สมองของพารณคิดเร็วจี๋ว่าเจ้านายหมายถึงเรื่องไหนกันแน่ที่เขาต้องจัดการ แล้วใบหน้าของพนักงานออฟฟิศสาวที่มีเนื้อตัวเปรอะเปื้อนก็เด้งขึ้นมาในความทรงจำ
“อ้อ เรื่องนั้น…ผมให้นามบัตรของร้านคริสตัลไปครับ”
กัณฑ์อเนกพยักหน้าเห็นด้วย “ดีแล้ว แล้วเขาเลือกชุดไหน”
คราวนี้พารณอ้าปากหวอ ใครจะไปคิดว่าเจ้านายของเขาจะสนใจในรายละเอียดมากขนาดนั้น แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่รู้จักกันเพราะอุบัติเหตุที่ไม่น่าประทับใจเอาซะเลย แล้วทำไมกัณฑ์อเนกต้องอยากรู้ว่าเธอจะเลือกเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดไหน
“มะ…ไม่ทราบครับ ผมยังไม่ได้ตามเรื่องนี้”
“ทำไมล่ะ ผิดวิสัยนายนะ”
“เอ่อ เพิ่งออกจากห้องประชุม ผมยังไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้”
“งั้นก็ตามเรื่องให้ด้วย ฉันไม่ชอบให้ใครคิดว่าฉันเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ แล้วนายว่าผู้หญิงคนนั้นจะรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร”
พารณพยายามนึกถึงสีหน้าและท่าทางของจิรัศยาในช่วงที่เขามีโอกาสสนทนากับเธอ ว่ามีตรงไหนหรืออะไรที่พอจะบอกได้ไหมว่าเธอคนนั้นรู้จักกัณฑ์อเนก แล้วเขาก็ส่ายหน้า…
“ไม่น่าจะรู้จักนะครับ แต่เขาอาจจะทราบแล้วหลังจากที่เราสั่งให้โรงแรมจัดอาหารเช้าไปชดใช้ข้าวของที่เสียหายของเขา”
“เจ๋ง นายนี่ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย” แล้วจู่ๆ เขาก็ลุกขึ้น “เสร็จเรื่องแล้ว ฉันกลับล่ะ”
“จะไปไหนครับ บ่ายนี้ไม่มีนัดหมายอะไร ผมนึกว่าคุณหนูจะอยู่ที่นี่ทั้งวัน”
“อยู่กันสองคนเรียกชื่อเถอะ ฟังนายเรียกฉันว่าท่าน เรียกว่าคุณหนูแล้วฉันขนลุก”
“ครับ…ผมนึกว่าคุณกัณฑ์จะอยู่ที่นี่ทั้งวัน”
กัณฑ์อเนกส่ายหน้า “จะไปพัทยา”
พารณตกใจแวบเดียวจากนั้นก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้านายของเขาเอาแต่ใจตัวเองและทำในสิ่งที่ไม่ได้มีในหมายกำหนดการ
“ครับ เดี๋ยวผมบอกให้คนขับรถ…”
“นายไม่ต้องตามไปนะ แค่บอกให้คนรถไปส่งฉันที่คอนโดฯ แล้วฉันจะขับรถไปเอง”
“ทำไมล่ะครับ”
กัณฑ์อเนกยังไม่ตอบ เขาเดินออกจากโต๊ะทำงานแล้วมุ่งหน้าไปที่ประตูห้องทันที ทำให้พารณต้องก้าวยาวๆ ตามไปด้วย
“นายมีเรื่องที่จะต้องจัดการ…จำไม่ได้เหรอ” เขาหยุดเดินแล้วหันมามองเลขาฯ ด้วยสายตากวนๆ “ให้เรียบร้อย อย่าให้มีการเรียกร้องค่าเสียหายภายหลัง แล้วมีอะไรก็ส่งข้อความมาไว้ในโทรศัพท์ของฉันก็แล้วกัน ว่างๆ จะเปิดดูเอง”
“ตะ…แต่พรุ่งนี้มีสื่อขอสัมภาษณ์ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอทตอนบ่ายสองโมงนะครับ”
“ฉันจำได้น่า ตั้งบ่ายสอง เกือบยี่สิบสี่ชั่วโมง…ทำอะไรได้ตั้งเยอะ ไปล่ะ พรุ่งนี้เจอกัน”
พารณอ้าปากค้างทำได้แค่เพียงมองดูกัณฑ์อเนกเปิดประตูแล้วปิดใส่หน้าเขาเท่านั้น ชายหนุ่มมีเวลานิ่งอึ้งไม่ถึงนาทีก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าคนที่เพิ่งเดินหนีเขาไปได้ทิ้งงานไว้ให้ทำ คนตาเล็กหยีรีบล้วงมือถือขึ้นมาจากเสื้อสูทแล้วค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ที่บันทึกไว้ เขากดเรียกแล้วรอสายชั่วอึดใจคนปลายสายก็รับด้วยความกระตือรือร้น
“สวัสดีค่าคุณพารณ ยังไม่มีใครมาหาพี่เลยนะคะ”
“อ้าว…” พารณอุทานเบาๆ แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นยังไม่ได้ไปที่ร้านคริสตัล “ขอโทษนะครับ ทั้งที่รบกวนให้คุณคริสต้องมาเปิดร้านก่อนเวลาแท้ๆ”
“โอ๊ย เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาเลยค่ะ ว่าแต่คนที่จะถือนามบัตรของคุณพารณมานี่คือ…เอ่อ คือใครคะ พี่ถามได้มั้ย”
ปลายประโยคนั้นถูกลดน้ำเสียงลงเป็นกระซิบกระซาบ