มันมองหน้าชิงซวีจื่อด้วยสายตาหม่นหมองอึมครึม พอเปิดปากริมฝีปากที่มีขนปกคลุมก็เอ่ยออกมาเป็นภาษามนุษย์ว่า “นักพรตชั่ว! เจ้าไม่แยกแยะถูกผิดเช่นนี้ ต้องมีสักวันที่เจ้าจะต้องชดใช้ในสิ่งที่เคยทำไว้” ขณะที่กล่าวประโยคนี้น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ดวงตาเปล่งประกายด้วยรัศมีแห่งความโกรธเกลียดชิงชัง
ชิงซวีจื่อหัวเราะเย้ยหยัน “กำจัดปีศาจปราบมารเป็นหน้าที่ของข้า เจ้าทำร้ายคน ข้าจัดการเจ้า ฝีมือเจ้าสู้ผู้อื่นไม่ได้เอง ก็ต้องยอมจำนนและรับโทษแต่โดยดี ยังมีอะไรต้องพล่ามให้มากความอีกเล่า อีกอย่างหลักฟ้ายุติธรรม ทำกรรมใดล้วนคืนสนอง เมื่อเจ้าเข้าสู่เส้นทางมาร ชะตาชีวิตเช่นนี้ก็ถูกกำหนดเอาไว้นานแล้ว”
“กรรมใดล้วนคืนสนอง?!” เสียงของปีศาจจิ้งจอกหวีดแหลมสูงอย่างฉับพลัน “ถ้าหากมีกรรมคืนสนองจริง ปีนั้นเจี่ยงเหิงจ้งสังหารลูกหลานของข้าเพื่อประจบเอาใจฮ่องเต้ เหตุใดไม่ถูกกรรมคืนสนอง ฮ่องเต้นำลูกหลานของข้าไปถลกหนังออก ทำเสื้อคลุมร่าง เหตุใดไม่ถูกกรรมคืนสนอง เจ้ารับเงินของจวนกั๋วกง สะกดข้าเอาไว้ใต้เขาอู๋เหวยโดยไม่แยกแยะถูกผิดดีชั่ว เหตุใดไม่ถูกกรรมคืนสนองด้วยเล่า”
มันกัดฟันดังกรอดๆ ดวงตาแทบจะมีเลือดไหลซึมออกมา
ชิงซวีจื่อหอกดาบไม่ระคาย ผิวหนังหนายิ่งนัก ได้ยินดังนี้ก็ตอบโต้อย่างเย็นชา “ยามออกล่าสัตว์ท่านกั๋วกงนำสัตว์ที่ล่ามาได้ถวายฝ่าบาท นั่นเป็นหน้าที่ของเขาในฐานะขุนนาง พระวรกายของฝ่าบาทสูงส่งล้ำค่า ใช้ขนสัตว์ชั้นเลิศมาคลุมกันหนาวก็สมควรอยู่แล้ว ส่วนข้าในฐานะที่เป็นนักพรต ช่วยขจัดเภทภัยแทนผู้คน มีความผิดตรงที่ใดกันหรือ”
“ไร้เหตุผลสิ้นดี! เจ้านี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี!” ปีศาจจิ้งจอกโกรธจัดจนกายสั่นเทิ้ม เส้นขนสีแดงเพลิงบนศีรษะชี้ชันขึ้นมา
“สิบปีก่อนเจ้าใช้วิชามารทำร้ายหลูกั๋วกงจนล้มขาหัก ทำให้นับจากนั้นเขาไม่อาจเข้าสู่สนามรบได้อีก หลังจากข้าปราบเจ้าได้แล้ว เดิมทีเจ้าสมควรอยู่ใต้เขาอู๋เหวยบำเพ็ญตบะ ทบทวนการกระทำของตัวเอง ใครจะคิดว่าเจ้าจะออกมาทำร้ายคนอีก เริ่มจากเจี่ยงซานหลาง ต่อไปไม่นานก็คงถึงคราวคุณชายท่านอื่นในจวนหลูกั๋วกงกระมัง หรือเจ้าก็คิดจะให้ท่านกั๋วกงลิ้มรสความทรมานจากการสูญเสียลูกเช่นกัน”
ปีศาจจิ้งจอกหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ใช่แล้ว! ข้าอยากให้เขาเผชิญโศกนาฏกรรมเช่นข้าในปีนั้น มองดูบุตรชายของตัวเองตายไปต่อหน้าต่อตาทีละคน คนผมขาวส่งศพคนผมดำ โศกเศร้าอ้างว้างดั่งทิวทัศน์ยามค่ำคืน เจ็บปวดร้าวรานแทบขาดใจ!”
ฉวีชิ่นเหยาเข้าใจกระจ่างแจ้งโดยพลัน มิน่าเล่าหลังจากเจี่ยงซานหลางโดนกู่แล้วถึงได้ซีดเซียวไร้เรี่ยวแรง ว่าตามหลักหมอผีหญิงไม่มีทางให้กู่ทำร้ายบุรุษในดวงใจ ดูอย่างคุณชายหลินที่โดนเป่าเซิงแห่งหอหมู่ตันใช้กู่ด้วยสิ ไม่ใช่ว่าร่างกายยังแข็งแรงดีอยู่หรือ ที่แท้ก็เป็นฝีมือของนางปีศาจจิ้งจอกนี่เอง
“ถ้าหากเจ้าไม่มาทำลายแผนการของข้า ขออีกเพียงสามวัน เจี่ยงซานหลางก็จะชะตาถึงฆาตแล้ว” ปีศาจจิ้งจอกเอ่ยด้วยความรู้สึกเสียดายอย่างสุดซึ้งเลยทีเดียว
“ในเมื่อแผนการของเจ้าดำเนินมาถึงขั้นแรกเท่านั้น แล้วเหตุใดวันนี้ถึงได้เล่นงานหลูกั๋วกงอีกจนสุดท้ายแหวกหญ้าให้งูตื่นเล่า”
ปีศาจจิ้งจอกเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน แววตาทอประกายลึกซึ้งยาวไกล “วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของลูกหลานข้า วันนี้เมื่อสิบปีก่อนเจี่ยงเหิงจ้งไล่ล่าลูกหลานของข้า วันนี้ดวงวิญญาณของพวกเขาไปอยู่ที่ใดก็สุดจะรู้ ส่วนเจี่ยงเหิงจ้งกลับมีลูกหลานเต็มบ้าน อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาอย่างสุขสำราญใจ นี่มันหลักเหตุผลอะไรกัน”
นางเงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดังลั่น ในเสียงหัวเราะเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมขมขื่น “เขาไม่ใช่ยอดวีรบุรุษผู้โด่งดังในราชสำนักหรอกหรือ ข้าจะให้เขาต้องกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าผู้คนให้ได้ ทำให้ลูกหลานของเขาต้องอับอายขายขี้หน้า! ข้าต้องการให้ทุกครั้งที่ผู้คนในเมืองฉางอันเอ่ยถึงเขา ก็จะรู้สึกว่าเขาน่าตลกขบขันเป็นที่สุด!”
ฉวีชิ่นเหยาลอบส่ายหน้าเบาๆ ท่านกั๋วกงแต่งกายเป็นสตรีสร้างความโกลาหลในจวน เรื่องนี้เล็ดลอดออกไปอย่างไรก็ทำให้ชื่อเสียงที่เลื่องลือต้องตกต่ำลงไปบ้าง แต่เขายกทัพจับศึกมานานหลายปี เคยเผชิญกับความทุกข์ทรมานและอุปสรรคหนักหนากว่าคนทั่วไป มีหรือจะเก็บเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้มาใส่ใจ ต่อให้มานึกขึ้นได้ภายหลัง คงแค่หัวเราะแล้วก็จบกันไปมากกว่ากระมัง
น่าขำที่ปีศาจจิ้งจอกตนนั้นบำเพ็ญตบะมานานหลายปีอย่างเสียเปล่า คิดว่าจะเข้าใจจิตใจมนุษย์อย่างลึกซึ้งถ่องแท้ เมื่อเปรียบเทียบกับมนุษย์แล้ว สุดท้ายก็ยังขาดไหวพริบปฏิภาณไปหลายส่วน
“ข้าขอถามเจ้า เจ้าได้กู่เคียงคู่นิรันดร์มาจากใคร แล้วล่อลวงให้สตรีสามนางนั้นรับพิษกู่เข้าสู่ร่างกายได้อย่างไร” ชิงซวีจื่อถามปีศาจจิ้งจอกต่อ
“เหอะ” นางจิ้งจอกหัวเราะเย้ยหยัน “เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อนตอนหมอผีหญิงชาวเหมียวเจียงนั่นสร้างกู่เคียงคู่นิรันดร์ขึ้นมา ถ้าหากไม่ได้คำชี้แนะจากข้า จะสร้างกู่ที่ร้ายกาจอันดับหนึ่งในใต้หล้าได้อย่างไรกัน ตอนนี้ก็แค่สร้างกู่พิษเพิ่มขึ้นมา สำหรับข้าแล้วยากเย็นตรงที่ใด บุตรชายทั้งสามคนของเจี่ยงเหิงจ้งมีแค่บุตรชายคนเล็กที่ชื่นชอบสาวงาม อยากจะเข้าจวนกั๋วกงอย่างราบรื่นต้องใช้ประโยชน์จากสาวงามเพื่อเข้าใกล้เขา เป็นหนทางที่รวดเร็วที่สุดแล้ว”
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงเลือกอาเมี่ยว”