พารณเพิ่งเข้าใจแต่ก็ไม่หยุดเดิน ตอนนี้ทั้งคู่ลงจากบันไดสถานีรถไฟฟ้ามาถึงทางเดินหน้าห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แล้ว ทั้งคู่อดหันไปมองถนนฝั่งตรงข้ามไม่ได้ ดูเหมือนจะเริ่มมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาควบคุมสถานการณ์ แต่ความตื่นกลัวก็ยังคงกระจายอยู่โดยรอบ เสียงหวีดหวอดังก้องทั่วแยกราชประสงค์ รถยนต์และรถจักรยานยนต์บนถนนทุกฝั่งหยุดชะงัก…มันเกิดการระเบิดขึ้นตรงนั้นจริงๆ กลางใจเมือง ย่านธุรกิจ และในเวลาที่มีคนสัญจรไปมามากมาย
“อย่าเพิ่งห่วงคนอื่น เอาตัวรอดก่อนแล้วค่อยหาทางติดต่อ ท่าทางเราต้องเดินอีกไกล”
ท้องฟ้ามืดสนิทแล้วทำให้เห็นแสงไฟชัดเจนขึ้น ปกติสี่แยกนี้เป็นสี่แยกที่มีแสงไฟยามค่ำคืนสว่างสวยงาม ยิ่งใกล้เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่เช่นนี้ ทั้งโรงแรมและห้างสรรพสินค้าต่างพร้อมใจกันจัดแสดงแสงสีบริเวณสถานประกอบการของตนอย่างอลังการและยิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้บรรยากาศกลับพลิกผันเมื่อผู้คนต่างตื่นกลัว ไม่มีใครอยู่ในอารมณ์ที่จะหยุดดูแสงไฟซึ่งถูกจัดไว้อย่างสวยงามเหล่านั้น พวกเขาพยายามวิ่งและเดินเพื่อออกไปให้ห่างจากจุดเกิดเหตุมากที่สุด พารณเห็นว่าจิรัศยาเดินได้คล่องขึ้นแล้วเขาจึงปล่อยมือจากการประคองเธอ เพิ่งสังเกตตอนนี้เองว่าหญิงสาวยังคงกอดถุงกระดาษนั้นแน่น
“ปกติคุณกลับบ้านยังไง”
“ขึ้นรถไฟฟ้าค่ะ”
ทั้งสองหยุดยืนตรงหน้าห้างเกษรพลาซ่าซึ่งตอนนี้พนักงานรักษาความปลอดภัยได้ปิดประตูห้างทุกบานแล้ว เมื่อไม่มีเสียงระเบิดดังซ้ำผู้คนก็เหมือนจะอยากรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จากที่วิ่งและเดินหนีห่างเมื่อสิบนาทีก่อน ตอนนี้มีบางส่วนอยากจะไปดูบริเวณหน้าศาลพระพรหมใกล้ๆ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสั่งห้ามไว้
มีไฟลุกท่วมอยู่กลางถนนบริเวณด้านหน้าศาลพระพรหม กลิ่นควันเหม็นคละคลุ้งปะปนกับกลิ่นจากท่อไอเสียรถซึ่งไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้ ทุกคนต้องรอให้ตำรวจเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ก่อน ส่วนรถตู้ของโรงพยาบาลตำรวจนั้นได้เข้าไปจอดขวางบนถนนเลนหนึ่ง คงรอรับคนเจ็บอยู่ ผู้คนที่ติดอยู่บนสกายวอล์กยกโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาบันทึกภาพไว้ เสียงร้องโหยหวนของคนเจ็บดังระงมน่ากลัว พารณพยายามดึงความสนใจของหญิงสาวออกจากสถานการณ์เพราะกลัวว่าเธอจะตื่นตระหนกจนก้าวขาไม่ออกอีก
“ตอนนี้คงกลับเหมือนเคยไม่ได้ หารถแท็กซี่ดีกว่า แต่คงต้องเดินไปแถวประตูน้ำ คุณเดินไหวมั้ย”
“หวะ…ไหวค่ะ โชคดีที่ใส่รองเท้าผ้าใบ”
พารณกวาดสายตาไปยังถุงที่เธอกอดไว้ อยากถามว่าทำไมเธอไม่เปลี่ยนเป็นชุดที่เขาเลือกให้แต่ก็ห้ามตัวเองไว้ คงจะแปลกมากถ้าเลือกที่จะถามในเวลานี้
“ไป เดินต่อ ถ้าผ่านบิ๊กซีไปถึงเส้นประตูน้ำเราคงเรียกแท็กซี่ได้สักคัน”
จิรัศยาก็อยากจะถามเขาเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงอยู่ตรงนี้ แล้วยังช่วยพาเธอหนีจากจุดเกิดเหตุด้วย แต่แทนที่จะถามสิ่งที่อยู่ในใจ เธอกลับถามเรื่องอื่นแทน
“จะมีคนตายไหมคะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นระเบิดจริงก็อาจจะ…คนตรงนั้นเยอะมาก”
พารณตอบเสียงเบาแล้วพยักหน้าให้เธอเดินตามเขามา หญิงสาวเดินตามแต่ไม่หยุดถาม
“ใครกันที่กล้าทำอย่างนั้น โหดร้ายเหลือเกิน แล้วเขาทำทำไมคะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน คงต้องรอฟังข่าว คืนนี้เราหาทางกลับบ้านกันก่อนเถอะ”
จิรัศยาเห็นด้วยแล้วเร่งฝีเท้าตามเขา ทั้งคู่ไหลตามผู้คนที่ต่างพยายามออกห่างจากสี่แยกราชประสงค์ พวกเขาเลือกเดินตามเส้นทางที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ตอนนี้ข่าวเรื่องการระเบิดคงแพร่กระจายออกไปในวงกว้างแล้วโดยเฉพาะสื่ออินเตอร์เน็ต แต่ในสถานที่จริงมันยังมีความสับสนอยู่มาก ผู้คนใกล้ตัวเหมือนกลัวคำว่าระเบิด เมื่อมีใครพูดคำนี้ขึ้นมาทุกคนที่ได้ยินก็พร้อมมีปฏิกิริยาต่อมันทันที ทุกคนยังคงหวาดระแวง
หญิงสาวรู้สึกว่าเธอกับเขาเดินมาไกลมากแล้ว แต่ตอนนี้รถยนต์ก็ยังคงติดหนึบอยู่บนถนน คงเพราะได้รับผลกระทบจากการปิดสี่แยกที่เกิดเหตุ พารณพาเดินอย่างชำนาญทิศทาง มีบางช่วงที่เธอรู้สึกว่าตนเองเดินไม่ทันจนต้องคว้าชายเสื้อด้านหลังของเขาไว้ จิรัศยากลายเป็นเหมือนเด็กหลงทางที่ไม่กล้าปล่อยให้ผู้ใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าคลาดสายตา
“อีกนิดเดียว ผมคิดว่าเราจะหาแท็กซี่ได้ที่แยกข้างหน้า” เขาบอกแล้วหันมาถาม “ไหวไหม”
“ไหวค่ะ”
เขามองถุงนั่นอีกครั้ง “ให้ผมช่วยถือไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันถือได้”
“ดูคุณจะหวงมันมากนะ”