ผ่านไปครู่หนึ่งจู่ๆ ก็มีเสียงอ่อนหวานดังขึ้นว่า “ข้าก็ด้วย” กลับเป็นเป่าเซิง นางเดินเข้ามาใกล้โต๊ะ ทำตามจินเหนียง หยดเลือดจากปลายนิ้วลงในถ้วยอีกใบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองทุกคนแล้วเอ่ยว่า “น้องเหมยหงตายอย่างน่าอนาถ พวกเรายังติดค้างคำตอบเรื่องการตายของนาง”
ราวกับว่าได้รับความสะเทือนใจจากประโยคนี้ ทุกคนไม่คิดนิ่งดูดายอีกต่อไป ทยอยกันเดินมาข้างหน้า หยดเลือดลงในถ้วย ชั่วอึดใจเดียวถ้วยทั้งสี่สิบใบก็มีเลือดหยดลงไปครบถ้วนไม่เว้นว่าง
ฉวีชิ่นเหยายิ้มเย็นชาอยู่ในใจ
ช่างเป็นสิ่งชั่วร้ายที่ขวัญกล้ายิ่งนัก มั่นใจแล้วหรือว่าพวกข้าจะไม่มีปัญญาสาวไปถึงตัวเจ้าได้
นางหลุบตาลงต่ำ หยิบยันต์สยบวิญญาณที่ผนึกแมลงกู่ออกมาวางลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง
ชิงซวีจื่อพยักหน้ารับพลางสะบัดแส้ขนจามรีลงไปที่ผนึกของแมลงกู่ ประเดี๋ยวเดียวเจ้าแมลงกู่ตัวนั้นก็เริ่มขยับเขยื้อน คลานยุกยิกไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
ฉวีชิ่นเหยาครุ่นคิดอยู่ในใจ รอให้เจ้าแมลงกู่คืบคลานไปถึงถ้วยที่มีหยดเลือดของผู้ใช้กู่ที่เป็นเจ้าของมัน แต่ใครจะคาดคิดว่าแมลงกู่ตัวนั้นกลับคลานไปแค่ครึ่งชุ่นแล้วก็หยุดนิ่งไม่ยอมคลานต่อไปเฉยๆ
ฉวีชิ่นเหยาอดทนรอแล้วรอเล่า หลังจากรอจนเวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป แต่เจ้าแมลงกู่ก็ยังไม่กระดุกกระดิกแม้แต่น้อย คล้ายกับว่าโดนคาถาสะกดนิ่งไว้กระนั้น
จินเหนียงเงยหน้ามองชิงซวีจื่ออย่างตกตะลึง เอ่ยอย่างอึกอักว่า “ท่านนักพรต นี่มัน…”
ชิงซวีจื่อกวาดตามองไปทางสตรีกลุ่มนั้นอย่างผ่านๆ ในใจหัวเราะเยือกเย็น มิน่าเล่าคนผู้นั้นถึงได้ทำเช่นนี้โดยไม่หวั่นเกรง ที่แท้ก็เตรียมการมาเป็นอย่างดี
เขาคิดใคร่ครวญอยู่พักหนึ่งก็เรียกอาหานให้เข้ามาใกล้ กระซิบบางอย่างข้างหูสองสามประโยค
อาหานพยักหน้าแล้วหันกลับไปหยิบห่อหนังที่สะพายอยู่ด้านหลัง เปิดแผ่นหนังที่ห่อของบางสิ่งเอาไว้ ประคองคันฉ่องห้าเหลี่ยมที่มีฝุ่นเขรอะออกมาบานหนึ่ง
ฉวีชิ่นเหยาเพ่งมองอย่างละเอียด อดทำเสียงจิ๊จ๊ะประหลาดไม่ได้ เพื่อรับมือกับสิ่งชั่วร้ายนั้น อาจารย์ถึงขั้นนำของวิเศษพิทักษ์อารามอย่างคันฉ่องไร้ขอบเขตออกมาใช้งานแล้ว
ชิงซวีจื่อรับคันฉ่องไร้ขอบเขตมา สะบัดแส้ขนจามรีท่องคาถาโดยไร้เสียง พักใหญ่ก็ทำสัญลักษณ์มือพร้อมตะโกนดังก้องว่า “จงตื่น!” แล้วก็เห็นหน้ากระจกดูไร้ราคาบานนั้นเปล่งแสงสว่างไสวเจิดจ้าขึ้นมาโดยพลัน แล้วค่อยๆ ลอยขึ้นไปกลางอากาศ รัศมีแสงจากในกระจกสาดส่องไปที่แมลงกู่บนโต๊ะ
หลังจากนั้นชั่วครู่แมลงกู่ก็ยืดเหยียดคอ ลำตัวสีทองเริ่มบิดไปมา ชั่วพริบตาเดียวก็คืบคลานไปทางถ้วยที่มีหยดเลือดจากนิ้วอย่างแข็งขืนเล็กน้อย
บรรยากาศภายในห้องโถงชะงักค้างขึ้นมาในทันใด ความรู้สึกกระวนกระวายแผ่กระจายปกคลุมไปทั่ว ตอนแรกแมลงกู่คืบคลานอย่างยากลำบาก แต่แล้วมันกลับเคลื่อนไหวเร็วขึ้น เร็วขึ้นทุกขณะ จนกระทั่งถึงหน้าถ้วยใบหนึ่งก็กระโดดผลุงเข้าไปในถ้วยน้ำผสมเลือดเสียงดังจ๋อม
“อ๊า…” มีคนล้มลงไปกองกับพื้น ร่างกายสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่อยู่
จินเหนียงใบหน้าซีดขาว มองไปทางสตรีนางนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เป็นเจ้ารึ!”
เป่าเซิงไม่เอ่ยตอบคำ ได้แต่จับจ้องแมลงกู่ในถ้วยน้ำด้วยสีหน้าตื่นตระหนก มองเห็นแมลงตัวนั้นลำตัวขยายใหญ่ขึ้น อึดใจเดียวเท่านั้นก็มีขนาดเท่ากำปั้น นางกรีดร้องเสียงแหลม ตะเกียกตะกายไปหาชิงซวีจื่อ “ท่านนักพรตช่วยด้วย! ท่านนักพรตช่วยข้าด้วย!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงของนาง จู่ๆ ลำตัวของแมลงกู่ก็ขยายจนมีเสียงแตกดังโพละ ตามมาด้วยแมลงเม่าตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากกองเลือด บินพุ่งตรงมาทางเป่าเซิงอย่างแม่นยำยิ่ง