ชิงซวีจื่อขมวดคิ้ว มองหน้าอวิ๋นเสาแล้วเอ่ยถามว่า “วันนั้นเหมยหงพูดจาแปลกประหลาด หรือว่าทำกิริยาแปลกประหลาดบ้างหรือไม่”
อวิ๋นเสาเค้นสมองขบคิดชั่วครู่ก็ส่ายหน้าตอบ “มีแค่จิตใจดูเหม่อลอย แต่ไม่ได้พูดอะไร…” นางชะงักไปทันใด แล้วเอ่ยอย่างสับสน “มีเรื่องหนึ่งที่ข้ารู้สึกแปลกใจมาตลอด ก่อนจะเกิดเรื่องไม่กี่วันเหมยหงเคยมาถามข้าเรื่องบ้านเดิมของใครคนหนึ่งในหอนี้ แต่เพราะข้าคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสาเหตุการตายของเหมยหง ก็เลยไม่เคยบอกกับทางการ”
ชิงซวีจื่อเริ่มมีท่าทีสนใจ “เหมยหงมาถามเจ้าเรื่องของใครกัน”
อวิ๋นเสาเบ้ปากไปทางเด็กสาวชุดสีม่วง กล่าวด้วยน้ำเสียงติดจะเย้ยหยัน “ก็นางอย่างไรเล่า ดาวเด่นของหอหมู่ตันเราตอนนี้…ยอดสาวงามเป่าเซิง”
เด็กสาวที่ชื่อเป่าเซิงโกรธจัดจนหัวเราะเย็นชาติดกันหลายคำ “อวิ๋นเสาหนออวิ๋นเสา ข้ารู้ว่าเจ้าวางแผนอะไรอยู่! เจ้าเห็นคุณชายหลินไม่แยแสไมตรีจากเจ้า แต่กลับมาถูกใจข้า เจ้ารู้สึกอิจฉาริษยาก็เลยมาสาดน้ำสกปรกใส่ข้าสินะ เจ้าช่างวางแผนได้อำมหิตนัก!”
คิ้วและดวงตาไม่งดงามเพริศพริ้งเท่าอวิ๋นเสา แต่ก็มีอากัปกิริยาเยือกเย็นนุ่มนวลอย่างหาได้ยาก ดูแตกต่างจากสตรีย่านเริงรมย์ กลับเหมือนสตรีผู้ทรงเกียรติจากตระกูลที่มีชื่อเสียงมากกว่า
ฉวีชิ่นเหยาเปรียบเทียบรูปโฉมของพวกนางสองคนอย่างนึกสนุก คิดในใจว่าเถ้าแก่เนี้ยหอหมู่ตันเข้าใจวิธีดูแลกิจการอย่างลึกซึ้งโดยแท้ เพราะสาวงามในหอแห่งนี้ต่างมีความสามารถและความงามโดดเด่นเฉพาะตัว กิจการจะไม่คึกคักรุ่งเรืองได้อย่างไร
จินเหนียงเผยสีหน้าปวดเศียรเวียนเกล้า “นี่มันเวลาใดกันแล้ว พวกเจ้าจะหยุดหาเรื่องกันสักทีได้หรือไม่”
นางหันไปถลึงตาใส่อวิ๋นเสา “บุรุษในแผ่นดินนี้ตายหมดแล้วหรือ ถึงได้มีแค่คุณชายหลินคนเดียวที่เข้าตาเจ้า ยังจำได้หรือไม่ว่าตอนที่เพิ่งเข้ามาเป่าเซิงดูแลเจ้าอย่างไร เห็นเจ้าเพิ่งมาถึงไม่รู้เรื่องราวก็คอยดูแลทุกเรื่อง ดีต่อเจ้าราวกับพี่น้องแท้ๆ มาวันนี้เป่าเซิงเจอบุรุษที่พึงใจ เจ้าไม่ดีใจแทนนางก็แล้วไปสิ มาหาเรื่องนางได้ทั้งวี่ทั้งวัน อวิ๋นเสาเอ๋ยอวิ๋นเสา เจ้าจะให้ข้าพูดอย่างไรกับเจ้าดี!”
อวิ๋นเสามีน้ำตาคลอหน่วยทันใด กล่าวตอบอย่างโกรธเคือง “เดิมทีคุณชายหลินสนใจข้าก่อนชัดๆ ผ่านไปแค่ไม่กี่วันจะมาผูกสมัครรักใคร่กับเป่าเซิงได้อย่างไรเล่า จินมามา ท่านว่ามาสิ ไม่ใช่เพราะนางทำทุกทางเพื่อแย่งเขาไปแล้วจะเป็นอะไรได้” นางชี้นิ้วเรียวดั่งหยกขาวไปทางเป่าเซิง แม้กระทั่งยามโมโหเดือดดาลก็ยังงดงามจนน่าตกตะลึง
ฉวีชิ่นเหยาลูบปลายคางด้วยความสงสัย อวิ๋นเสาคนนี้แสดงอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างมีเอกลักษณ์ เมื่อเปรียบเทียบกับเป่าเซิงแล้วดูเหนือกว่าขั้นหนึ่งจริงๆ เสียด้วย
ชิงซวีจื่อสะบัดแส้ขนจามรี มองไปทางจินเหนียงแล้วเอ่ยว่า “จินมามา เรื่องที่เกิดขึ้นในหอของเจ้ามีเบาะแสชัดเจนแล้ว เพื่อไม่ให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเดือดร้อน คงต้องเชิญเจ้ามาปรึกษาหารือกันหน่อย ขอเชิญมาคุยกันทางนี้สักครู่”
จินเหนียงได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้น เดินนำชิงซวีจื่อออกไปพูดคุยกันข้างนอก
ประเดี๋ยวเดียวจินเหนียงก็เดินกลับเข้ามาในห้อง สั่งให้สาวใช้ไปเตรียมถ้วยน้ำมาสี่สิบใบ ไม่ให้มากหรือไม่น้อยกว่านี้ นำมาวางเรียงตรงหน้าสาวงามทั้งหลาย
นางเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ทุกคนหยดเลือดลงไปในถ้วยหยดหนึ่ง ความจริงเรื่องของเหมยหงก็จะปรากฏแล้ว”
สตรีทุกนางในที่นี้ส่งเสียงอุทานด้วยความตกใจ
จินเหนียงเห็นพวกนางตกตะลึงกันถ้วนหน้า แต่ไม่มีใครคิดจะฟังคำสั่งนางเลยสักคนเดียว นางกัดฟันกรอด “ข้าเริ่มก่อน” นางกล่าวแล้วเดินมาหน้าโต๊ะ ชูกริชขึ้นมาอย่างว่องไว กรีดที่นิ้วชี้จนเป็นแผลและหยดเลือดลงในถ้วยน้ำ
ในห้องโถงเงียบงันไร้สุ้มเสียงไปชั่วขณะ