X
    Categories: LOVEทดลองอ่านปรารถนา... คุณอีกสักครั้ง ชุด Wishing You ด้วยรัก... และปรารถนา

ทดลองอ่าน ปรารถนา… คุณอีกสักครั้ง ชุด Wishing You ด้วยรัก… และปรารถนา บทที่ 2

หน้าที่แล้ว1 of 4

บทที่ 2 กระเป๋าแบน แฟน (เก่า) ทิ้ง

ความเจ้าเล่ห์แสนกลของภูริตาแผ้วถางอุปสรรคทั้งหลายจนราบเป็นหน้ากลอง เพราะหญิงสาวเรียกใช้บริการรถยนต์โดยสารส่วนบุคคลผ่านแอพพลิเคชั่นในมือถือ โดยเรียกเก็บเงินปลายทางแทน ทำไมเพิ่งคิดได้นะ รู้อย่างนี้กดเรียกรถตั้งแต่อยู่สนามบินแล้วดีกว่า

“มาเที่ยวเหรอครับ”

“มาหาแฟนค่ะ เขาเป็นเจ้าของฟาร์มมุกดา”

เธออ้างเช่นนั้นเพราะการโดยสารรถยนต์ของคนแปลกหน้าตามลำพังไม่มีอะไรรับประกันความปลอดภัยสักหน่อย ดังนั้นอะไรที่พอจะยกขึ้นมาเป็นยันต์กันภัยได้เธอก็ต้องอ้างไว้ก่อน

“แฟนนายหัวเขมเหรอครับเนี่ย”

“รู้จักพี่เขมด้วยเหรอคะ เซอร์ไพรส์จัง!”

“นายหัวดังออกครับ ผมเคยรับส่งลูกค้าของฟาร์มนายหัวเป็นประจำครับ แต่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนว่านายหัวมีแฟนแล้ว นึกว่าคบกับคุณฉัตรเสียอีก”

ฉัตร…ฉัตรไหน!

ในข่าวที่เธอบังเอิญเลื่อนเจอในอินสตาแกรมไม่เห็นบอกเลยว่าเขมมีแฟนแล้ว บอกแค่ว่าเป็นหนุ่มเนื้อหอมของภูเก็ต

“ฉัตรไหนคะเนี่ย แพมไม่เห็นรู้เรื่อง”

“คุณกมลฉัตร ลูกสาวนายหัวธานี นักธุรกิจใหญ่ของภูเก็ตครับ ผมได้ยินคนเขาลือกันว่าคุณฉัตรเป็นแฟนนายหัว เพราะไปมาหาสู่กันหลายปีแล้ว แต่ไม่รู้หรอกครับว่าข้อเท็จจริงเป็นยังไง”

ภูริตารู้สึกเหมือนมีไฟกองโตสุมอยู่กลางอก มันร้อนรุ่มจนนั่งแทบไม่ติดเบาะ อยากแล่นไปเค้นความจริงจากปากเขมให้รู้แล้วรู้รอด

“แพมไปเรียนเมืองนอกเสียนาน เพิ่งลงเครื่องก็แวะซื้อของที่ห้าง แล้วเรียกรถมาหาพี่เขมนี่แหละค่ะ ตอนแรกก็อยากให้พี่เขมไปรับ แต่แพมอยากเซอร์ไพรส์พี่เขมน่ะค่ะ ไม่คิดว่าจะเจอเซอร์ไพรส์กลับแบบนี้ ถ้าเจอหน้าพี่เขมล่ะก็แพมจะบิดให้เนื้อเขียวเชียว”

หญิงสาวแสร้งเย้าทีเล่นทีจริง ทำเอาคนขับยิ้มแหยพลางลอบพิจารณาหญิงสาวตรงเบาะหลัง

ดวงหน้าสวยน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม ผิวขาวผ่องอมชมพูดูนวลเนียน รูปร่างเล็กบอบบางน่าทะนุถนอมแบบลูกผู้ลากมากดีในเมืองกรุง ตรงข้ามกับกมลฉัตรที่รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าสวยเฉี่ยว ดูทะมัดทะแมง

เทียบกันแล้วเขามั่นใจว่าผู้ชายร้อยทั้งร้อยชอบผู้หญิงน่ารักบอบบางคนนี้มากกว่าผู้หญิงมั่นใจในตัวเอง นายหัวเขมก็คงไม่ต่างกันนัก

“ไม่น่าเชื่อนะครับว่าแฟนนายหัวหน้าเด็กแบบนี้”

ภูริตาแสร้งหัวเราะคิกคัก “ไม่เด็กหรอกค่ะ แพมจะยี่สิบหกแล้วนะคะ”

“จริงเหรอครับเนี่ย หน้าคุณเด็กมาก ผมนึกว่าสิบเจ็ดสิบแปด”

ภูริตายกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มอ่อนหวาน พูดจารื่นหูแบบนี้ค่อยคุยกันได้ยาวหน่อย

“ใครๆ ก็บอกแพมแบบนั้นแหละค่ะ”

“ว่าแต่รู้จักนายหัวได้ยังไงเหรอครับ”

“รู้จักกันที่เมืองนอกค่ะ”

หญิงสาวไม่อยากถูกอีกฝ่ายซักไปมากกว่านี้ จึงแสร้งตัดบทด้วยการยกมือถือขึ้นมากดเล่น

หลังจากนั้นไม่ถึงสิบนาที รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นก็เคลื่อนมาจอดหน้าบริษัทซึ่งมีป้ายติดไว้ด้านหน้าว่า ‘บริษัท มุกดาเจมส์ จำกัด’

“ถึงแล้วครับ”

“ไม่ได้ชื่อว่าฟาร์มมุกดาเหรอคะ”

“นั่นชื่อที่คนพื้นที่เรียกกันครับ แต่ชื่อทางการคือบริษัทมุกดาเจมส์ครับ”

เขาตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม มองหญิงสาวกำลังรื้อค้นของในกระเป๋าสะพายใบย่อมอยู่หลายรอบด้วยความสงสัย “ไปไหนนะ เมื่อกี้ที่ร้านอาหารยังเห็นอยู่เลย”

เธอแสร้งควานมือลงไปในกระเป๋าอีกสองสามครั้งก่อนเงยหน้าขึ้นมองคนขับอย่างร้อนรน

“สงสัยแพมลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่ร้านอาหารแน่เลย รอสักครู่ได้ไหมคะ แพมไปขอยืมเงินพี่เขมก่อน”

สีหน้าของคนขับรถเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็ยอมพยักหน้าในที่สุด

ภูริตารีบสาวเท้าเข้าไปในตัวอาคาร ก่อนหยุดยืนหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์บริเวณโถงทางเข้า แล้วแจ้งความประสงค์ทันที

“พี่เขมอยู่ไหมคะ”

“ไม่ทราบว่านัดนายหัวไว้รึเปล่าคะ”

“เปล่าค่ะ ไปบอกพี่เขมทีว่าแพม ภูริตามาขอพบค่ะ เขาให้แพมพบแน่”

“นายหัวติดประชุมค่ะ แจ้งเรื่องไว้แล้วเดี๋ยวดิฉันจะเรียนให้ท่านทราบค่ะ”

“แต่ฉันมีธุระด่วน ต้องการพบพี่เขมเดี๋ยวนี้”

น้ำเสียงร้อนรนปนออกคำสั่งของภูริตาทำให้ดวงหน้าแฉล้มของพนักงานสาวเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น

“นายหัวไม่อยู่ออฟฟิศค่ะคุณ”

“เอ๊ะ ก็ไหนว่าประชุมอยู่”

“ท่านออกไปประชุมข้างนอกค่ะ”

“แต่พี่เขมก็น่าจะรับโทรศัพท์ได้นี่ โทรสิคะ จะรออะไร ฉันรีบนะ คนขับรออยู่ด้วย”

ความซวยกำลังไล่ล่าเธอจนหยดสุดท้าย และคราวนี้ดูเหมือนจะปรากฏออกมาในรูปของคนขับรถรับจ้างซึ่งกำลังก้าวผ่านประตูรั้วออฟฟิศเข้ามาแล้ว

“เร็วสิคะ โทรหาพี่เขมเร็ว ฉันอยากพบพี่เขม ฉันมีธุระจริงๆ นะ”

“ดิฉันคงทำเช่นนั้นไม่ได้หรอกค่ะ คุณทิ้งเรื่องไว้ดีกว่าค่ะ นายหัวเข้ามาแล้วดิฉันจะแจ้งให้ค่ะ”

“เอ๊ะ! พูดไม่รู้เรื่องรึไง ก็บอกว่าฉันรีบ จะซักอะไรนักหนา ถ้าพี่เขมรู้ว่าเธอปฏิบัติกับฉันแบบนี้ เขาไล่เธอออกแน่”

การโต้เถียงระหว่างสองสาวทำให้พนักงานที่อยู่ด้านในเริ่มเดินออกมาเมียงมอง และหนึ่งในนั้นก็คือชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ใส่แว่นกรอบเงิน ท่าทางเป็นมิตร

“มีอะไรรึเปล่า”

“คือคุณผู้หญิงคนนี้ต้องการพบนายหัวค่ะ”

“มีอะไรสั่งผมไว้ก็ได้ครับ ผมเป็นลูกน้องของนายหัว”

ถ้างั้นก็คงพอมีเงินค่ารถให้เธอยืมน่ะสิ ความหวังเริ่มฉายชัดบนดวงหน้าสวยใส ภูริตาจึงเท้าความให้ชายหนุ่มฟังคร่าวๆ ว่าเธอลงจากเครื่องบินแล้วกระเป๋าเงินหาย จึงเรียกรถมาหาเขมที่นี่โดยใช้วิธีเก็บเงินปลายทาง ก่อนสรุปปิดท้ายว่า

“แพมขอยืมเงินคุณก่อนได้ไหมคะ พี่คนขับรออยู่ แต่กระเป๋าแพมถูกขโมยไป พี่เขมเข้าออฟฟิศเมื่อไร แพมจะให้พี่เขมคืนเงินคุณทันทีเลยค่ะ”

ชายหนุ่มหน้าตาเป็นมิตรนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนรับคำและเดินตามเธอออกไปชำระเงินค่าโดยสารให้กับคนขับรถ หลังจากชำระเงินเสร็จ ภูริตาก็รีบกลับมายืนรอหน้าประตูกระจกหน้าออฟฟิศ ไม่ได้อยู่สนทนากับสองคนนั้นต่อ แต่เดาว่าเรื่องราวในบทสนทนานั้นต้องเกี่ยวกับเธออย่างแน่นอน ทั้งสองจึงหันมามองเป็นระยะแบบนี้ ครู่หนึ่งผู้ชายใจดีใส่แว่นจึงเดินกลับมาสมทบ

“ผมได้ยินว่าคุณเป็นแฟนของนายหัวเหรอครับ”

“ค่ะ เราเคยคบกัน”

“ถ้างั้นผมจะเรียนนายหัวให้ครับ คุณเข้าไปรอที่โซฟาก่อนสิครับ” เขาคลี่รอยยิ้มเป็นมิตร

“ขอบคุณนะคะคุณ…”

“อนุวัตครับ”

ภูริตากระพุ่มมือไหว้ “ขอบคุณมากค่ะคุณอนุวัต”

“ไม่เป็นไรครับ เรื่องเล็กน้อย”

ผู้ชายคนนั้นเดินหายเข้าไปในออฟฟิศ ในขณะที่ภูริตามองซ้ายมองขวาสำรวจหน้าตาออฟฟิศของเขมซึ่งตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ในตัวเมืองภูเก็ตอยู่อีกครู่หนึ่ง

เนื้อที่ราวๆ สองไร่เศษประกอบด้วยลานจอดรถกว้างใหญ่แบ่งเป็นล็อกๆ ดูเป็นระเบียบ ช่วงบ่ายแบบนี้มีรถจอดอยู่หนาตาจนยากจะแยกแยะว่ารถคันไหนคือรถของผู้บริหารบริษัท เพราะไม่มีป้ายระบุช่องจอดรถสำหรับผู้บริหารเสียด้วย

ถัดจากลานจอดรถไปไม่ไกลนักจะพบอาคารสีขาวสูงราวสี่ชั้น ระบุว่าเป็นโรงงานคัดแยกและเจียระไนไข่มุก ส่วนตึกหลังใหญ่สูงสิบชั้นซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าในเนื้อที่สองไร่กว่าคือออฟฟิศสำนักงานซึ่งภูริตากำลังจะเดินตามอนุวัตเข้าไป

ประตูกระจกออฟฟิศออกแบบเป็นสีทึบมองไม่เห็นจากทางด้านนอก หน้าประตูมีชุดเก้าอี้หินอ่อนวางอยู่หนึ่งชุด

เมื่อเธอผลักประตูกลับเข้าไปก็พบเคาน์เตอร์ต้อนรับซึ่งมีพนักงานสาวคนเดิมนั่งประจำอยู่ มีชุดโซฟาหนังเทียมสีน้ำตาลวางอยู่สองชุดทางซ้ายและขวามือ และอนุวัตที่ยังคงรออยู่

“ขอบคุณสำหรับค่ารถนะคะคุณอนุวัต เดี๋ยวแพมเจอพี่เขมแล้วจะรีบคืนเงินให้นะคะ”

อนุวัตยิ้มให้อย่างสุภาพ “ยินดีครับ ไม่ทราบว่าคุณ…เอ่อ…”

“ภูริตาค่ะ เรียกแพมเฉยๆ ก็ได้”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“เช่นกันค่ะ แล้วคุณอนุวัตทำงานกับพี่เขมมานานแล้วเหรอคะ”

“ก็สักห้าปีได้แล้วครับ”

“แล้วบริษัทนี้เปิดมานานรึยังคะ”

“ก็ราวๆ สามสิบปีได้แล้วครับ”

“ถ้างั้น…”

“ขอโทษทีครับ บังเอิญผมมีประชุมต่อ ต้องขอตัวก่อนนะครับ” อนุวัตตัดบท ไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวแปลกหน้าไต่ถามเรื่องส่วนตัวของบริษัทไปมากกว่านี้

“งั้นแพมไม่รบกวนแล้วค่ะ ถ้าติดต่อพี่เขมได้ ฝากบอกว่าแพมอยากพบนะคะ”

“ได้ครับ”

แล้วอนุวัตก็เดินหายเข้าไปด้านใน ปล่อยให้หญิงสาวแปลกหน้านั่งแหมะบนโซฟาริมประตูพลางเล่นมือถือต่อ พนักงานสาวที่เคาน์เตอร์ชักกังวลจึงรีบตามอนุวัตเข้ามายืนหลบมุมคุยกันด้านใน

“ตกลงแม่นี่เป็นใครคะคุณอู”

“ผมก็ไม่แน่ใจ คงต้องรอถามนายหัวอีกที เดี๋ยวผมจัดการเอง ไปเฝ้าไว้ให้ดี อย่าให้เพ่นพ่าน”

“ค่ะคุณอู”

หลังจากพนักงานต้อนรับย้อนกลับไปประจำตำแหน่งแล้ว อนุวัตก็หลบเข้าห้องประชุมขนาดเล็กแล้วกดโทรศัพท์หาผู้เป็นนายทันที

“ว่าไงอู”

“อีกนานไหมครับกว่านายหัวจะเข้าออฟฟิศ”

“น่าจะอีกสักสองชั่วโมง ฉันมีประชุมกับคุณฉัตรและหัวหน้าบริษัททัวร์ของญี่ปุ่น แป๊บนะ เดี๋ยวฉันเดินออกมานอกห้องก่อน แกมีอะไรรึเปล่า”

“คือ…มีผู้หญิงมาหานายหัวครับ”

“ผู้หญิง?”

“ครับ เขายืนกรานจะขอพบนายหัวให้ได้ครับ เห็นบอกว่าชื่อภูริตา ชื่อเล่นชื่อแพมครับ”

ปลายสายนิ่งไปเกือบอึดใจก่อนเสียงลมหายใจหนักๆ จะสวนกลับมาทางปลายสาย

“ไล่กลับไป!”

“ตะ…แต่นายหัวครับ”

“ไล่ไป ฉันไม่อยากเจอหน้า”

“แต่ว่าคุณแพม…เธอ…เธอบอกว่าเธอนั่งเครื่องบินมาจากกรุงเทพฯ แล้วกระเป๋าเงินหาย ต้องเรียกรถมาหานายหัวที่บริษัท แล้วมาเก็บเงินปลายทางที่นี่ บังเอิญนายหัวไม่อยู่ ผมก็เลยสำรองจ่ายไปก่อนครับ”

“แล้วไปออกให้ทำไม แกรู้จักเขารึไง”

“ก็เธอน่าสงสารนี่ครับ แล้วเธอก็อ้างว่าเป็นแฟนนายหัวด้วย”

ปลายสายเงียบไปอีกครั้ง แต่คราวนี้นานกว่าเดิมคล้ายกับว่าถูกคำพูดของลูกน้องฮุคเข้าท้องจนเจ้านายพูดไม่ออก ครู่ถัดมาชายหนุ่มจึงแค่นหัวเราะราวกับเรื่องที่ได้ยินช่างน่าขันสิ้นดี

“แกโดนหน้าสวยๆ หลอกแล้วล่ะสิไอ้อู”

“แต่เธอพูดเสียงหนักแน่นว่าเคยคบกับนายหัวนะครับ แล้วอีกอย่างเธอน่าสงสารออก หมาแมวพลัดหลงมานายหัวยังให้น้ำให้ข้าวจนแข็งแรง แต่นี่คนนะครับ”

“ให้น้ำให้ข้าวหมาแมวมันยังรู้จักบุญคุณ แต่ลองใจอ่อนให้แม่นี่สิ คงได้ขี่คอจิกหัวแกแน่”

พูดจากระแหนะกระแหนอย่างกับเป็นผู้หญิง คิดแล้วอนุวัตก็อดแปลกใจไม่ได้ เพราะนายหัวที่เขารู้จักมาตลอดห้าปีไม่เคยแสดงอาการค่อนขอดผู้หญิงแบบนี้มาก่อน หรือว่าแท้จริงแล้วผู้หญิงคนนี้จะเคยหักอกนายหัวเสียบอบช้ำ จนป่านนี้ก็ไม่ยอมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที

“ผมว่าคุณแพมไม่น่าใช่คนแบบนั้นหรอกครับ”

“อ้อ แกหลงกลแม่นี่เข้าให้แล้วสิ อยากจะขนไปเลี้ยงที่บ้านไหมล่ะ”

“นายหัวอนุญาตไหมล่ะครับ”

“ไอ้อู!”

อนุวัตกระตุกยิ้ม ทำเป็นไล่ทำเป็นไม่สนใจ พอจะสวมรอยรับเลี้ยงดูแทนทำเป็นขึ้นเสียงใหญ่

“แล้วนายหัวจะให้ผมทำยังไงล่ะครับ เธอไม่มีที่ไป เงินติดตัวก็ไม่มีสักบาท ขืนไล่ออกไปแล้วเธอเกิดคิดสั้นขึ้นมานายหัวจะเสียใจภายหลังรึเปล่าครับ”

ปลายสายเงียบไปอีกครู่หนึ่งก็พ่นลมหายใจแรงๆ

“อยากรอก็รอไป วันนี้ฉันไม่เข้า”

“อ้าว ก็ไหนนายหัวบอกว่าอีกสองชั่วโมงจะเข้าบริษัท”

“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว อยากรอก็ปล่อยให้รอซะให้เข็ด”

เขมตัดสาย ทิ้งภาระเป็นหญิงสาวหน้าใส รูปร่างเล็กอ้อนแอ้นไว้ให้เขาดูแลต่อ จะเข้าไปสวมรอยแทนเจ้านายก็เกรงจะโดนไล่ออกฟ้าผ่าน่ะสิ

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

หน้าที่แล้ว1 of 4

Comments

comments

No tags for this post.
Jamsai Editor: