บทที่ 1
งานเก่ายังไม่ทันเสร็จเกรียงศักดิ์ก็รับงานใหม่ให้เธอโดยไม่ถามสุขภาพสักคำ
“บริษัทแว่นตากันแดดส่งงานมาให้รีวิว อยากได้งานแอดเวนเจอร์มากๆ ประมาณว่าเจิดจ้าท้าแดดอะไรแบบนี้ ผมคิดดูแล้วเพจเราไปทะเลมาทั่วทุกจังหวัดแล้ว กิจกรรมก็เดิมๆ นั่งเรือ ชมเกาะ อาบแดด น่าเบื่อจำเจไม่สมกับเป็นเพจของคนคูลๆ”
“ใช่! งั้นแกก็ไปบ้างสิ”
“โธ่! เจ๊ ลูกเพจเป็นแสนกว่าคนนั่นก็ลูกเพจเจ๊ทั้งนั้น เจ๊เป็นลายเซ็นของเพจไปแล้ว ใครก็แทนไม่ได้”
“ไม่มีใครมาแทนฉันได้ แต่ฉันหาคนมาแทนแกได้ ฉันไล่แกออก”
“ไม่ออก”
“ไอ้เกียง” กาลเวลาแทบกรี๊ดใส่โทรศัพท์ให้ความหน้าด้านหน้าทนของน้องชาย
“ผมรู้ว่าเจ๊เหนื่อย ทำไมเจ๊ไม่รีบตกลงรับงานนี้แล้วไปนอนซะล่ะ”
กาลเวลาอยากร้องไห้ เธอเหนื่อยและอยากพักสักเดือนแบบไม่ต้องไปไหน ไม่ต้องทำอะไร จริงอยู่ว่าการได้ไปเที่ยวเป็นความสุขของใครหลายคน และยังมีคนอีกมากมายอิจฉาเธอ แต่ลองคิดดูว่าถ้าต้องเดินทางตลอดเวลาแบบสิบวันพักสามวันแล้วไปต่ออีกสิบวันมาเป็นปีๆ จนเธอเกือบลืมแล้วว่าละครหลังข่าวหน้าตาเป็นอย่างไร ร้านอาหารร้านโปรดเลิกขายไปแล้วหรือยังขายอยู่ เพื่อนในกลุ่มแต่งงานไปสามคนแล้วในปีนี้และเธอไม่เคยได้ไปร่วมงาน แบบนี้ต่อให้จ้างเป็นล้านก็ไม่ไป เธอไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
“ค่าจ้างสองแสน”
“ที่ไหน เมื่อไหร่”
ปลายสายเงียบไป แต่กาลเวลาเดาออกว่าหมอนั่นคงอยากจะพูดว่า ‘รู้งี้พูดเรื่องเงินตั้งแต่แรกก็จบ’ และเธอก็รู้ด้วยว่าต่อให้เกรียงศักดิ์อยากพูดแค่ไหน เขาก็จะไม่พูดอะไรให้ระคายหูเธอตอนนี้
กาลเวลายอมรับว่าเรื่องเงินทำให้เธอตาโต ถ้าทริปของเกรียงศักดิ์ไม่โหดร้ายเกินไป และเงินสองแสนคุ้มกับค่าเหนื่อยเธอก็จะทบทวนดูอีกที แต่ถ้าไม่…
“ทริปล่องเรือสำราญไทย-ฮ่องกง เจ็ดวัน”
“เอาเบอร์โทรลูกค้ามา ฉันจะโทรยกเลิกเอง”
“ไม่ได้นะเจ๊เว ถ้าพลาดงานนี้ไปผมต้องตายแน่ๆ นันท์บอกให้ผมหาเงินค่าสินสอดให้ได้ก่อนสิ้นปีนี้ อีกสองเดือนจะสิ้นปีแล้วยังขาดอีกหลายแสนเลย”
กาลเวลาแทบน้ำตาร่วง ซาบซึ้งในความรักของเกรียงศักดิ์ที่มีต่อแฟนสาวอย่างนั้นหรือ เปล่าเลย เธอแค่อยากร้องไห้เพราะสงสารตัวเองมากกว่า ล่องเรือสำราญ…แค่คิดก็เมาเรือแล้ว
แต่ถึงแม้ว่าเธออยากเทงานนี้มากเพียงใด สุดท้ายตกบ่ายมากาลเวลาก็จำต้องลุกขึ้นมาจดสิ่งของที่ต้องใช้สำหรับการเดินทางและพบว่ามีของต้องซื้อใหม่หลายอย่าง ทั้งรองเท้าผ้าใบใหม่แทนคู่เก่าที่ขาดเพราะดันลื่นล้มตอนเดินป่าและของใช้ส่วนตัวอีกเล็กน้อย
คอนโดมิเนียมของเธอติดรถไฟฟ้า BTS หญิงสาวจึงใช้เวลาไม่นานก็มาถึงห้างเซ็นทรัลเวิลด์
ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ไอเย็นจากห้างสรรพสินค้าทำให้เธอรู้สึกดี หรืออาจเป็นเพราะชานมไข่มุกยี่ห้อดังที่เธอมานะอุตส่าห์ยืนต่อแถวยาวเหยียดเกือบสี่สิบนาทีเพื่อให้ได้มาครอบครอง อะไรก็แล้วแต่…ทว่ามันชดเชยความเหน็ดเหนื่อยจากการขึ้นดอยที่เชียงรายให้ดีขึ้นได้
กาลเวลาซื้อของเสร็จตอนเย็นย่ำพอดี แต่เพราะยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าห้างจะปิดทำให้คนเมืองที่มีชีวิตอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพรเป็นส่วนมากโอ้เอ้ไม่ยอมกลับ กระทั่งถูกป้ายเซลส์ 70% สีแดงแปร๊ดดึงดูดเธอเข้าไปติดแหง็กอยู่ในร้านเสื้อผ้าอีกร่วมชั่วโมงและอาจจะนานกว่านั้นหากว่าสายตาเธอไม่ปะทะเข้ากับร่างเล็กของหญิงสาวผู้หนึ่งซึ่งคุ้นตาเสียเหลือเกินกำลังเดินมุ่งตรงเข้ามาในร้าน
“แพมรึเปล่า”
เจ้าของร่างเล็กผิวขาวผ่องนวลเนียนเชิดหน้าขึ้น มองมาอย่างถือตัว กาลเวลาปั้นยิ้มเฝื่อนให้อีกฝ่าย เธอกลอกตามองบนพร้อมกับคิดในใจ
นี่แหละแพมหรือภูริตาตัวจริงเสียงจริง ไม่ต้องสงสัยเลย
“ฉันเคยรู้จักเธอเหรอ”
“เวไง กาลเวลา”
“เว…กาลเวลา!” หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด ก่อนดวงตาใสจะเบิกกว้างขึ้นมา “เว ที่เคยออกค่ายอาสาด้วยกันป่ะ”
“เออ เวเอง” กาลเวลายิ้มอย่างดีใจที่สาวเจ้าจำได้เสียที ภูริตาลืมเธอง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สำหรับเธอ…บอกได้เลยว่าชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีวันลืมหญิงสาวได้ลง