หญิงสาวเพิ่งรู้สึกว่าที่เธอยังทรงตัวอยู่ได้นั้นไม่ใช่เพราะกำลังข้อเท้าของตัวเอง แต่เธอกำลังยืนพิงคนที่อยู่เบื้องหลัง เมื่อสติเริ่มกลับคืน ความคิดก็เริ่มมีเหตุและผล จิรัศยาสปริงตัวยืนบนรองเท้าคัชชูของเธอทันที น้ำที่ไหลย้อยเปื้อนเสื้อและกระโปรงก็ยังคงทำหน้าที่ของมัน ขนมครก แซนด์วิช กับข้าวเหนียวหมูปิ้งมีทั้งกระจายตกหล่นบนพื้นและยังอยู่ดีในถุงพลาสติกในมือของเธอ แต่ตอนนี้จิรัศยากำลังช็อกซ้ำซากกับภาพที่เพิ่งหันหลังกลับไปมอง
พ่อเทพบุตรช่วยฉันไว้ และฉันทำชานมไข่มุกหกใส่เสื้อสูทหรูราคาแพงของเขาด้วย!!!
นี่เป็นการพบกันครั้งแรกและเธออยากภาวนาให้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะเธอขายหน้าเกินกว่าที่จะสามารถสบตาของเขาได้อีกครั้ง จิรัศยายังพูดอะไรไม่ออก แต่คนที่ช่วยแก้สถานการณ์ให้กลับเป็นนายเสาธง เขากำลังยื่นมือออกมาขวางประตูลิฟต์เพื่อให้เปิดค้างไว้ พ่อเทพบุตรเดินออกจากลิฟต์ช้าๆ เขาไม่แสดงสีหน้าอะไรกับจิรัศยาแต่กลับหันไปพูดกับคนที่เหลือในลิฟต์แทน
“ขอโทษที่ทำให้เสียเวลาครับ”
จากนั้นนายเสาธงก็ปล่อยให้ประตูลิฟต์ปิดลง ทุกคนที่ลงพร้อมกันที่ชั้นสิบห้า ต่างกระจายตัวออกไปแล้ว แม้กระทั่งคนที่เป็นต้นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุกับเธอ จิรัศยาหันรีหันขวาง มองพ่อเทพบุตรที มองนายเสาธงที มันช่างเป็นภาพที่ดูตลกร้ายเมื่อคนที่มอมแมมที่สุดกำลังยืนตัวแข็งทื่อราวรูปปั้นท่ามกลางซากอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีชายหนุ่มรูปงามสองคนกำลังยืนสนใจกันและกันอยู่
นายเสาธงหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อสูทของเขาออกมาซับคราบเครื่องดื่มบนเสื้อของผู้เป็นนายอย่างบรรจง แม้สูทของนายเสาธงจะดูดีแต่มันก็ยังไม่ดีเท่ากุชชี่ที่เธอเพิ่งเห็นป้ายบนสูทของพ่อเทพบุตร
“เปลี่ยนไหมครับ ผมว่าควรเปลี่ยน”
“ไม่เป็นไรน่า ครึ่งชั่วโมงก็น่าจะเสร็จงาน” คนที่ถูกทำให้เปื้อนดูจะใจเย็นกว่า “แล้วทำไมนายขึ้นมาไวกว่าฉัน”
“ผมวิ่งขึ้นมา”
พ่อเทพบุตรแสยะยิ้ม “ไม่น่าถามสินะ”
“เปลี่ยนเถอะครับ เดี๋ยวผมโทรศัพท์ให้คนรถนำชุดใหม่ขึ้นมาให้ ท่านก็รู้ว่าคุณท่านไม่ชอบกลิ่นแปลกๆ”
พ่อเทพบุตรเบะปาก อากัปกิริยาของเขาไม่ว่าจะทำอะไรก็น่ามองไปหมด จิรัศยาเพลินตาเหมือนตกอยู่ในภวังค์ แต่นาทีต่อมาหญิงสาวต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อนายเสาธงดีดนิ้วมือตรงหน้า
“อะไร!…คะ”
ดีที่ยังมี ‘คะ’ ตามมาทีหลัง จะได้ไม่ดูว่าสิ่งที่เธอพูดออกไปนั้นมันห้วนเกินไป
“ไม่ทำอะไรสักหน่อยเหรอ”
แล้วเขาก็ใช้ตาตี่ๆ นั้นจ้องเธอรวดเดียวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เมื่อจิรัศยายังไม่ตอบเขาก็หันไปพูดกับพ่อเทพบุตรแทน
“เข้าไปรอในห้องน้ำเถอะครับ สักครู่ผมจะตามเข้าไป”
พ่อเทพบุตรพยักหน้าก่อนจะหันมาสนใจจิรัศยาบ้าง “คุณโอเคไหม”
“อ๊ะ…อะ…โอเคค่ะ”
เธอพยายามจะยกนิ้วโป้งให้เขาทั้งที่บรรดาถุงยังค้างบนนิ้วอื่นๆ อยู่
“ขอโทษนะครับที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น” เธอส่ายหน้าเร็วๆ “งั้นนายช่วยจัดการให้คุณผู้หญิงคนนี้ด้วย”
พ่อเทพบุตรหันไปสั่งนายเสาธงซึ่งน่าจะสูงน้อยกว่าเขาไม่ถึงห้าเซนติเมตร จากนั้นก็ก้มศีรษะน้อยๆ ให้จิรัศยา ซึ่งมันทำให้หัวใจของเธออ่อนยวบ ทำไมเขาช่างแสนดี ชอบช่วยเหลือ แถมยังเอาใจใส่ผู้หญิงที่เขาเพิ่งเคยเจอครั้งแรกอย่างนี้ มันน่าตกหลุมรักไม่ใช่เหรอ จิรัศยามองตามร่างสูงนั้นด้วยสายตาละห้อยก่อนที่จะถูกกระชากกลับมายังโลกในความเป็นจริง เมื่อคนข้างตัวเริ่มคุยโทรศัพท์เสียงดัง
“ลุงครับ เอาชุดสูทสีครีมของคุณกัณฑ์ขึ้นมาบนห้องทำงานของท่านด้วย ใช่ครับ เดี๋ยวนี้เลย”
จากนั้นเขาก็โทรสายใหม่
“ห้องแม่บ้านของอาคารใช่ไหมครับ มีอุบัติเหตุที่บริเวณหน้าลิฟต์ชั้นสิบห้ากับภายในตัวลิฟต์หมายเลขสาม ช่วยมาทำความสะอาดด้วย…ครับ ผมโทรมาจากบริษัทเฟรชคูล ใช่ อีกครึ่งชั่วโมงจะมีการประชุมใหญ่ภายในบริษัท ผมอยากให้จัดการเรื่องกลิ่นด้วย ถ้าสงสัยก็ดูกล้องวงจรปิดเอาก็แล้วกัน”
เมื่อเขาวางสายลง ความสนใจจึงกลับมาหาเธอ
“คุณจิรัศยา…”
“ฮะ ทำไมคุณรู้ชื่อของฉัน”