ทดลองอ่าน ปภาวินท์ บทที่ 1 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

LOVE

ทดลองอ่าน ปภาวินท์ บทที่ 1

4 of 4หน้าถัดไป

ทำไมมันมืดและเงียบจังเนี่ย…

ปภาวรินท์เร่งฝีเท้าเพื่อให้ไปถึงรถเร็วที่สุด เธอเพิ่งออกจากงานเลี้ยงของพวกภักดิ์โภคิน ปริยากรจอดรถที่ชั้นล่าง เธอเลยเดินขึ้นบันไดต่อมายังชั้นบนของตึกจอดรถตามลำพัง ตอนแรกเพื่อนก็บอกจะวนรถขึ้นมาส่งอยู่หรอก แต่เธอปฏิเสธเพราะเห็นว่าแค่ชั้นเดียว มาถึงตอนนี้หญิงสาวชักจะเสียใจแล้วที่ตัดสินใจไปแบบนั้น เพราะเธอเกลียดบรรยากาศแบบนี้ที่สุด

เธอไม่เข้าใจเอาเสียเลย ทั้งที่มีรถจอดอยู่เต็มแน่น แต่ชั้นนี้ของตึกจอดรถกลับไม่มีกระทั่งพนักงานรักษาความปลอดภัยให้เห็น ยิ่งไปกว่านั้นมันค่อนข้างมืดมากทีเดียวเนื่องจากโรงแรมไม่ยอมเปิดไฟ อาจเพราะเห็นว่าเวลานี้ควรจะมีแสงสว่างจากข้างนอกเพียงพอ แต่ความจริงกลับตรงข้ามด้วยเมฆครึ้มที่บดบังแสงแดด หนำซ้ำการออกแบบตึกจอดรถก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นคลอกับเสียงรองเท้าส้นสูงของเธอ ความรู้สึกบางอย่างเสียดแทงขึ้นมาในอกแบบไม่ทันตั้งตัว เธอต้องสูดหายใจลึกและปลอบประโลมมันไม่ให้แผลงฤทธิ์ด้วยการบอกตัวเองว่า ‘ไม่มีอะไร’ ทว่ามันก็ใช้เวลาไม่นานนักในการตะกุยตะกายปีนกลับขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อเธอรู้สึกว่าเสียงฝีเท้าปริศนานั้นเร็วขึ้นและใกล้เข้ามา ดวงหน้าสวยหันไปมองเร็วๆ เธอไม่พบใครหรืออะไรทั้งนั้น แต่นั่นกลับยิ่งทำให้แตกตื่นยิ่งกว่าการได้เห็นเจ้าของฝีเท้าเสียอีก

ความกลัวทะลักทลายออกมาราวเขื่อนกั้นพังภินท์ ไอเย็นเยียบแล่นไปทั่วร่าง ปภาวรินท์พยายามควบคุมมัน ทว่ามันก็แทบไม่ต่างจากการพยายามควบคุมม้าที่กำลังพยศ และสุดท้ายเมื่อความทรงจำเก่าหลั่งไหลมาสมทบเป็นทัพเสริม เธอก็พ่ายแพ้ไม่เป็นท่า สติแตกแล้ววิ่งหนีไปทรุดตัวหลบหลังเสาต้นหนึ่งในสภาพมือไม้เย็นเฉียบ เนื้อตัวสั่นเทาแบบควบคุมตัวเองแทบไม่ได้ หัวใจเต้นระรัว ในหัวเต็มไปด้วยความกลัวและประโยคเดียวที่ดังก้องซ้ำไปซ้ำมา

ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว…

จนกระทั่งมีเสียงหนึ่งดังขึ้น…

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

ปภาวรินท์กรี๊ดออกมานิดหนึ่งด้วยความตกใจ เธอหันขวับไปมองเจ้าของเสียง และต้องใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าสมองจะส่งสัญญาณบอกว่าเขาคืออาชวิน สีหน้าท่าทางเขาดูตกใจพอกัน

“พี่ทำให้ตกใจใช่ไหม ขอโทษครับ”

“มะ…ไม่ใช่ค่ะ” หญิงสาวละล่ำละลักปฏิเสธ “คือ…คือปิน…ปินนึกว่ามีคนตามมา”

“นอกจากน้องปินก็มีพี่คนเดียวครับ รถพี่จอดที่ชั้นนี้” สถาปนิกให้ข้อมูลด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ไม่มีคนอื่นจริงเหรอคะ”

“ไม่มีครับ” อาชวินยืนยันหนักแน่น

“เมื่อกี้ปินมองไปแล้วไม่เห็นใคร…” ปภาวรินท์หยุดแค่นั้น ไอร้อนแล่นขึ้นมาเกาะแก้มนวลด้วยความรู้สึกอับอาย “เอ้อ สงสัยปินจะประสาทเสียไปเองเลยไม่เห็นพี่วิน”

“มันมืดด้วยแหละ” เสียงทุ้มปลอบประโลม จากนั้นก็ยื่นมือออกไปเมื่อเห็นเธอขยับทำท่าจะลุก “พี่ช่วยนะ”

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยอมวางมือลงบนมือใหญ่เพื่อให้เขาเป็นหลักยึดในการลุกยืน ดวงตาคู่สวยเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาแวบหนึ่งก่อนจะหลุบลงต่ำ “เอ่อ ปินขอโทษอีกทีนะคะ”

“เท่าที่พี่รู้การตกใจและระวังตัวไม่ถือเป็นความผิดนะ” อาชวินส่งยิ้มให้เธอ “รถน้องปินอยู่ไหน พี่เดินไปส่งนะ”

ปภาวรินท์พยักหน้ารับอย่างประหม่า จากนั้นก็ออกเดินแบบเก้ๆ กังๆ ไปยังรถที่จอดอยู่สุดมุมอาคาร ในอกยังคงรู้สึกแตกตื่น ทว่าเป็นคนละเหตุผลกับทีแรก และแน่นอนว่าความอับอายก็ยังไม่ยอมถอยไปไหน เธออยากเจอเขาอีก แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ หนำซ้ำเธอยังอยู่ในสภาพสติแตกด้วย

“น้องปินขับรถไหวแล้วแน่ใช่ไหม” สถาปนิกรูปหล่อออกปากถามขณะที่เธอกดรีโมตปลดล็อกรถ

“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้า

“งั้นขับรถดีๆ นะ”

รอยยิ้มของอาชวินทำให้ดวงตาของเธอพร่างพราย มันแทบจะขับไล่ความกลัวที่ยังตกค้างอยู่ในกระแสความรู้สึกไปได้ทั้งหมด หัวใจกระตุกเต้นอย่างตกใจอีกครั้ง คราวนี้ด้วยเหตุผลใหม่ มันผลักดันให้เธอรีบเปิดประตูขึ้นรถ กระทั่งสตาร์ตรถแล้วเธอจึงมีสติพอจะตระหนักว่าเขาไม่มีทางได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้น ดังนั้นเธอจึงสูดลมหายใจลึกแล้วลดกระจกรถลงเพื่อยกมือไหว้เขา

“ขอบคุณมากนะคะพี่วิน กลับบ้านดีๆ เหมือนกันนะคะ”

ปภาวรินท์ได้รับรอยยิ้มทรงเสน่ห์ตอบกลับมาอีกหน เธอคิดว่าสามารถมองรอยยิ้มของสถาปนิกหนุ่มได้ทั้งวัน แต่เมื่อมันเป็นไปไม่ได้เธอจึงกดปุ่มเลื่อนกระจกหน้าต่างขึ้นแล้วออกรถ โดยที่ก็ยังไม่วายเหลือบมองร่างสูงผ่านทางกระจกมองหลังอีกหน

มันน่าแปลก ทั้งที่เวลาก็ผ่านมานานแล้วนับจากวันแรกที่เธอได้พบและประทับใจในตัวอาชวิน ทว่าพอวันนี้เขาเดินกลับเข้ามาในชีวิต มันกลับคล้ายเธอเพิ่งเห็นเขาในมหาวิทยาลัยเมื่อวานนี้เอง ที่เพิ่มเติมคือครั้งนี้เธอได้พบประสบกับตัวโดยตรงว่าเขาใจดีมาก…เธอนี่สิ เจอกันวันแรกก็มีแต่เรื่องดีๆ ให้เขาประทับใจทั้งนั้น แรกสุดทำเสื้อเขาเปื้อน แล้วต่อมาก็ยังสติแตกให้เขาเห็นอีก

ทำไมจิตใจเธอไม่ยอมลืมเรื่องนั้นไปสักทีนะ เวลาก็ผ่านมานานแล้ว เธอคิดว่าตัวเองโอเค ทว่าเหตุการณ์เมื่อกี้คือข้อพิสูจน์ว่าที่ผ่านมาเธอแค่หลอกตัวเองเท่านั้น

แต่มองในแง่ดี พี่วินคงลืมเราไม่ลงแล้วจริงๆ ปภาวรินท์หาทางเยียวยาจิตใจตัวเอง ขณะเดียวกันความคิดก็ล่องลอยกลับไปหาชายหนุ่มอีกหน…ไม่ว่าอย่างไร เธอแน่ใจแล้วว่าไม่อยากปล่อยโอกาสที่จะได้ทำความรู้จักเขามากขึ้นผ่านไป แม้จะยังนึกไม่ออกเลยก็ตามว่าควรต้องทำอย่างไร

แต่ก่อนอื่น…ต้องหาทางรู้ให้ได้ก่อนว่าเขาโสดหรือเปล่า!

 

ติดตามบทที่ 1-2 ได้แล้ววันนี้!

4 of 4หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in LOVE

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com