กาลเวลาทำหน้าคว่ำเพราะเคืองที่ถูกล้อเลียน ถึงเธอจะเป็นอย่างที่เขาพูด แต่ก็ไม่ใช่เสียทุกอย่าง
“ใครว่าฉันหายโกรธ ฉันเห็นแก่ความตั้งใจจริงในการขอโทษของคุณหรอกนะ ถึงได้ไม่เอาเรื่อง แต่ยังไงก็ช่างเถอะ คุณจะไม่รับผิดชอบเรื่องโทรศัพท์ของฉันที่แฟนคุณโยนทิ้งทะเลไปฉันก็เข้าใจ เขาทำกับคุณขนาดนี้คุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรแทนเขาหรอก”
กาลเวลากล้าพูดเพราะเริ่มมึนฤทธิ์เบียร์ เธอยังคงมีสติสัมปชัญญะ แต่ควบคุมคำพูดได้ยากขึ้นเพียงเท่านั้น เพราะหากเป็นยามปกติเธอคงไม่กล้าพูดเรื่องส่วนตัวกับคนที่ไม่ได้สนิทสนมอะไรกัน
แต่ขณะที่แดนนี่กับกาลเวลาต่างเงียบอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง นาทีเดียวกันนั้นก็มีเสียงกรีดร้องอย่างตกอกตกใจดังมาจากที่ใดที่หนึ่งซึ่งไม่ไกลจากที่คนทั้งคู่นั่งอยู่
กาลเวลามองแดนนี่หน้าตื่น เพราะเสียงกรีดร้องอันดังนั้นตามมาด้วยเสียงร้องไห้ปานประหนึ่งจะขาดใจ
“คุณแดนนี่ครับ” ปาริธวิ่งหน้าตื่นมาหาเจ้านาย แดนนี่กับกาลเวลาลุกพรวดขึ้นพร้อมกัน
“เกิดอะไรขึ้น” แดนนี่ไม่รอคำตอบ เขาเดินแกมวิ่งไปยังทิศทางที่เป็นต้นเสียง
ปาริธเดินตามไปติดๆ กาลเวลาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็รีบเดินตามคนทั้งคู่ไป
แสงไฟสว่างจากห้องพักห้องหนึ่งลอดออกมาจากประตูห้องที่เปิดทิ้งไว้ ที่หน้าประตูหยางจงยืนรออยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าซีดเผือดขาวไปทั้งหน้า
แดนนี่กับปาริธไปถึงแล้วหยุดอยู่ที่หน้าประตู ขณะที่กาลเวลาตามมาติดๆ ก่อนจะชะงักฝีเท้าอยู่เบื้องหลังร่างสูงของคนทั้งสอง ภาพที่เธอเห็นผ่านไหล่หนาไปนั้นทำให้ต้องช็อกตาค้าง กาลเวลายกมือป้องปากเพราะกลัวว่าจะมีเสียงแปลกประหลาดเล็ดลอดออกมา
เลือดแดงฉานไหลทะลักออกมาจากร่างของหญิงสาวซึ่งนอนสิ้นลมหายใจอยู่ที่พื้นห้อง ที่ลำคอมีมีดปักอยู่ ใบหน้าสวยขาวไร้สีเลือด ดวงตาเบิกโพลง
“คุณพริมา”
กาลเวลาเรียกชื่อหญิงผู้ตายออกมาอย่างแผ่วเบา เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกวูบคล้ายจะเป็นลมล้มพับลงไป ความจริงเธอควรเบือนหน้าหนีภาพอันน่าสยดสยองนั่น แต่ทุกส่วนของร่างกายกลับขยับเขยื้อนไม่ได้แม้แต่เปลือกตา จนกระทั่งมือของใครบางคนดึงร่างเธอเข้าไปกอดแล้วกดศีรษะเธอให้ซุกลงบนหน้าอกกว้างของเขา
“หลับตา อย่ามองมัน”
ความโกลาหลเกิดขึ้นนับตั้งแต่วินาทีนั้น กาลเวลาถูกกันออกจากพื้นที่เกิดเหตุ เธอไม่กล้ากลับเข้าห้องคนเดียวจึงนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ท่ามกลางผู้คนที่เริ่มรับรู้เรื่องราวแล้วออกมายืนมองสถานการณ์ห่างๆ
เรือแล่นเข้าใกล้ฝั่งภูเก็ต ด้วยเหตุนี้จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจไทยในการเข้ามาเก็บหลักฐาน
“คุณเวครับ”
กาลเวลาเงยหน้าที่เปรอะไปด้วยคราบน้ำตามองคนเรียก พบว่าปาริธยืนอยู่เบื้องหน้าเธอ
“คุณแดนนี่ให้มาถามว่าคุณโอเคหรือเปล่า ต้องการความช่วยเหลืออะไรมั้ย”
กาลเวลานิ่งไป เมื่อครู่แดนนี่ดึงเธอเข้าไปกอดและปลอบประโลมเธอ เหมือนความฝันมากกว่าจะเชื่อว่าเป็นความจริง ทั้งเรื่องภาพศพของพริมาและอ้อมกอดของชายหนุ่ม แต่ถึงแม้ว่าอ้อมกอดของเขาจะเป็นอ้อมกอดที่หญิงสาวนับร้อยนับพันต้องการ แต่สำหรับกาลเวลา เธอได้แต่ขวัญผวาอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งนั้น
แดนนี่คงกลัวว่าเธอจะช็อกตายตามพริมาไปอีกคน
“ฉันไม่โอเคค่ะ ฉันอยากกลับบ้าน”
“ผมจะจัดการให้ครับ คุณไปเตรียมตัวเถอะ”
(ติดตามต่อในเล่ม)