ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 3
ข้างกายชุยซื่อมีสตรีกิริยางามแช่มช้อยสวมหมวกม่านแพรเดินตาม เจี่ยงซานหลางเพ่งมองครู่หนึ่งก็แอบยิ้มบางๆ “สตรีนางนั้นคงเป็นหลานสาวจากบ้านเดิมของมารดาเลี้ยงเจ้าสินะ มองดูเรือนร่างรูปโฉมก็ไม่ย่ำแย่เลยสักนิด ไม่ใช่ว่าเจ้ายอมกล้ำกลืนรับนางเป็นญาติผู้น้องแล้วรึ อย่าวางมาดอยู่ต่อไปอีกเลย ยอมผลักเรือตามน้ำ อย่างตรงไปตรงมา แต่งนางเข้าวังเป็นชายาซื่อจื่อเถอะ” กล่าวจบก็หัวเราะหยอกเย้า
เดิมทีฉางหรงที่ยืนอยู่ด้านข้างกำลังช่วยรินสุราให้ลิ่นเซี่ยว ได้ยินวาจาเช่นนี้แล้วก็รู้สึกทั้งโกรธเคืองทั้งขบขัน พอเขามองหน้าลิ่นเซี่ยวกลับพบว่าดูเหมือนลิ่นเซี่ยวจะไม่ได้ฟังเจี่ยงซานหลางอยู่เลย เขากำลังเพ่งมองลงไปที่ด้านล่างอย่างตั้งใจ
ฉางหรงมองตามสายตาของเจ้านายลงไป ประตูหน้าของหอไจเยวี่ยมีผู้คนเดินเข้าออกตลอดเวลา ส่วนใหญ่เป็นสตรีที่สวมเสื้อผ้าอาภรณ์หรูหรา ชุยซื่อกำลังจูงมือหลิงหลงเดินเข้าหอไจเยวี่ย ด้านหลังมีสาวใช้เดินตามเป็นพรวน ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติ
ขณะที่เขากำลังเบื่อหน่าย จู่ๆ ก็มองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยปรากฏตัวขึ้นในสายตา สตรีนางนั้นผิวพรรณขาวกระจ่างยิ่งกว่าหิมะ ดวงตาเปล่งประกายสุกใส กำลังประคองสตรีวัยกลางคนลงจากรถม้าอย่างสนิทชิดเชื้อ นางก็คือนักพรตหญิงที่พวกเขาเคยพบบนเขาหมั่งซาน
ซื่อจื่อกำลังจ้องมองนักพรตหญิงโดยไม่ละสายตาสักชั่วขณะ เมื่อเห็นว่านางเดินเข้าหอไจเยวี่ยไปแล้วจึงหันมาสั่งการเขาว่า “ไปดูหน่อย”
ฉางหรงรู้สึกไม่เต็มใจเอาเสียเลย กว่านักพรตหญิงกับพวกเขาจะแยกย้ายกันไปคนละทางไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเหตุใดถึงบังเอิญมาพบหน้ากันอีกแล้ว เขาจึงอืดอาดยืดยาดไม่ยอมขยับ
ลิ่นเซี่ยวหันกลับไปมองฉางหรงด้วยความแปลกใจแล้วเอ่ยเร่ง
“ยังไม่รีบไปอีก?”
สตรีที่กำลังประคองมารดาเข้าหอไจเยวี่ยก็คือฉวีชิ่นเหยา
นับตั้งแต่อาจารย์พาอาหานออกเดินทางไปลั่วหยาง เวลาก็ผ่านไปกว่าครึ่งเดือนแล้ว ไม่มีข่าวคราวส่งกลับมาเลย จนกระทั่งเมื่อวันก่อนอาจารย์ถึงได้ส่งจดหมายจากลั่วหยางมาที่อารามฉบับหนึ่ง บอกกับนางว่าทุกอย่างราบรื่นดี อีกไม่กี่วันคงเดินทางกลับ
จิตใจที่กำลังวิตกกังวลกลับมาสงบนิ่งดังเดิม นึกขึ้นได้ว่าวันนี้มีเทศกาลหญิงสาว จึงอยากจะกลับบ้านสักครั้งเพื่อมาเยี่ยมพี่ชายกับบิดามารดา
ร่างกายของฉวีจื่ออวี้หลังจากได้ลูกกลอนปราณจากปีศาจงูช่วยเยียวยาก็ฟื้นตัวดีขึ้นกว่าแต่ก่อนนานแล้ว ผ่านไปแค่หนึ่งเดือนครึ่งเดือนถึงขนาดออกจากบ้านจูงม้าเดินเล่นได้ เที่ยวชมบุปผางามทั่วเมืองฉางอันในวันเดียวได้
คนทั้งครอบครัวปลาบปลื้มยินดีเหลือจะกล่าว ที่ผ่านมาฉวีจื่ออวี้ต้องพลาดการสอบช่วงฤดูใบไม้ผลิไปหลายครั้งเพราะสาเหตุเรื่องสุขภาพ ตอนนี้การสอบใกล้เข้ามาแล้ว มีหรือจะไม่มานะพากเพียรอย่างเต็มกำลัง ตั้งใจอ่านตำราเตรียมสอบอยู่ที่บ้าน
วันนี้เป็นวันฉลองเทศกาล ฉวีเอินเจ๋อสั่งกำชับภรรยาและบุตรสาวให้ออกไปเดินเล่นที่ร้านเครื่องประดับ ถ้าหากเจอชิ้นใดถูกตาต้องใจก็ไม่ต้องเสียดายเงินทอง เพราะครอบครัวมีเรื่องน่ายินดี สมควรเฉลิมฉลองสักหน่อย
ฉวีชิ่นเหยาเผยรอยยิ้มน้อยๆ เห็นมารดาดีใจจนเปล่งประกายราศีจับก็เข้าโอบกอดมารดาเอาไว้ “มิน่าเล่าวันนี้ท่านถึงพาข้ามาหอไจเยวี่ยอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ข้ายังคิดทบทวนอยู่หลายตลบ ท่านแม่ขี้เหนียวถึงเพียงนี้ ปกติยังไม่ยอมซื้อเสื้อผ้าให้ข้าหลายๆ ชุดด้วยซ้ำ ยังนึกว่าวันนี้ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกเสียแล้วกระมัง”
“ปากมากจริง” ฉวีเฉินซื่อแสร้งชี้ปลายจมูกฉวีชิ่นเหยาอย่างโกรธๆ “ตั้งแต่เล็กจนโตที่บ้านให้เจ้ากินอยู่ขาดแคลนหรือ ไม่รู้สำนึกบุญคุณบ้างเลย”
ระหว่างที่หัวเราะพูดคุยกันก็มาถึงหอไจเยวี่ย เมื่อฉวีชิ่นเหยาเดินเข้าไปด้านใน ภาพที่ปรากฏสู่สายตาคือสตรีชั้นสูงในเมืองฉางอันที่มีท่วงทีกิริยาสุภาพสง่างาม ทั่วทั้งห้องโถงเต็มไปด้วยความงดงามโอ่อ่า บริเวณชั้นบนยังมีห้องส่วนตัว เอาไว้ให้ญาติพี่น้องของสตรีแต่ละนางที่มีบรรดาศักดิ์และฐานะสูงส่งได้พักผ่อน
ฉวีชิ่นเหยาเดินดูกำไลหยกมรกตเป็นเพื่อนมารดาหลายวง ฉวีเฉินซื่อไม่อาจตัดใจซื้อให้ตนเองเพิ่มได้ จึงสั่งให้หลงจู๊นำเครื่องประดับมุกและดอกไม้ที่เหมาะกับหญิงสาวออกมาให้ฉวีชิ่นเหยาเลือกแทน
ฉวีชิ่นเหยากำลังจะร้องทัดทาน ผู้ดูแลหญิงคนหนึ่งก็รีบเอ่ยปากรับคำแทน แล้วเดินไปเลือกเครื่องประดับที่คลังเก็บสินค้าด้านหลังร้าน หลังจากรออยู่ประมาณครึ่งก้านธูปนางก็ยังไม่กลับมา ด้านบนกลับมีเสียงสตรีพูดคุยลอยมาให้ได้ยิน ตามด้วยเสียงบันไดลั่นดังเอี๊ยดอ๊าด มีคนกำลังเดินลงมาจากชั้นสองแล้ว
สตรีที่เดินนำหน้าอายุประมาณสิบแปดสิบเก้าปี คิ้วของนางโค้งเรียวยาว ฟันสวยขาวสะอาด กิริยานุ่มนวลสง่างาม บนศีรษะประดับปิ่นหงส์ สวมชุดผ้าทอสู่จิ่นที่มีเนื้อผ้าบางเบา แขนเสื้อหลวมกว้าง ปักลวดลายเมฆมงคล แต่งแต้มด้วยบุปผางามหลากสีสัน การแต่งกายหรูหราแผ่กลิ่นอายกดข่มผู้คน เห็นได้ชัดว่าเป็นสตรีชั้นสูงจากตระกูลใหญ่
ส่วนสตรีที่อยู่ข้างกายนางอายุประมาณสิบสี่สิบห้าปี รูปโฉมยิ่งโดดเด่นสะดุดตา ดวงตาคู่นั้นใสกระจ่างแวววาว ยามเอ่ยวาจาเผยรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้ม ทำให้ผู้คนถูกเสน่ห์ของนางดึงดูดอย่างไม่รู้ตัว
เวลานี้เองผู้ดูแลหญิงก็ประคองถาดใส่เครื่องประดับเข้ามา เห็นฉวีชิ่นเหยาและมารดาจับจ้องประเมินสตรีชั้นสูงทั้งสองนางก็หัวเราะเบาๆ พลางกดเสียงลงต่ำเอ่ยว่า “ท่านนั้นคือพระชายาหลันอ๋อง ลูกค้าฐานะสูงส่งอันดับหนึ่งของร้านเรา ส่วนเด็กสาวงามล้ำเลิศข้างกายนาง ได้ยินว่าเป็นหลานสาวจากบ้านเดิมของพระชายา พวกนางสองคนความสัมพันธ์สนิทสนมมากเชียวล่ะเจ้าค่ะ หลายวันมานี้พระชายาพาหลานสาวมาที่นี่อยู่บ่อยครั้ง”
พระชายาหลันอ๋อง?