นิภารัตน์เป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เขาคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก โดยที่เขามาทราบในภายหลังว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นลูกสาวของคนรักเก่าพ่อ เขาห่างกับเธอตอนย้ายออกจากบ้านช่วงก่อนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย แต่กลายเป็นว่าจรัญกลับไปสนิทสนมกับแม่ของนิภารัตน์ในช่วงนั้น…อาชวินปลงเรื่องการใช้ชีวิตของพ่อกับแม่ตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นแล้ว และเขาก็มองว่านิภารัตน์ไม่ได้ผิดอะไรเลย ยังเห็นเธอเป็นน้องสาวตามเดิม กระทั่งช่วงหลังมานี้อยู่ดีๆ จรัญก็เกิดเป็นห่วงที่เขายังโสด แล้วเริ่มสนับสนุนหญิงสาวที่อาจเรียกได้ว่าเป็นลูกเลี้ยง ตั้งแต่นั้นเขาเลยดึงตัวออกห่าง
ที่แย่ก็คือ…ชายหนุ่มเดาว่าวิภาดาน่าจะรู้ข่าวนี้ และก็คงเหมือนเรื่องอื่นๆ ที่ท่านไม่มีทางยอมแพ้สามีตามกฎหมาย แม่ถึงพยายามหาหญิงสาวคุณสมบัติดีมาเสนอให้เขาทำความรู้จักเป็นระยะ ซึ่งลองถ้าเขาคบหากับคนที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้การสนับสนุนก็คงเกิดสงครามเย็นอีก ดังนั้นเขาเลยตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะหาแฟนเองเหมือนอย่างที่ผ่านมา
แต่ถึงจะเป็นแฟนที่เขาหาเอง ผู้หญิงคนนั้นก็มีแนวโน้มจะโดนกดดันจากทั้งพ่อและแม่ของเขาให้เลือกข้างอยู่ดี…อาชวินซ่อนความเหนื่อยหน่ายใจไว้ใต้รอยยิ้มการค้าแบบมืออาชีพยามสนทนาพาทีกับบุษบา
มานึกดูอีกที มันอาจดีกว่าก็ได้ถ้าเขาเป็นโสดแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
“พี่วินดีมากแก”
ปริยากรเงยหน้าจากจานส้มตำเพื่อมองหน้าเพื่อนสนิท ก่อนจะกลอกตาแล้วพยักหน้า
“เออ ฉันเชื่อ เพราะแกพูดประโยคนี้มาเป็นรอบที่สิบสองแล้ว”
“แหม แกอ่า…” ปภาวรินท์ทำปากยื่น…อีกครั้งที่เธอตัดสินใจจะไม่เล่าเรื่องที่ตนเองสติแตกให้เพื่อนฟัง
“ก่อนอื่น ขอสรุปแบบสั้นๆ ง่ายๆ ว่าแกจะเอาไงต่อ”
ตอนแรกปริยากรตั้งใจจะมาหาเพื่อนที่คอนโดฯ ตั้งแต่กลางวันเพื่อเม้าท์กันโดยเฉพาะ แต่พอทราบว่าสาวร่างเล็กนัดกับอาชวินไว้ก่อนเที่ยงเลยเปลี่ยนใจ เพราะคิดว่าเผื่อปภาวรินท์จะชวนหนุ่มไปกินมื้อเที่ยงด้วยสำเร็จ เอาเข้าจริงเหตุการณ์กลับกลายเป็นว่าหลังออกจากร้านเจลาโต้แล้วเขาแค่มาส่งเธอที่คอนโดฯ ก่อนจะขอแยกตัวไป ทว่าเท่าที่ฟังมาเพื่อนของเธอก็ไม่ได้มีทีท่าผิดหวังแต่อย่างใด
“ฉันจะไปคุยกับป๊าเรื่องโครงการรีโนเวตโรงแรมนั่น แต่เหตุผลไม่ใช่เพราะฉันชอบพี่วินนะ” ปภาวรินท์ยกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามเมื่อเห็นเพื่อนทำท่าจะพูด “เมื่อวานฉันได้คุยกับพี่วิน ได้เห็นและเข้าใจการทำงานของเขาจากโครงการสกายไลน์ มันดีมาก ฉันเลยคิดว่ามันน่าจะเป็นผลดีกับโครงการของป๊าถ้าอย่างน้อยพี่วินมีโอกาสได้เข้าไปขายไอเดีย มีตัวเลือกเยอะๆ ย่อมดีกว่าจริงไหม…ส่วนพี่วิน เขาดีและฉันชอบเขาก็จริง แต่ตอนนี้มันก็ยังไม่มีอะไรมากกว่านั้น ฉันต้องรู้จักเขามากกว่านี้ก่อน แต่เรื่องฉันกับเขาจะเป็นแค่ผลพลอยได้ ประเด็นสำคัญคือโครงการของป๊า”
ปริยากรพยักหน้ารับ ไม่แปลกใจเท่าไหร่ เพราะถึงเพื่อนสนิทจะดูปลื้มใครต่อใครง่าย แต่เอาเข้าจริงก็ปักใจรักคนยาก ต่อให้ดูเหมือนอีกฝ่ายปลื้มอาชวินมากเป็นพิเศษก็ตาม…กระนั้นอย่างไรเธอก็อดสงสัยไม่ได้
“นี่ไม่เกี่ยวกับการที่แกเจอผู้หญิงที่ดูสนิทกับพี่วินนั่นใช่ไหม”
“ไม่อ่ะ…ไม่เชิง” ปภาวรินท์แก้คำหลังจากนิ่งไปอึดใจ “ตอนแรกฉันก็เซ็งๆ นะ เพราะผู้หญิงคนนั้นเหมือนมาแสดงตัวเต็มที่เลยว่าสนิทกับพี่วิน แต่เอาเข้าจริงมันทำให้ฉันเห็นนะว่าวิธีที่พี่วินพูดกับฉันมันคือเรื่องปกติของเขา ไม่ใช่ว่าเขาใจดีกับฉันเป็นพิเศษเลย เพราะเขาก็วางตัวกับผู้หญิงคนนั้นเหมือนที่ทำกับฉัน มันเป็นอะไรที่อธิบายยากแต่สัมผัสได้น่ะ ซึ่งมันก็ช่วยดึงสติฉันได้หน่อยนึงอ่ะแหละ แต่เรื่องงานฉันตั้งใจไว้ตั้งแต่ก่อนไปร้านเจลาโต้อยู่แล้วด้วย”
“แกคิดได้งี้ก็ดี” ปริยากรพยักหน้าอีกรอบ ถึงเพื่อนจะรักคนยาก แต่การปลื้มคนคนหนึ่งมากก็อาจพัฒนากลายเป็นความรักได้ง่ายๆ อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เพิ่งรู้จักอาชวินไม่กี่วัน ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า
“แต่ตอนนี้มีปัญหาอย่างนึง” ปภาวรินท์ดึงความสนใจของเพื่อนกลับมาจากจานส้มตำอีกครั้ง ครั้นได้สบตากันเธอก็ยิ้มแห้งๆ “แกช่วยฉันคิดหน่อยดิว่าฉันจะไปคุยกับป๊ายังไงดีโดยไม่โดนพี่รัญขวาง”
สาวตาคมฟังแล้วถึงกับกลอกตา…เอากับเพื่อนเธอสิ!
ติดตามบทที่ 3-4 ได้แล้ววันนี้!