“ให้พี่ไปช่วยไหม”
“โอ๊ย จะรบกวนพี่วินขนาดนั้นได้ไง แล้วกานต์ก็ยังเป็นสถาปนิกนะ เพิ่งต่ออายุสมาชิกสมาคมฯ ไปเองเนี่ย” กานต์หัวเราะ “แต่ยังไงถ้าพรุ่งนี้พี่วินว่างก็เชิญไปเป็นสักขีพยานเปิดร้านนะ อ้อ ไม่ต้องหาของขวัญด้วย คุณน้าบุษงดรับ แค่มากินพอ รายได้วันแรกท่านจะทำบุญหมดเลย…เชิญคุณปินด้วยนะคะ”
อาชวินถามถึงที่ตั้งร้าน กานต์อธิบายให้ฟังก่อนที่เธอจะขอตัวผละไป
“ร้านอยู่ตรงไหนเหรอคะ มันเป็นโซนเปิดใหม่ใช่ไหม” ปภาวรินท์ถามเมื่อเหลือกันอยู่สองคน ปกติเธอวนอยู่แถวโซนด้านหน้าเพราะขี้เกียจเดิน และลำพังแค่แถวนั้นก็มีร้านอาหารเยอะแยะจนกินวนได้ไม่เบื่อแล้วด้วย
“ครับ เป็นโซนด้านในที่เพิ่งเปิดทีหลัง” เขาชี้มือให้ดูแล้วอธิบายทิศทาง แต่พูดไปนิดเดียวเขาก็เปลี่ยนใจ “พรุ่งนี้น้องปินจะมางานเปิดร้านใช่ไหม งั้นเอางี้ดีกว่า เรานัดกันแถวร้านกาแฟที่เราบังเอิญเจอกันวันนี้ก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปรับแล้วพาไปร้านเจลาโต้เอง”
หญิงสาวตาโตกับข้อเสนอที่ได้รับ แน่นอนว่าเธอคว้ามันไว้แบบไม่ลังเลเลย…โอย ทำไมอาชวินใจดีแบบนี้ แล้วทำไมเธอถึงโชคดีขนาดนี้เนี่ย
เมื่อวานนี้พอกลับถึงห้องคอนโดฯ ปภาวรินท์ก็แทบไม่เป็นอันทำอะไร เธอโทรไปหาปริยากร หวีดร้องสรรเสริญถึงความบังเอิญและความดีงามของอาชวิน เพราะหลังจากไปรับอาหารที่สั่งไว้ด้วยกันแล้ว เขาก็ยังอุตส่าห์เดินตามมาส่งเธอถึงหน้าคอนโดฯ โดยให้เหตุผลว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว และเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาเพิ่งได้ยินว่ามีการวิ่งราวแถวนี้ด้วย แต่ลึกลงไปเธอก็ไม่แน่ใจว่าเขานึกถึงเหตุการณ์ที่ตึกจอดรถเมื่อวันนั้นหรือเปล่า
เช้านี้อารมณ์ของหญิงสาวสดใสเป็นพิเศษ เธอสวมชุดที่เลือกอย่างพิถีพิถันตั้งแต่เมื่อคืนแล้วคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องพักตรงไปยังสกายไลน์ตามที่นัดกับอาชวินไว้ ตอนแรกทุกอย่างก็ดูปกติดี ทว่าตอนเดินออกจากอาคารคอนโดฯ ไปยังถนนด้านหน้าเธอก็รู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก ดวงหน้าสวยหันขวับไปมองทางด้านหลัง แต่ก็พบเพียงหมู่ต้นไม้ที่คุ้นตา ไม่มีอะไรผิดปกติ นอกนั้นก็มีแค่พนักงานรักษาความปลอดภัยที่เดินอยู่ไกลๆ
คิดไปเองแหละมั้ง…ปภาวรินท์ออกเดินต่อ ทว่าแม้จะบอกตัวเองอย่างนั้น ความกังวลก็เอ่อขึ้นมาเต็มอกเรียบร้อยแล้ว เธอปลุกปลอบตัวเองและเร่งฝีเท้า แต่กระทั่งตอนที่เดินอยู่บนบาทวิถีพ้นจากด้านหน้าคอนโดฯ แล้ว ความรู้สึกเหมือนกำลังโดนจับตามองก็ยังพลุ่งพล่านไม่หยุด เธอหยุดเดินกลางทางแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยและหันขวับกลับไปมองด้านหลังอีกหน แต่ก็ไม่เจออะไรผิดปกติเหมือนเดิม
หญิงสาวพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ตัวเองเชื่อว่ามันไม่มีอะไร ก่อนหน้านี้เธอก็เคยหลอนไปเองแบบนี้มาแล้ว ทว่าประสบการณ์ในอดีตก็ไม่ช่วยให้มันง่ายขึ้นเลย เธอหยุดเดินกลางทางอีกครั้งก่อนถึงสกายไลน์ แต่เมื่อหันกลับไปก็ยังไม่พบอะไรที่ชวนให้สงสัยเช่นเคย ผู้คนที่เดินตามมาด้านหลังก็ดูจะไม่ได้ใส่ใจเธอกันสักคนด้วยซ้ำ
ปภาวรินท์สั่งตัวเองให้เลิกประสาทเสีย แต่เธอก็ไม่ได้ลดความเร็วฝีเท้าลง สองมือบีบกันแน่นแม้จะเดินเข้าสู่เขตโครงการสกายไลน์ซึ่งคนพลุกพล่านกว่าเดิมแล้วก็ตาม…เธอนึกถึงการได้เจออาชวินเพื่อให้เส้นอารมณ์ผ่อนคลายลง มันได้ผลค่อนข้างดีทีเดียว จนกระทั่งเธอเดินผ่านงานศิลปะที่ทำจากกระจกเงาแล้วเห็นภาพของบุรุษผู้หนึ่งสะท้อนอยู่ในนั้น สองขาเรียวชะงักกึก ไอเย็นเฉียบแล่นไปทั่วร่างในพริบตา แล้วความกลัวก็ทะลักทลายออกมาราวทำนบพัง
หญิงสาวนึกว่าตัวเองจะกรี๊ดออกมาเสียแล้ว แต่ในความเป็นจริงสองเท้าของเธอก้าวออกวิ่งอัตโนมัติ เธอไม่มีสติรับรู้ด้วยซ้ำ กระทั่งสองแขนถูกยึดไว้ด้วยมือแข็งแรงซึ่งจับเธอเขย่าเบาๆ
“น้องปินครับ…น้องปิน…เกิดอะไรขึ้น!”
อีกครั้งที่สาวร่างเล็กเกือบกรี๊ดออกมา ทว่าครั้งนี้เธอยั้งไว้ได้ทันเมื่อตระหนักว่าเจ้าของมือที่ยึดร่างเธอไว้คืออาชวิน เธอกะพริบตาถี่ๆ จนแน่ใจว่าเป็นเขาแน่ จากนั้นก็เหมือนจะเข่าอ่อนไปเสียเฉยๆ กระทั่งชายหนุ่มต้องช่วยประคองเอาไว้