คนที่กล้าดึงสิ่งที่อยู่ในนั้นออกมาคนแรกคือกวิตา เธอหยิบเสื้อสูทขึ้นมาดูอย่างทะนุถนอม ซึ่งทำให้เห็นว่ายังมีเสื้อผ้าอีกชิ้นอยู่ในกล่องนั้น
“โอ๊ย สวยมาก เนื้อผ้าดี คัตติ้งเริด นี่เป็นสูทสั้น ในนั้นเป็นกระโปรงรึเปล่า เอ้า จิ…ถือนี่ไว้ก่อน”
จิรัศยารับผ้าชิ้นแรกมาถือไว้ มันเป็นสูทสั้นที่น่ารักมาก เธอยังชื่นชมชิ้นนี้ไม่เสร็จกวิตาก็เริ่มชื่นชมชิ้นที่สองให้เธอฟังแล้ว
“มันเป็นชุดแส็กแบบไม่มีแขน! สวยเข้าชุดกับสูทนี่เลย โห คนเลือกเทสต์ดีมากๆ หรือไม่อย่างนั้นร้านคริสตัลก็มีแต่ของดี ถึงจะจับชิ้นที่ถูกที่สุดในร้านก็ยังเป็นของที่เริดที่สุดในชีวิตของพวกเราอยู่ดี ฮือออ อิจฉาจิที่ได้เสื้อผ้าสวยๆ จากคนหล่อ แถมโพรไฟล์ดีคนนั้น”
กวิตาคร่ำครวญพร้อมกับทำสายตาออดอ้อน แต่จิรัศยากลับไม่ได้อยู่ในอารมณ์นั้นด้วย จริงอยู่ที่เธอดีใจและตื่นเต้น แต่ความกังวลก็มีอยู่มากเกินกว่าที่จะแสดงอารมณ์ออกไปตรงๆ อย่างกวิตาได้
“มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอ ถ้าเทียบกับชุดของเราที่เปื้อนไปน่ะ”
“หืม…จิ ใครเขาให้เอามูลค่าชุดมาเปรียบเทียบกันเล่า นี่มันเป็นเรื่องศักดิ์ศรีของผู้ชายคนหนึ่งนะ เขาทำชุดของเราเปื้อน เขาก็ชดใช้ด้วยเสื้อผ้าที่เขามีกำลังจ่ายกลับคืนมาเท่านั้นเอง”
“เราควรรับมันไว้เหรอ”
หญิงสาวร่างเล็กมองชื่อในนามบัตรนั้นด้วยความกังวล สิ่งนี้จะเป็นของชดเชยความเสียหายที่มีมูลค่ามากที่สุดในชีวิตซึ่งเธอเคยได้รับมา แต่ถ้าคิดในแง่ของคนให้แล้วเขาคงจะไม่เดือดร้อนเลย เพราะในนามบัตรบอกไว้ว่ากัณฑ์อเนกเป็นถึงรองประธานบริษัท เฟรชคูล จำกัด (มหาชน)
“ควรสิ! จิควรรับไว้ แล้วก็ควรจะโทรศัพท์ไปขอบคุณเขาด้วย เผื่อจะกลายเป็นโอกาสดีๆ ที่จะได้คุยกันด้วยไง”
กวิตาลืมเรื่องทุกข์ใจของตัวเองไปเสียสนิท ตอนนี้กลับกลายเป็นฝ่ายตื่นตาตื่นใจแทน เธอเฝ้าแต่คะยั้นคะยอให้จิรัศยาเห็นว่านี่เป็นสิ่งดีๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในชีวิตซึ่งเคยราบเรียบมาตลอด จนคนฟังเองก็เริ่มจะคล้อยตามบ้างแล้ว
“จิโชคดีจังนะ มีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้น แต่เราสิ เฮ้อ…”
“เอ้อ ขอโทษทีที่เรามัวแต่สนใจเรื่องของตัวเอง เมื่อกี้เรากำลังจะบอกตาว่าถ้าตาอยากได้รถคันนั้นจริงล่ะก็ เราพอจะช่วยตาได้นะ”
“หา! จริงเหรอ จิพูดจริงเหรอ”
สีหน้าของกวิตาสว่างวาบขึ้นด้วยความหวัง ดวงตาเป็นประกายอย่างที่มันควรจะเป็น
“อื้ม เราอยากให้ตาได้ขับรถไปเยี่ยมพ่อ ถ้าเป็นเงินเก้าหมื่นเราก็พอจะช่วยได้ แต่ตาสัญญาได้ไหมว่าจะคืนเราหลังจากเงินโบนัสออก”
“ได้สิ! สัญญา! เพราะตอนแรกเราก็คิดไว้แล้วว่าจะเอาเงินโบนัสก้อนที่กำลังจะได้นี้แหละมาโปะ แต่ถ้าจิให้เรายืมก่อนเราก็จะได้ไปออกรถทันทีเลย”
กวิตาร้องกรี๊ดเบาๆ แล้วโผเข้ากอดจิรัศยาด้วยความดีใจสุดขีด มันทำให้คนใจดีพลอยยิ้มกว้างไปด้วย จิรัศยาดีใจที่เห็นเพื่อนร่วมงานซึ่งสนิทสนมที่สุดมีความสุข กวิตาเป็นเพื่อนคนแรกที่เดินเข้ามาทำความรู้จักกับเธอในวันเริ่มต้นการทำงาน กวิตาจึงเปรียบเสมือนพี่เลี้ยงของพนักงานใหม่ จิรัศยาไม่เคยลืมความปรารถนาดีที่หญิงสาวหยิบยื่นมาให้
เมื่อกัณฑ์อเนกไม่ต้องการเขา พารณจึงใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายประสานงานกับทีมงานที่ขอสัมภาษณ์เจ้านายของเขาในวันพรุ่งนี้ เลขาหนุ่มนั่งทำงานอยู่ภายในสำนักงานที่มีการประชุมในช่วงเช้า โดยปกติชีวิตการทำงานของเขาจะผูกติดกับกัณฑ์อเนกเป็นหลัก ดังนั้นหากเจ้านายหนุ่มไปไหนเขาก็จำเป็นต้องติดตามไปด้วย ยกเว้นหากเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ และไม่มีกำหนดการจำเพาะเจาะจงกัณฑ์อเนกก็จะไม่ต้องการเขา เหมือนเช่นตอนนี้
เฟรชคูลเป็นกิจการหลักของตระกูลและมีสำนักงานใหญ่อยู่ภายในอาคารให้เช่าแห่งนี้มานานหลายปีจนกลายเป็นรายได้ก้อนใหญ่ของผู้ให้เช่า แม้กมลพัชรจะสามารถสร้างอาณาจักรแห่งใหม่ขึ้นมาเพื่อเป็นสำนักงานของบริษัทย่อยๆ แล้ว แต่เฟรชคูลเองยังอยู่ที่นี่ เหตุผลใหญ่ก็เพราะอาคารแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง การคมนาคมด้วยรถไฟฟ้าก็แสนจะสะดวกสบายถูกใจทั้งผู้บริหารและพนักงาน กมลพัชรจึงยังยอมให้บริษัทยังอยู่ที่นี่ต่อไป ดังนั้นหากมีการประชุมใหญ่ประจำปีหรือนัดประชุมสำคัญๆ ก็จะมีการจัดงานขึ้นที่นี่เสมอ
พารณกำลังอ่านคำถามจากอีเมลที่นักข่าวส่งมาให้เขากรองก่อนที่จะมีการสัมภาษณ์จริง ระหว่างที่กำลังนั่งทำงานเงียบๆ อยู่นั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ส่งสัญญาณสั้นๆ บอกว่ามีข้อความเข้า ชายหนุ่มชำเลืองมองพอเห็นว่ามันมาจากเจ้าของห้องเสื้อคริสตัล เขาจึงละสายตาจากงานมาเปิดอ่านข้อความแทน
‘ส่งชุดที่คุณพารณเลือกไปให้คุณจิรัศยาที่บริษัท Perfect Furniture เรียบร้อยแล้วค่ะ เธอรับมันไว้ด้วยตัวเอง’