ทดลองอ่าน บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 5 – หน้า 6 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน บุปผารัตติกาลแห่งฉางอัน บทที่ 5

ขอบตาของเขาแดงก่ำ แต่ยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบคำ การพบกันโดยบังเอิญนอกวัดต้าอิ่นเป็นจุดเริ่มต้นเคราะห์กรรมด่านนี้ในชีวิตของเขา เวลานั้นหลงใหลคลั่งไคล้เสียเต็มประดา เวลานี้เหลือเพียงความผิดหวัง ถ้าหากมีโอกาสย้อนกลับไปใหม่อีกครั้ง เขาจะยังมีความกล้าเอ่ยทักทายเด็กสาวที่สวมเสื้อผ้าเรียบง่าย มีดวงตาเป็นประกายสดใสผู้นั้นหรือไม่

‘ข้าแซ่เจี่ยง เป็นบุตรคนที่สาม ทุกคนเรียกขานว่าซานหลาง แล้วเจ้าชื่อว่าอะไร’

‘อาเมี่ยว ข้าชื่ออาเมี่ยว’ เด็กสาวยกมือปิดปากเบาๆ หัวเราะได้น่ารื่นรมย์ยิ่งกว่าสายลมในฤดูใบไม้ผลิ โชยพัดเข้าสู่หัวใจของเขาอย่างนุ่มนวล

ร่างในอ้อมกอดค่อยๆ เย็นยะเยือกขึ้นทุกขณะ ความโศกเศร้าที่กดข่มมาเนิ่นนานระเบิดออกมา แผ่ขยายลุกลามทั่วแผ่นอก บนใบหน้ายังไม่มีรอยน้ำตา แต่หัวใจของเขาเหมือนถูกฉีกกระชากเป็นแผลฉกรรจ์ เลือดสีแดงสดของนางไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด เขาก้มหน้าลงแนบใบหูนาง กระซิบตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “แน่นอน”

ระหว่างที่สติเลื่อนลอยเขาคล้ายได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างนุ่มนวล ก่อนที่แขนสองข้างของสตรีในอ้อมกอดที่ยกค้างจะหล่นลงมาทีละข้าง

 

หลังออกจากจวนหลูกั๋วกงมา ไม่ทันได้เอ่ยคำอำลากับพวกลิ่นเซี่ยว ฉวีชิ่นเหยาก็ต้องติดตามอาจารย์และอาหานคุมตัวปีศาจจิ้งจอกเร่งเดินทางข้ามคืนออกนอกเมืองฉางอัน

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดสภาพภูมิประเทศของเขาอู๋เหวยกลับเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้ผนึกที่สะกดปีศาจจิ้งจอกไว้นานกว่าสิบปีสิ้นฤทธิ์ มันจึงหลบหนีออกไปได้ตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน

เห็นได้ชัดว่าคงจะสะกดปีศาจจิ้งจอกเอาไว้ใต้เขาอู๋เหวยอย่างเดิมไม่ได้แล้ว ชิงซวีจื่อกางแผนที่เมืองฉางอันดู คิดใคร่ครวญอยู่นานแล้วก็ตัดสินใจเลือกภูเขาเล็กๆ ไร้นามที่มีผู้คนผ่านบางตาแถบชานเมือง

ก่อนจะเริ่มทำพิธี นางจิ้งจอกที่ตระหนักดีว่าไม่อาจหนีไปไหนพ้น จู่ๆ ก็หัวเราะด้วยความทุกข์ระทมพลางมองหน้าชิงซวีจื่อแล้วเอ่ยขึ้น

“ชิงซวีจื่อ หลายปีมานี้เจ้าถูกความฟุ้งเฟ้อของโลกมนุษย์บดบังดวงตาทั้งสอง ประสาทสัมผัสทั้งห้าไม่เฉียบคมเหมือนก่อนแล้ว ดังนั้นเจ้าถึงได้มองภาพปรากฏการณ์ประหลาดบนท้องฟ้าไม่ออก เจ้ารอดูไปเถอะ อีกไม่นานหรอก เมืองฉางอันจะมีปีศาจมารร้ายสร้างความหายนะ ถึงตอนนั้นใต้หล้านี้จะต้องพินาศ ทุกสิ่งจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง พวกเจ้าทุกคนอย่าคิดว่าจะหนีรอดไปได้เลย”

ฉวีชิ่นเหยากับอาหานหันมามองสบตากัน

การเคลื่อนไหวเพื่อวางค่ายกลของชิงซวีจื่อพลันเชื่องช้าลง เขาโบกสะบัดแส้ขนจามรีพลางเงยหน้ามองท้องฟ้า ตอนนี้เพิ่งเข้าสู่ยามอิ๋น เป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์สลับตำแหน่งกับดวงจันทร์พอดี ดวงดาวลาลับเลือนหาย แสงแห่งยามรุ่งอรุณเริ่มสาดส่อง ท้องฟ้ายังเป็นสีคล้ายน้ำหมึกเจือจาง มองไม่เห็นปรากฏการณ์ผิดแปลกอื่นใด

ชิงซวีจื่อยืนลูบเคราครุ่นคิดอยู่เงียบๆ สักพัก ก็โบกมือสั่งให้อาหานกับฉวีชิ่นเหยาวางค่ายกลต่อไป

 

หลังจากพิธีเสร็จสิ้น ฉวีชิ่นเหยาเป็นห่วงคนในครอบครัว ก็ขอตัวลาพักกับชิงซวีจื่อแล้วมุ่งหน้ากลับจวนสกุลฉวี

หลังจากเผชิญเหตุการณ์ชวนอกสั่นขวัญแขวนมาสองคืนติดกัน ฉวีชิ่นเหยาก็รู้สึกเหนื่อยล้าแทบทนไม่ไหว พอย่างเท้าเข้าเรือนคารวะบิดามารดาและพี่ชายแล้วก็กลับห้องนอนหลับเป็นตาย

ด้านลิ่นเซี่ยวกลับไม่มีโอกาสตามใจตนเองเช่นนั้น ตอนนี้เขาเป็นขุนนางผู้ใกล้ชิดโอรสสวรรค์ เป็นผู้บัญชาการหน่วยอวี่หลิน ปกติแล้วเวลาพักผ่อนจะกำหนดไว้ชัดเจน ก็คือกลับจวนไปพักผ่อน แต่ว่าก็มีเวลาแค่ครึ่งวันเท่านั้น

เมื่อเขากลับเข้าวังหลวง ฮ่องเต้ทรงเรียกอู๋สิงจือกับโม่เฉิงมาปรึกษาหารือที่ห้องทรงพระอักษร

“ฝ่าบาท เรื่องการเปิดสำนักศึกษาอวิ๋นอิ่นอีกครั้ง เกรงว่าจะต้องปรึกษาหารือกันอีกยาวนักพ่ะย่ะค่ะ” เป็นเสียงของอู๋สิงจือ ปัจจุบันเขารับตำแหน่งราชมนตรีสำนักราชเลขา ปกติได้รับความไว้วางพระทัยจากเสด็จลุงอย่างยิ่ง เมื่อใดก็ตามที่ต้องตัดสินพระทัยเรื่องสำคัญ เสด็จลุงมักจะเรียกเข้าเฝ้าเพื่อหารือก่อน

“ประการแรก สำนักศึกษาอวิ๋นอิ่นปิดเงียบมานานกว่ายี่สิบปี อาคารเรือนคงทรุดโทรมผุพังไปมากแล้ว จะบูรณะซ่อมแซมต้องใช้เวลาสักระยะ รวมถึงสิ้นเปลืองกำลังทรัพย์ไม่น้อย

ประการที่สอง ปีนั้นเมื่ออดีตไท่มู่ฮองเฮาทรงเปิดสำนักศึกษาอวิ๋นอิ่น พระประสงค์แต่ดั้งเดิมก็เพื่อเลือกเฟ้นสตรีที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมสำหรับลูกหลานเชื้อพระวงศ์ ด้วยเหตุนี้ลูกศิษย์ที่รับเข้าเรียนถึงได้เป็นบุตรสาวของขุนนางขั้นสามขึ้นไป ถ้าหากจะเปิดสำนักศึกษาอีกครั้ง จะต้องมีหนังสือแจ้งไปยังครอบครัวขุนนางแต่ละระดับ ซึ่งจะต้องเสียเวลาพักใหญ่

ประการที่สาม ถึงเวลานั้นในสำนักศึกษามีแต่ลูกศิษย์สตรี แล้วจะกำหนดกฎเกณฑ์ในสำนักเช่นไร อาจารย์ที่สั่งสอนอบรมลูกศิษย์จะคัดเลือกจากที่ใด ฝ่าบาททรงมีความคิดเห็นใดเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 84.1-84.2

    By

    บทที่ 84.1 ชายาเป่ยเจิ้นอ๋องมองชุดรัดเอวแขนหลวมทำจากผ้าพลิ้วกรุยกรายลายปักซูซิ่ว บนร่างองค์หญิงอวี๋หยางอีกครา ดูคล้ายกับแบบที่ซูลั่วอวิ๋นสวม...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 83.1-83.2

    By

    บทที่ 83.1 หานเหยาได้ยินน้องชายพูดขึ้นมา นางก็เอ่ยอย่างลิงโลด “ดี! พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องกลับไปที่หมู่บ้านเฟิ่งเหว่ยแล้ว ที่นั่นวุ่นวายเหลือเก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 82.1-82.2

    By

    บทที่ 82.1 ที่แท้จ้าวกุยเป่ยคิดว่าให้สัญญากับหานเหยาไว้ว่าจะมารับลูกอมก็จำเป็นต้องรักษาคำพูดหรือไร หานหลินเฟิงคร้านจะแยแสบุรุษหัวทึบผู้นี้ เ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 81.1-81.2

    By

    บทที่ 81.1 ฉิวเจิ้นเพ่งตามองดูแล้วก็พบว่าไม่เพียงกำแพงของค่ายเสบียงมีการต่อเติมให้สูงขึ้น ยังขุดคูลึกรอบตัวกำแพงทั้งด้านนอกด้านในเพิ่มอีกสอง...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com