ทดลองอ่าน บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 5 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 5

หน้าที่แล้ว1 of 8

บทที่ 5

เมื่อครั้งนั้นตอนอาจารย์อธิบายเรื่อง ‘คัมภีร์ปีศาจ’ เคยกล่าวไว้ว่าถ้าหากมนุษย์โดนปีศาจร้ายเข้าสิงร่าง เส้นลมปราณพิเศษทั้งแปด จะสับสนวุ่นวาย สติเลอะเลือน ไม่อาจควบคุมตนเองได้

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ถ้าหากต้องการดึงปีศาจออกจากร่าง อย่างแรกต้องใช้ยันต์ลงคาถากำกับ แต่วิธีนี้ใช้ได้ผลกับปีศาจทั่วไปเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับปีศาจร้ายที่มีพลังแข็งแกร่งเป็นพิเศษ หากนักพรตผู้ใช้ยันต์ไม่ใช่ผู้มีพลังตบะลึกล้ำไม่ธรรมดา ก็มีโอกาสสูงที่จะใช้ไม่ได้ผล

แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่ง…นั่นก็คือจู่โจมจุดเทียนซิง ที่บริเวณท้ายทอยของฝ่ายตรงข้าม

จุดเทียนซิงเป็นตำแหน่งรวมเส้นลมปราณเส่าหยาง ของแขนขาและเส้นลมปราณอินเหวย แม้ว่าจะไม่ได้ควบคุมจิตสำนึกรับรู้เป็นหลัก แต่ว่าเมื่อผู้ที่โดนปีศาจร้ายสิงร่างถูกจู่โจมที่จุดนี้ วิญญาณเจ้าของร่างซึ่งเดิมทีจิตสำนึกยังหลับใหลจะตื่นขึ้นโดยพลัน จากนั้นจะปลดปล่อยพลังที่แข็งแกร่งออกมา ปีศาจร้ายในร่างจะหวาดกลัวพลังสายนี้จนพลั้งเผลอไปชั่วขณะ ถึงตอนนั้นจึงค่อยใช้คาถาชำระจิต ซึ่งส่วนใหญ่จะขับปีศาจออกจากร่างได้สำเร็จ

การทำเช่นนี้เสี่ยงอันตรายใหญ่หลวง ไม่ต่างอะไรกับการต่อสู้ประชิดตัวกับปีศาจร้าย ไม่เพียงมีเงื่อนไขว่านักพรตต้องมีฝีมือสูงส่ง ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องอาศัยฟ้าบันดาลดินเป็นใจคนประสานด้วย ถ้าหากมีข้อผิดพลาดเล็กน้อย ก็จะโดนปีศาจร้ายที่คลุ้มคลั่งย้อนกลับมาจู่โจม

แต่ว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดเท่าที่ฉวีชิ่นเหยาจะคิดออกได้ในตอนนี้ สถานการณ์คับขันเร่งด่วน ไม่เหลือเวลาให้นางมาไตร่ตรองโดยละเอียดแล้ว

เช่นนั้นก็มาเดิมพันกันสักตั้ง!

เมื่ออาเมี่ยวก้มลงและพุ่งตรงเข้ามาเร็วเกินไปจนทำให้ด้านหลังเผยช่องโหว่ขนาดใหญ่ ฉวีชิ่นเหยาเห็นอย่างชัดเจน จึงรีบจู่โจมที่จุดเทียนซิงตรงท้ายทอยของอีกฝ่ายอย่างฉับไว

อาเมี่ยวร่างกายซวนเซก่อนจะล้มลงกับพื้นและส่งเสียงไอโขลกอย่างรุนแรง ระหว่างที่ไออยู่นั้นแสงสีแดงในร่างส่องแสงวูบไหวคล้ายว่าจะแยกตัวออกมาแล้ว

ฉวีชิ่นเหยารู้สึกดีใจเป็นล้นพ้น นางไม่อาจหยุดพักหายใจได้ รีบขยับกายพุ่งฉิวไปแปะยันต์ชำระจิตที่แผ่นหลังอาเมี่ยวไวปานลูกธนูทันที

อาเมี่ยวคำรามเสียงต่ำด้วยความเจ็บปวด แสงสีแดงกระเด็นออกมาทันใด แล้วพุ่งไปหาคนอื่นในเรือนด้วยความเร็ว

ฉวีชิ่นเหยาเร่งไล่ตามไปติดๆ ในห้วงความคิดมีแสงสีขาวสว่างวาบ นางรีบเรียกกระดิ่งคืนวิญญาณออกมา แต่สุดท้ายก็ยังช้าไปก้าวหนึ่ง เพียงแค่ชั่วพริบตาแสงสีแดงก็ผลุบหายเข้าร่างหมัวมัวผู้ดูแลเรือนไป

คิดคำนวณเสียมากมายก็ยังพลาดตรงจุดนี้ไปได้! ในเมื่อมันสามารถเข้าสิงร่างอาเมี่ยวได้ ย่อมเข้าสิงร่างของผู้อื่นได้เช่นกัน

ฉวีชิ่นเหยารู้สึกหงุดหงิดเสียเต็มประดา ดวงตาจับจ้องหมัวมัวผู้ดูแลเรือน ปากคำรามสั่งการว่า “คนอื่นในเรือนนี้ รีบออกไปให้หมด!”

คนทั้งหลายเห็นสถานการณ์เมื่อครู่อย่างชัดเจน หลังจากความตกตะลึงผ่านพ้นไป ความหวาดกลัวก็แผ่ขยายปกคลุมอย่างช้าๆ

เริ่มจากอาเมี่ยวตามด้วยหมัวมัวผู้ดูแลเรือน ใครก็ไม่มีทางคาดเดาได้ว่าตนเองจะเป็นผู้เคราะห์ร้ายรายถัดไปหรือไม่

ทุกคนต่างสาวเท้าวิ่งหนีไปทางประตูเรือน ท่ามกลางความสับสนอลหม่านมีสาวใช้หลายคนผลักกันไปมาจนล้มไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง ทว่าไม่มีเวลามาร้องไห้คร่ำครวญ พวกนางต่างรีบลุกขึ้นมาวิ่งไปข้างหน้าต่ออย่างไม่คิดชีวิต

คนที่วิ่งอยู่ข้างหน้าสุดก็คือฮูหยินหลูกั๋วกง นางมีสีหน้าเคร่งขรึมน่าเกรงขาม คว้าตัวเจี่ยงซานหลางเอาไว้แน่น เร่งฝีเท้าหนีอย่างคล่องแคล่วว่องไว

เจี่ยงซานหลางอดหันกลับไปมองอาเมี่ยวที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นไม่ได้ เขาดิ้นรนขัดขืนพลางตะโกนว่า “อาเมี่ยว! ท่านแม่ ปล่อยข้าไปหาอาเมี่ยว!”

‘เพียะ!’

ฮูหยินหลูกั๋วกงชะงักฝีเท้า ตบหน้าบุตรชายอย่างดุดันหนึ่งฝ่ามือ “ลูกไม่รักดี! ข้าไม่น่าคลอดลูกอย่างเจ้าออกมาเลยจริงๆ!”

ไม่รอให้เขาตอบอะไร ก็คว้าตัววิ่งไปข้างหน้าต่อ

ชั่วอึดใจเดียวในเรือนก็เหลือเพียงสามคนกับหนึ่งตน

ลิ่นเซี่ยวค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ ชักกระบี่ออกมายืนปกป้องอยู่หน้าฉวีชิ่นเหยา กดเสียงลงต่ำเอ่ยว่า “ข้าจะสู้ไปกับเจ้าด้วย”

เขาไม่ได้หันกลับมา น้ำเสียงยังคงกระจ่างชัดเรียบนิ่งเช่นในวันวาน พอมายืนขวางหน้าฉวีชิ่นเหยาท่าทางองอาจมั่นคงดั่งขุนเขา ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

ฉวีชิ่นเหยาถอนหายใจแผ่วเบาด้วยความโล่งอก ไม่ว่าเมื่อใดมีคนอยู่เคียงข้างย่อมดีกว่าเสมอ โดยเฉพาะคนผู้นี้มองดูแล้ว…พึ่งพาได้อย่างยิ่ง

หมัวมัวผู้ดูแลเรือนจ้องมองคนทั้งสองด้วยแววตาอาฆาตแค้น ก่อนจะสะบัดกรงเล็บกระโจนเข้าใส่ลิ่นเซี่ยวทันใด

ลิ่นเซี่ยวมองมันเข้ามาใกล้อย่างเย็นชา กระบี่เตรียมพร้อมจู่โจม เขาไม่ใช่ผู้ฝึกตนในวิถีเต๋า ไม่มีหลักคุณธรรมมาเหนี่ยวรั้งมากมายปานนั้น เพียงแค่รอให้ปีศาจกระโจนเข้ามาใกล้ตัว ก็จะเสือกแทงกระบี่เข้าจุดตายของมันโดยไม่ลังเล

หมัวมัวผู้ดูแลเรือนขยับใกล้เข้ามาทุกขณะ เมื่อเห็นว่าอยู่ห่างจากลิ่นเซี่ยวแค่ครึ่งจั้ง กลับหมุนตัวไปอีกทางทันควัน ทะยานตัวเหาะเหินออกไปนอกเรือน

ที่แท้เป้าหมายของมันไม่ใช่พวกเขามาตั้งแต่แรก!

หน้าที่แล้ว1 of 8

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com