นิ้วมือของหลูกั๋วกงแตะโดนมังกรไฟโดยไม่ทันตั้งตัว ผิวหนังร้อนลวกเสียงดังฉ่า เขาร้องสะดุ้งตกใจ ร่างกายสูญเสียการควบคุม ร่วงหล่นจากต้นไม้ประหนึ่งใบไม้แห้งเหี่ยว
แสงเงาคล้ายดวงไฟสีแดงกลมถูกกระชากออกจากร่างปานสายฟ้าแลบ ลอยฉิวข้ามกำแพงเรือน พุ่งไปยังด้านนอกสวนดอกไม้
ฉวีชิ่นเหยามองเห็นชัดเจนยิ่ง รีบกล่าวกับพวกเจี่ยงซานหลางอย่างร้อนรน “ปีศาจร้ายนั่นหนีไปแล้ว เร็วเข้า ไปรับท่านกั๋วกงเอาไว้!”
นางร้องสั่งการจบแล้วก็เรียกมังกรไฟกลับมา ก่อนจะเร่งรุดไล่ตามแสงสีแดงนั่นไปทันที
หลูกั๋วกงได้พวกเจี่ยงซานหลางร่วมมือกันรับเอาไว้ได้ อย่างน้อยก็ไม่ร่วงลงมาบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเรียกปลุกเช่นไร ดวงตาคู่นั้นก็ยังปิดสนิท ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าสลบไสลไม่ได้สติไปอีกครั้งแล้ว
ลิ่นเซี่ยวยังเป็นห่วงฉวีชิ่นเหยา เห็นหลูกั๋วกงมีพวกเจี่ยงซานหลางคอยดูแลก็รีบไล่ตามฉวีชิ่นเหยาไป
แสงสีแดงกลุ่มนั้นเคลื่อนที่รวดเร็วฉับไว พริบตาเดียวก็ลอยเข้าไปในกำแพงเรือนแห่งหนึ่ง กลืนหายไปท่ามกลางความมืดมิด
จนกระทั่งฉวีชิ่นเหยากระหืดกระหอบตามมาถึงตำแหน่งเดียวกันนั้น ก็มองเห็นเรือนพักขนาดเล็กตั้งอยู่ตรงหน้า ประตูสีแดงเข้มปิดสนิท กิ่งไผ่สีเขียวสดนับไม่ถ้วนยื่นออกมาจากในหลังกำแพง สภาพแวดล้อมสวยงามสบายตา บรรยากาศเงียบสงบน่ารื่นรมย์ยิ่ง
ลิ่นเซี่ยวที่ตามหลังฉวีชิ่นเหยามาถามด้วยความแปลกใจว่า “เจ้าเห็นชัดเจนแน่แล้วใช่หรือไม่ว่าปีศาจร้ายหลบหนีมาถึงที่นี่”
ฉวีชิ่นเหยาพยักหน้า “มองเห็นชัดเจนแจ่มแจ้งที่สุดแล้ว” หันกลับไปเห็นลิ่นเซี่ยวมีสีหน้าลำบากใจ จึงเอ่ยถาม “ผู้ใดอาศัยอยู่ที่เรือนนี้อย่างนั้นหรือ”
ลิ่นเซี่ยวขมวดคิ้ว เอ่ยสั่งการบ่าวไพร่ที่กำลังยื่นหน้ายื่นตามองมาทางนี้ว่า “รีบไปเชิญซานหลางมาที่นี่เร็ว”
หรือว่าจะเป็นเรือนพักของคุณชายสาม ฉวีชิ่นเหยาเข้าใจโดยพลัน
ไม่นานนอกจากเจี่ยงซานหลางแล้ว แม้กระทั่งพี่ใหญ่พี่รองของเขาก็เร่งฝีเท้าตามมาด้วย แต่ว่าไม่เห็นฮูหยินของพวกเขากับสตรีนางอื่นในจวน คิดว่าคงจะอยู่ดูแลหลูกั๋วกงกันหมด
เจี่ยงซานหลางก้าวเดินฉับๆ มาหยุดตรงหน้าฉวีชิ่นเหยา ขึ้นเสียงสูงถามว่า “เจ้าดูละเอียดแน่แล้ว? นี่เป็นเรือนพักของข้านะ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ
“ข้าน้อยไม่เคยมองผิดพลาด คุณชายสาม เรื่องนี้จะรอช้าไม่ได้ ขอให้ท่านสั่งบ่าวไพร่เปิดประตูเรือนเพื่อไม่ให้ปีศาจตนนั้นทำร้ายผู้บริสุทธิ์อีก”
เจี่ยงซานหลางสีหน้าแปรเปลี่ยน มองฉวีชิ่นเหยาอย่างพิจารณาครู่หนึ่งก็หันไปเคาะประตูเรือน “มัวทำอะไรกันอยู่ รีบเปิดประตู”
เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้น สาวใช้ตัวน้อยคนหนึ่งยื่นศีรษะออกมาจากข้างใน “คุณชายสาม!”
“ยังไม่ทันเข้านอน เหตุใดถึงใส่กลอนประตูได้เล่า” เจี่ยงซานหลางถลึงตาใส่นาง ก้าวเท้าเข้าไปในเรือน เหลียวซ้ายแลขวาตรวจดูรอบหนึ่งถึงหันกลับมาผายมือเชื้อเชิญฉวีชิ่นเหยา “เชิญ”
ภายในเรือนกว้างขวางกว่าที่ฉวีชิ่นเหยานึกภาพไว้ ตรงกลางมีห้องเรียงเป็นแถวทั้งหมดสามห้อง แต่ละห้องตั้งอยู่ทางทิศเหนือหันหน้าไปทางทิศใต้ แม้ว่าจะมีไผ่เขียวให้ร่มเงาบดบัง แต่ว่าช่วงกลางวันคิดว่าจะต้องได้รับแสงแดดเต็มที่แน่ แสงสาดส่องสว่างไสวเหมาะแก่การพักอาศัยของผู้คน
ทางตะวันออกและตะวันตกสองฝั่งมีทั้งหมดเจ็ดแปดห้องอยู่ติดกัน เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วตำแหน่งที่ตั้งแย่กว่ามากนัก
เสียงเลิกม่านประตูดังขึ้น ห้องโถงหลักมีสตรีนางหนึ่งเดินออกมาพร้อมด้วยสาวใช้และบ่าวหญิงสูงวัยกลุ่มหนึ่งเดินตามหลัง
สตรีนางนั้นท่วงทีกิริยาอ่อนช้อยนิ่มนวล รูปโฉมเรียกได้ว่างามหยาดเยิ้ม รีบร้อนเดินมาที่กลางลานเรือน คารวะเจี่ยงซานหลางและทุกคน ท่าทางร้อนรนกระวนกระวายเล็กน้อย “ข้าเสียมารยาทแล้ว”
สีหน้าของเจี่ยงซานหลางผ่อนคลายลง ประคองนางลุกขึ้น กดเสียงลงต่ำเอ่ยว่า “ไม่เกี่ยวกับเจ้าเลย กลับห้องไปพักผ่อนเถอะ อีกเดี๋ยวไม่ว่าจะได้ยินความเคลื่อนไหวอะไรก็ไม่ต้องออกมานะ”
จากนั้นเขาหันไปสั่งกำชับพวกสาวใช้ “ไปเรียกพวกเหวินจู๋ออกมาให้ครบ” สาวใช้สองสามคนน้อมรับคำสั่ง แล้วเดินไปที่ห้องทางฝั่งตะวันออกและตะวันตก
ขณะที่เจี่ยงซานหลางประคองสตรีนางนั้นกลับห้อง