“ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ เป็นการชดใช้ค่าเสียหายเท่านั้นเอง”
“อ๋อออ” เธอลากเสียงยาว
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตามเรื่องก่อนนะครับ ยังไงถ้าเขามา ช่วยดูแลให้เต็มที่ด้วยนะครับ”
“รับทราบค่ะ ไว้ใจพี่ได้เลย”
พารณวางสายไปแล้วก็ยืนนิ่ง เขากำลังเรียกภาพและบรรยากาศรอบตัวเมื่อช่วงเช้าในตอนที่กัณฑ์อเนกประสบอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ นั่นขึ้นมา พารณนึกใบหน้าและส่วนสูงของผู้หญิงคนนั้นออก หากพบอีกครั้งเขาก็จะจำเธอได้ทันที แต่สิ่งที่เขาต้องการระลึกถึงไม่ใช่ใบหน้ากลับเป็นป้ายชื่อพนักงานที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอกของเธอต่างหาก ชายหนุ่มหลับตา…
“จิรัศยา…ตัวอักษรสีน้ำเงิน มีอักษรภาษาอังกฤษ P หรือ F”
ชายหนุ่มส่ายหน้าด้วยความไม่มั่นใจนัก แล้วเขาก็เปลี่ยนวิธีการใหม่ พารณหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาใช้งานอีกครั้ง คราวนี้เขาเรียกหาผู้จัดการอาคาร
“ขอรบกวนอีกครั้งได้ไหมครับ บนชั้นที่สิบห้ามีบริษัทไหนที่มีชื่อสะกดด้วยตัว P หรือ F ไหมครับ”
เขารอไม่นานทางปลายสายก็ตอบกลับมา
“มีบริษัทหนึ่งที่มีทั้ง P และ F เลยค่ะ เพราะชื่อบริษัทคือ Perfect Furniture เป็นบริษัทเฟอร์นิเจอร์สำนักงานค่ะ เขาเป็นลูกค้าของเรามาหลายปีแล้ว…”
“ขอบคุณมากครับ”
พารณตัดบทแล้ววางสาย เขารู้ดีว่าผู้จัดการคนนี้ถ้าปล่อยให้พูดแล้วมักจะไม่ยอมหยุดง่ายๆ ชายหนุ่มหาหมายเลขโทรศัพท์ของบริษัทนี้ด้วยตัวเองจากนั้นก็กดเรียกสายทันที เสียงโอเปอเรเตอร์ที่รับสายนั้นหวานจับใจ น่าแปลกที่ยังมีบริษัทที่จ้างคนรับโทรศัพท์อยู่ เพราะส่วนใหญ่หมายเลขกลางสำหรับติดต่องานทั่วไปนั้นหลายบริษัทมักจะเปลี่ยนเป็นเสียงตอบรับอัตโนมัติไปหมดแล้ว เมื่อรอฟังคำทักทายและคำโฆษณาเล็กๆ น้อยๆ จนเสร็จพารณก็ถามหาคนที่เขาต้องการเพื่อพูดคุยด้วยทันที
“มีพนักงานที่ชื่อจิรัศยาทำงานอยู่ที่นี่ไหมครับ”
“อ๊ะ” เสียงเงียบไปชั่วครู่ คล้ายกำลังนึก “มีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ แล้วต้องการติดต่อเรื่องอะไร”
“โอนสายไปที่คุณจิรัศยาเลยได้ไหมครับ ผมขี้เกียจอธิบายหลายรอบ เรื่องส่วนตัวน่ะครับ”
คราวนี้ปลายสายนิ่งไปนานกว่าเดิมจนพารณคิดว่าสายหลุดไปแล้ว
“ฮัลโหล”
“อ่ะ ค่ะ ฟังอยู่ค่ะ ว่าแต่คุณชื่ออะไรนะคะ”
ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วตอบเสียงเข้ม “พารณ”
“เอ๊ะ ผู้ชายคนเมื่อเช้า…แล้วคุณมีธุระส่วนตัวอะไรคะ”
“นี่คุณจิรัศยาพูดอยู่เหรอ”
“ค่ะ”
“อ้าว แล้วทำไมไม่บอก ปล่อยให้ผมพล่ามอยู่ได้”
“เอ้า ก็ดิฉันถามแล้วว่าคุณชื่ออะไร ต้องการติดต่อเรื่องอะไร”
“ก็ผมไม่ทราบนี่ว่าคนที่รับโทรศัพท์เป็นคุณจิรัศยา คุณเป็นโอเปอเรเตอร์ของบริษัทรึไง”
“ค่ะ!”
พารณรู้สึกปวดศีรษะข้างเดียวขึ้นมาตงิดๆ “แล้วทำไมคุณไม่บอกว่าเป็นคุณล่ะ”
“ฉันต้องระวังตัวไว้ก่อนสิคะ คุณเล่นบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ฉันพยายามคิดอยู่ว่าใครโทรมา ทั้งที่ไม่คุ้นกับเสียงนี้มาก่อน”
พารณตั้งใจถอนหายใจเสียงดังให้คนฟังได้ยิน “งั้นเข้าเรื่องเลยนะ”
“ค่ะ พูดมาเลย”
“ทำไมไม่ไปร้านเสื้อ”
“ยังไม่ได้ไปค่ะ”
“นั่นแหละ ทำไมไม่ไป คุณใส่เสื้อสกปรกแล้วก็เหม็นๆ นั่นทำงานเหรอ”
“เปล่า ฉันจะใส่ชุดอะไรทำไมฉันต้องรายงานคุณด้วย”
“คุณควรไปร้านคริสตัล รู้ไหมการที่ผมบอกให้เจ้าของร้านมาเปิดร้านเพื่อรอต้อนรับคุณคนเดียวแต่คุณกลับไม่ไปน่ะ มันเป็นเรื่องที่เสียมารยาทมาก”
“ไม่ทราบค่ะ อันนั้นมันไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของฉันนี่คะ คุณเป็นคนจัดการเอง”
พารณอยากขว้างโทรศัพท์ในมือทิ้ง เขาต้องระงับอารมณ์โดยการเดินมานั่งที่โซฟารับแขกของกัณฑ์อเนก
“คุณจิรัศยาครับ คุณควรไปเลือกเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ร้านคริสตัลได้แล้วนะครับ”
“ทำไมเหรอคะ นามบัตรของคุณมีวันและเวลาหมดอายุด้วยเหรอคะ”
“มีครับ!”
เขาตอบสวนกลับไปทันทีเพราะต้องการจบเรื่องที่กัณฑ์อเนกสั่งไว้ให้เร็วที่สุด โดยไม่ได้คิดเลยว่ายังมีมนุษย์อยู่อีกคนหนึ่งบนโลกใบนี้ที่ไม่ยอมจำนนต่อคำประชดประชันของเขาง่ายๆ
“งั้นฉันไม่เอาก็ได้ค่ะ คุณมีธุระแค่นี้ใช่ไหมคะ ฉันต้องวางสายแล้ว งานของฉันยุ่งมาก”
“ดะ…เดี๋ยว…”
“สวัสดีค่ะ”
กริ๊ก…
เลขานุการหนุ่มนั่งนิ่งหลังจากที่โยนโทรศัพท์มือถือลงบนโซฟาใกล้ตัวแล้ว ดวงตาของเขาดูเหม่อลอย แต่ความจริงพารณกำลังเพ่งตรงไปที่โต๊ะทำงานของเจ้านาย ในใจพลางนึกขึ้นมาว่าตำแหน่งของเขามันควรมีงานการที่ดีทำมากกว่าการไล่ตามแก้ปัญหาบ้าบออยู่อย่างนี้
โปรดติดตามตอนต่อไป