ทดลองอ่าน บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 2 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 2

ลิ่นเซี่ยวเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว หันมากล่าวกับฉางหรงว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าส่งจดหมายไปให้ซานหลางจวนหลูกั๋วกง ฉบับหนึ่ง บอกว่าข้ากลับมาฉางอันแล้ว ตอนค่ำจะไปหาเขาที่จวน”

ฉางหรงรีบเอ่ยรับคำทันที ก่อนจะมีท่าทีเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ จึงกดเสียงลงต่ำเอ่ยว่า “ได้ยินว่าวังของพวกเรามีแขกมาหรือ”

เวินกูได้ยินดังนั้นก็รีบบอกให้พวกทิงเฟิงออกไป รอจนกระทั่งในห้องไม่มีใครแล้วจึงหันไปกล่าวกับลิ่นเซี่ยว

“ผู้มาเป็นหลานสาวทางบ้านเดิมของพระชายาชุยซื่อ เดินทางมาจากโยวโจว อายุน้อยกว่าพระชายาแค่สองปี เพิ่งเข้าวังมาก็ได้พระชายาจัดให้พักที่เรือนอี่หง หลายวันนี้พระชายาเที่ยวพานางเดินทางไปนั่นไปนี่อยู่บ่อยๆ อีกทั้งยังหาซื้อเสื้อผ้าเครื่องประดับให้ไม่น้อย บอกว่าวันหน้าจะต้องมาอยู่ที่วังของเราเป็นการถาวรแล้วเจ้าค่ะ”

ลิ่นเซี่ยวขมวดคิ้ว บ้านเดิม ‘มารดาเลี้ยง’ ของเขาผู้นี้ แม้ว่าจะมีชื่อเสียงและความดีความชอบอยู่บ้าง แต่ว่าฐานะก็ตกต่ำมานานหลายปีแล้ว ญาติที่ยังพอจะเอ่ยอ้างถึงได้ก็เหลืออยู่ไม่กี่คน แล้วจะมีหลานสาวมาจากที่ใดกัน

ฉางหรงกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “นางคิดจะทำอะไรอีก อยากยัดเยียดคนเข้าห้องซื่อจื่อหรือ ขนาดหลานสาวบ้านเดิมก็ยังลากตัวออกมาได้ นางไม่กลัวขายขี้หน้าคนอื่นบ้างหรือไร”

เวินกูส่ายหน้า “นั่นก็ไม่แน่หรอก แม่นางน้อยคนนั้นข้าก็เคยเห็นหน้ามาหลายครั้ง กิริยามารยาทเรียบร้อยเหมาะสม ไม่เหมือนสตรีช่างยั่วยวนไม่สำรวมพวกนั้น ไม่แน่ว่าอาจเป็นพระชายาที่กระตือรือร้นไปเองฝ่ายเดียวก็ได้”

นางกล่าวแล้วก็ถอนหายใจ “ไม่รู้ว่าพระชายาคิดจะทำอะไรกันแน่ นับตั้งแต่วันที่เข้าวังมาก็ไม่เคยหยุดมือ ไม่ต้องพูดถึงซื่อจื่อที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งเป็นซื่อจื่อมานานแล้ว ต่อให้ยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง แต่สองคนพี่น้องอายุห่างกันสิบกว่าปี หรือหวังให้วันหน้าบุตรชายของนางขึ้นมามีอำนาจปกครองวังอ๋อง?”

ฉางหรงเอ่ยถามขึ้น “แล้วท่านอ๋องว่าอย่างไร ปล่อยให้พระชายาก่อเรื่องตามใจเช่นนี้หรือ”

เวินกูส่ายหน้า “นิสัยท่านอ๋องใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้ วันๆ เอาแต่สนใจเครื่องดนตรี เรื่องราวทั้งหลายในวังไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวอะไรทั้งนั้น ช่วงที่พวกเจ้าไม่อยู่บ้านท่านอ๋องก็ไปซื้อตัวนักขับร้องบทลำนำชาวบ้านเลื่องชื่อจากเจียงหนาน มากลุ่มหนึ่ง ได้ยินว่าหลายวันที่ผ่านมาฟังเพลงอยู่ที่ศาลาเยียนปอ หมกมุ่นลุ่มหลงไม่ยอมไปที่ใดเลย”

ลิ่นเซี่ยวนิ่งเงียบไป

บิดาเป็นหนึ่งในบรรดาพระโอรสของเสด็จปู่ที่ไม่มีใจฝักใฝ่การเมืองมากที่สุด เพราะโปรดปรานการบรรเลงเครื่องสายเครื่องเป่า การประพันธ์กลอนกวีมาตั้งแต่ยังหนุ่ม ดูเหมือนบัณฑิตยิ่งกว่าบัณฑิตคนใดเสียอีก ผู้คนในเมืองฉางอันพากันมอบฉายาล้อเลียนเขาว่า ‘ท่านอ๋องเซียนกวี’ แต่ก็โชคดีที่เป็นเช่นนี้ เมื่อฮ่องเต้องค์ใหม่กำจัดฝ่ายตรงข้ามพระองค์อย่างขุดรากถอนโคนหลังขึ้นครองราชย์ บิดาถึงสามารถรักษาตัวรอดมาได้โดยไร้รอยขีดข่วน

เพียงแต่หลายปีมานี้นับวันบิดาจะยิ่งหลงใหลกับการหาความสำราญมากขึ้น ค่อยๆ แสดงอาการผิดปกติออกมาให้เห็น ส่วนชุยซื่อก็ยินดีปรีดาที่เรื่องราวเป็นเช่นนั้น พอเห็นว่าบิดาไม่สนใจเรื่องในวังก็ยิ่งกำเริบเสิบสาน ยิ่งยื่นมือเข้ามายุ่มย่ามไม่จบ…

ขณะกำลังใช้ความคิด ชุ่ยหนูสาวใช้ข้างกายบิดาก็มายืนยิ้มกว้างขอเข้าพบอยู่ด้านนอก รายงานว่าท่านอ๋องและพระชายาจัดเตรียมสุราอาหารไว้ที่ศาลาเยียนปอแล้ว ขอเชิญคุณชายไปร่วมกินดื่มด้วย

 

ศาลาเยียนปอเป็นศาลานั่งเล่นในวังหลันอ๋องที่มีน้ำล้อมรอบทั้งสี่ด้าน ในทะเลสาบปลูกดอกบัวเอาไว้เต็มไปหมด ทุกคราเมื่อถึงฤดูร้อนดอกบัวสีชมพูงดงามและใบบัวสูงใหญ่จะชูช่อบานสะพรั่ง การเปิดหน้าต่างชมทิวทัศน์เช่นนี้ เป็นความงดงามเหนือสามัญอย่างที่สุดแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ยังเป็นช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ อย่าเพิ่งกล่าวถึงดอกบัวเลย แม้กระทั่งก้านเหี่ยวๆ สักก้านก็ไม่มีให้เห็น

วันนี้ศาลาเยียนปอไร้เสียงดนตรีบรรเลงขับกล่อมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บรรยากาศโดยรอบศาลากลางน้ำเงียบสนิท ท่ามกลางความเงียบนี้มีความผิดปกติอยู่หลายส่วน

บ่าวไพร่ยืนเรียงแถวสองฝั่งอย่างไร้สุ้มเสียงตรงระเบียงทางเดิน ในมือทุกคนถือโคมชาววัง ไว้คนละดวง พวกเขายืนนิ่งปานรูปสลัก ราวกับว่าแม้กระทั่งสายลมก็ไม่อาจพัดชายชุดให้ปลิวไสว

ลิ่นเซี่ยวมองจากมุมไกลๆ ก็เห็นใบหน้าของบ่าวไพร่ซึ่งโดนแสงสีแดงจากโคมส่องสะท้อนจนน่าสะพรึงกลัว ไม่ทราบเพราะเหตุใดถึงเกิดความรู้สึกผิดแปลกขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง

เมื่อลิ่นเซี่ยวเดินเข้าไปในศาลากลางน้ำ บิดาของเขากำลังอุ้มหมิ่นหลาง น้องชายต่างมารดาอายุไม่ถึงหนึ่งขวบปีเอาไว้พร้อมกับป้อนขนมเปี๊ยะกรอบให้ หมิ่นหลางตัวน้อยท่าทางดีอกดีใจ น้ำลายใสวาววับไหลย้อยลงมา กระโดดโลดเต้นเริงร่าอยู่บนตักของบิดา ส่งเสียงอ้อแอ้พูดอะไรบางอย่าง

ชุยซื่อที่นั่งอยู่ข้างๆ กระซิบกระซาบหยอกเย้าอย่างอ่อนโยน กล่อมให้หมิ่นหลางยอมเรียกคำว่า ‘พ่อ’

ลิ่นเซี่ยวมองดูบรรยากาศสุขสันต์ปรองดองตรงหน้า แล้วไม่ทราบเพราะเหตุใดกลับนึกถึงภาพเมื่อครั้งยังเด็กที่บิดามารดาหยอกล้อกัน บิดาในความทรงจำสง่างามอบอุ่น มารดาอ่อนเยาว์สดใส ครอบครัวที่มีเพียงสามคนสงบสุขและอิ่มเอมใจสักเพียงใดกัน

วันนี้มารดากลายเป็นดินเหลืองกองหนึ่งไปนานแล้ว บิดาก็รับคนใหม่เข้ามารวดเร็วเหลือเกิน นอกจากเขาผู้เป็นบุตรชาย ยังมีใครจดจำพระชายาหลันอ๋องผู้เพียบพร้อมเลื่องลือทั่วฉางอันในวันวานได้อีกเล่า

หลันอ๋องหันมาเห็นลิ่นเซี่ยวมีสีหน้าหม่นหมองก็คิดว่าเขาเร่งเดินทางข้ามวันข้ามคืนกลับฉางอัน ร่างกายย่อมเหนื่อยล้า จึงเอ่ยขึ้นว่า “ลูกพ่อกลับมาแล้ว รีบนั่งลงเร็วเข้า ดื่มสุราบรรเทาความเหนื่อยล้าสักหน่อย”

ชุยซื่อเก็บรอยยิ้มแล้วหันไปมองลิ่นเซี่ยว

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com