายวาววับ ขณะกำลังจะเอ่ยอะไรออกมา เงยหน้าขึ้นก็เห็นลิ่นเซี่ยวมองสบตาแฝงความนัยลึกซึ้ง หัวใจพลันสั่นสะท้าน คำพูดที่ใกล้จะถึงริมฝีปากก็ถูกกลืนกลับลงไปอีกครั้ง
ลิ่นเซี่ยวลอบหัวเราะเย็นชาอยู่ในใจ พอเขาจะลุกขึ้นเดินกลับกระโจม จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงพวกฉางหรงเอะอะโวยวาย
เขาหันกลับไปมองอย่างระแวดระวัง เมื่อมองเห็นภาพตรงหน้าชัดเจนแล้วก็อดตะลึงงันไปไม่ได้
เขามองเห็นเด็กสาวซึ่งเดิมทีควรจะนั่งอยู่บนก้อนหินเดินมาหาพวกเขาเมื่อไรก็ไม่รู้ นางจ้องมองขวดสุราในมือพวกฉางหรงแววตาบริสุทธิ์ไร้เดียงสา หลังเห็นพวกฉางหรงมองนางอย่างตกตะลึงก็เผยรอยยิ้มอ่อนหวาน ปรบมือพลางเอ่ยว่า “สุราดี! เป็นสุราดี!”
ผมยาวสลวยของเด็กสาวไม่รู้ว่าเกล้าเป็นสองมวยตั้งแต่เมื่อไร นั่นเป็นสัญลักษณ์ของสตรีที่ยังไม่ออกเรือนในราชวงศ์ปัจจุบัน ใบหน้าเรียบเนียนแม้ว่าจะขาวซีดไปบ้าง แต่ก็ไม่ดูน่าสะพรึงกลัวอย่างเมื่อตอนแรกพบหน้า
ชุดแขนเสื้อหลวมกว้าง ลวดลายดอกบัวสีแดง แถบผ้าไหมรัดหน้าอกสีม่วงอ่อนอมชมพู รอบคอยังสวมสร้อยทองสีเหลืองอร่ามเส้นหนึ่ง จี้ของสร้อยทองคำเป็นกระดิ่งกลมดิกสามอันส่องสว่างวาววับภายใต้แสงจันทร์ ช่วยเพิ่มความงดงามและไร้เดียงสาน่าทะนุถนอมไปโดยปริยาย
ภายในใจของพวกลิ่นเซี่ยวเกิดความรู้สึกแปลกพิกลขึ้นมา เมื่อครู่นี้กวาดสายตามองอย่างรีบร้อน ใครก็ไม่คิดสังเกตรายละเอียดเสื้อผ้าอาภรณ์ของสตรีนางนี้ ใครจะคิดว่าสตรีที่ปรากฏกายในภูเขาลึกอย่างไร้ที่มากลับสวมเสื้อผ้าแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเมืองฉางอัน
ยิ่งไปกว่านั้นนางเดินมาถึงตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร ทางนี้มียอดฝีมือที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีตั้งมากมาย แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นเลยสักคน
ฉางหรงรู้สึกอัปยศอดสูอย่างที่สุด กระโดดพรวดลุกขึ้นมาโดยพลันพลางตะโกนถามว่า “เจ้าเป็นใครกัน มีเจตนาใดกันแน่”
จากนั้นเขาก็เบนสายตาไปมองข้างหลังของนาง
เอ๊ะ! นางมีเงาอยู่ด้วย ถ้าอย่างนั้น…เป็นไปได้ว่าไม่ใช่วิญญาณสินะ