ฉวีชิ่นเหยามาหาพี่ชายแล้วก็ไปหาฉวีเฉินซื่อต่อ
สองวันมานี้ฉวีเฉินซื่อเป็นห่วงฉวีชิ่นเหยามากทีเดียว กว่าจะได้พบหน้าบุตรสาวไม่ใช่เรื่องง่าย ก็มีเรื่องให้ตำหนิเรียงรายเป็นหางว่าวอีกแล้ว
ฉวีชิ่นเหยาฝืนทำจิตใจให้กระปรี้กระเปร่าเพื่อฟังมารดาพร่ำบ่นอยู่ก่อน แต่ภายหลังเริ่มทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เปลือกตาบนกับเปลือกตาล่างเริ่มทะเลาะกันขึ้นมา
ฉวีเฉินซื่อเห็นศีรษะฉวีชิ่นเหยาโคลงเคลงไปมาก็รู้สึกทั้งปวดใจและขบขัน รีบปล่อยนางให้กลับเรือนของตนเองไปนอนพักผ่อน
เมื่อฉวีชิ่นเหยาเอนกายนอนลงก็นอนหลับไม่รู้เรื่องไปในทันที นางนอนหลับลึกและยาวนานยิ่ง แม้กระทั่งในความฝันก็ไม่มีมารบกวน
ท่ามกลางจิตใจที่กำลังล่องลอยก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากที่ไกลๆ
“คุณหนู! คุณหนูตื่นเร็วเจ้าค่ะ!” น้ำเสียงนั้นแสดงความกังวลและร้อนรนอย่างชัดเจน
ในที่สุดฉวีชิ่นเหยาก็ตื่นจากการหลับลึก นางสะดุ้งสุดตัวจนรีบลุกพรวดขึ้นมานั่ง
“คุณหนู!” สาวใช้ชื่อไฉ่ผิงเห็นฉวีชิ่นเหยาตื่นขึ้นมาแล้วก็มีสีหน้าโล่งอกอย่างชัดเจน “ข้างนอกมีคนอ้างตัวเป็นองครักษ์จากจวนหลูกั๋วกงมาหลายคน บอกว่าท่านกั๋วกงตอนนี้ประสบเคราะห์ รีบมาเชิญคุณหนูไปเพื่อขับไล่สิ่งอัปมงคลเจ้าค่ะ”
“จวนหลูกั๋วกง? ขับไล่สิ่งอัปมงคลรึ” ฉวีชิ่นเหยาเอ่ยทวนคำไม่กี่คำนี้อย่างทื่อๆ ช้อนสายตาขึ้นมองอย่างงุนงงก็เห็นว่าข้างนอกท้องฟ้ามืดสนิท ในห้องของนางจุดโคมไฟแล้ว
นี่ข้านอนหลับยาวจนถึงช่วงค่ำเลยหรือ
ฉวีชิ่นเหยารู้สึกตกใจยกใหญ่ รีบลุกขึ้นมาล้างหน้าบ้วนปาก
พอเดินออกมาจากห้องสุขา เดิมทีอยากจะเปลี่ยนมาสวมชุดอย่างเด็กสาวทั่วไป พอคิดถึงคนของจวนหลูกั๋วกงที่รออยู่ข้างนอกก็สั่งไฉ่ผิงนำชุดนักพรตมาให้นางเปลี่ยน จากนั้นสวมสร้อยที่มีกระดิ่งกลืนวิญญาณ
นางหันมาส่องกระจกอีกครั้ง ลงมือแปลงโฉมเล็กน้อยด้วยการหยิบหนวดเครากระจุกเล็กๆ ออกมาจากลิ้นชักติดเข้าที่ปลายคาง ถึงได้รู้สึกพึงพอใจ แล้วเดินออกจากห้องไปที่ห้องโถงด้านหน้า
กลุ่มคนที่รออยู่ในห้องโถงไม่ใช่องครักษ์ของจวนหลูกั๋วกงอะไรทั้งนั้น
ฉางหรงเห็นฉวีชิ่นเหยาเดินเข้ามาก็รีบลุกขึ้น ส่งสายตาให้ฉวีชิ่นเหยาก่อนเล็กน้อยแล้วคารวะทักทาย
“คำนับท่านนักพรตหยวนเจิน พวกข้ารับคำสั่งจากฮูหยินของท่านหลูกั๋วกงมาเชิญท่านนักพรตไปขับไล่สิ่งอัปมงคลในจวน เรื่องนี้จะรอช้าไม่ได้ ขอเชิญท่านติดตามข้าน้อยออกจากจวน”
เล่นบ้าบออันใดกัน
ฉวีชิ่นเหยาไล่สายตามองฉางหรงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยความสงสัย เขาเป็นผู้ติดตามคนสนิทของหลันอ๋องซื่อจื่อชัดๆ เพราะเหตุใดถึงสวมรอยเป็นคนของจวนหลูกั๋วกงได้
ยังจำได้ว่าเมื่อเช้าตอนออกจากวังหลันอ๋อง ซื่อจื่อเคยกล่าวว่าจะช่วยสืบร่องรอยของจูฉี่เอ๋อร์ในช่วงที่ผ่านมา คงไม่ใช่ว่าจะมีเบาะแสของผู้ใช้กู่คนที่สามแล้วหรอกนะ
ดวงตาของนางสว่างวาบขึ้นมา รีบเอ่ยรับคำ “ที่แท้คนของท่านกั๋วกง เมื่อครู่ได้ยินบ่าวไพร่แจ้งว่าดูเหมือนที่จวนท่านกั๋วกงจะพบสิ่งอัปมงคล ขอบังอาจถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
“เรื่องนี้…” ฉางหรงเหลือบมองสามีภรรยาสกุลฉวีที่ส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นมาทางพวกเขา ยังมีคุณชายใหญ่ที่ตั้งแต่เดินเข้ามาก็นั่งเงียบสนิทด้วยความลำบากใจอยู่บ้าง สีหน้าของคุณชายใหญ่เคร่งขรึม ดวงตาสีดำสนิทดุจน้ำในบ่อลึก มองสบแล้วเปล่งประกายเฉียบแหลมรับมือยากยิ่ง เห็นได้ชัดว่าถ้าหากกล่าวคำโป้ปดคงกลบเกลื่อนไม่ได้แน่
หลังคิดใคร่ครวญดูแล้วเขาก็ตัดสินใจเล่าความจริงออกมา “จะว่าไปแล้วก็ยาวนัก วันนี้ท่านกั๋วกงกลับจากประชุมเช้า เดิมทีก็นั่งดื่มน้ำชาอยู่ในจวนเป็นปกติ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ก็หมดสติล้มลงกับพื้น ในวังส่งหมอหลวงมาดูอาการครั้งแล้วครั้งเล่า ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าแค่เป็นลมไป รีบร้อนฝังเข็มต้มยาให้ดื่ม แต่ไม่คิดว่าพอถึงช่วงบ่ายท่านกั๋วกงกลับฟื้นขึ้นมา ทว่าจดจำใครไม่ได้สักคนเดียว อีกทั้งยังวิ่งไปห้องนอนของฮูหยิน นำปิ่นปักผมกับต่างหูประดับร่างกาย นำกระโปรงหรูฉวินมาสวมใส่ เดินร้องเพลงละครและร่ายรำไปทั่วจวน สร้างความปั่นป่วนโกลาหลกันไปหมด ฮูหยินท่านกั๋วกงกลัวว่าจะเจอปีศาจร้ายเข้าสิงสู่ก็เลยให้พวกข้ามาเชิญท่านนักพรตไปขับไล่ขอรับ”
ความลับเช่นนี้เดิมทีไม่มีสิทธิ์บอกกล่าวให้คนนอกรับรู้ แต่ว่าวันนี้จวนหลูกั๋วกงเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โต มีข่าวลือเล็ดลอดออกไปนานแล้ว เกรงว่าคนสกุลฉวีคงพอได้ยินมาบ้าง
เป็นดังที่คาดการณ์ สามีภรรยาสกุลฉวีและฉวีจื่ออวี้ไม่แสดงสีหน้าตกตะลึงมากเท่าใด แต่ฉวีชิ่นเหยานั้นตกใจจนอ้าปากค้าง ท่านหลูกั๋วกงชั่วชีวิตนี้ออกศึกสร้างผลงานมานับไม่ถ้วน เป็นดั่งวีรบุรุษในใจชาวฉางอันก็ไม่ปาน สิ่งชั่วร้ายอัปมงคลอะไรขวัญกล้าเทียมฟ้าเช่นนี้ ถึงขั้นกล้าลบหลู่เกียรติเขาได้
“มีอย่างที่ใดกัน!” นางรีบลุกขึ้นทันใด “ข้าจะตามเจ้าไปจวนหลูกั๋วกงเดี๋ยวนี้”
นางหันกลับไปคารวะคนในครอบครัว “ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชาย ข้าไปก่อน จัดการเรียบร้อยแล้วจะกลับมา”
สามีภรรยาสกุลฉวียังไม่ทันกล่าวอะไรสักคำ ฉวีจื่ออวี้ก็เร่งฝีเท้าก้าวยาวๆ ไล่ตามมา
“อาเหยา” เขามองหน้าน้องสาว แววตาฉายความห่วงกังวลจางๆ “อย่าได้ประมาทศัตรู ระวังตัวให้ดีด้วย”
ฉวีชิ่นเหยาแหงนหน้ามองพี่ชายครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างจริงจัง
“ข้าจะระวังตัว พี่ชายวางใจได้”