ไม่เชิงประชดเพราะเขาพูดน้ำเสียงเรียบ แต่ก็ไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบเหมือนกัน จิรัศยาจึงเลือกที่จะเงียบ มีหลายคนที่เลือกวิธีการออกจากสถานที่เกิดเหตุเหมือนพวกเขา และก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่เดินสวนทางเข้าไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น พารณพอจะเดาสถานการณ์เช่นนี้ได้ว่าสื่อออนไลน์เริ่มทำหน้าที่ของมัน และข่าวลือต่างๆ จะถูกจุดกระแสขึ้น หากเป็นเรื่องร้ายแรงจริงๆ ทางราชการคงจะดำเนินการในสภาวะฉุกเฉินที่จริงจังขึ้น พวกเขาต้องหาพาหนะให้ได้ แต่หากจะเรียกให้ใครวิ่งเข้ามารับอาจจะต้องใช้เวลามากกว่าการพยายามออกไปด้วยตัวเอง
“แท็กซี่!”
จู่ๆ เขาก็ตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงอันดัง แล้วโบกไม้โบกมือให้คนขับรถซึ่งอยู่เลนที่สองของถนนหันมามอง
“เขาไม่เห็นเรา”
จิรัศยาบอก พารณจึงตัดสินใจคว้าข้อมือของเธอทันทีแล้วฉุดเธอข้ามถนนทั้งที่ไม่มีทางม้าลายตรงนั้น
“วิ่ง!”
หญิงสาวต้องทำตามที่เขาบอก พารณต้องการวิ่งไปตัดหน้ารถแท็กซี่ที่กำลังจะขับเข้าไปบริเวณที่พวกเขาเพิ่งจากมา และตอนนี้คนขับรถก็เห็นเขาในระยะกระชั้นชิด เสียงเบรกของล้อหน้าดังเอี๊ยดจนน่าตกใจ คนขับเปิดกระจกลงทันที
“โอ๊ย ไอ้หนุ่มลุงตกใจหมด”
“รับเราด้วยครับ”
“มาๆ ขึ้นมา”
พารณรีบเปิดประตูหลังแล้วจับยัดจิรัศยาเข้าไปข้างในก่อน เสร็จแล้วก็รีบตามเข้าไปนั่ง ทันทีที่ปิดประตูรถได้เขาก็สั่ง
“ห้ามเข้าไปเด็ดขาดเลยครับ ข้างหน้ารถติดมาก เข้าไปแล้วจะออกมาไม่ได้เลยล่ะ”
“งั้นที่ข่าวเขาออกก็จริงน่ะสิ ระเบิดใช่ไหม”
“ครับ”
พารณด่วนสรุปเพราะอยากให้คนขับเบี่ยงรถออกไปจากเส้นทางนี้เสียที เขาหันมาถามคนที่นั่งข้างๆ
“บ้านคุณอยู่ไหน”
“ซอยรัชดาภิเษกสามสิบสองค่ะ”
“หน้าศาลอาญาเหรอ”
“ใช่”
“ไปที่นั่นครับลุง ไปเส้นไหนก็ได้ที่เร็วที่สุด ลุงต้องหมุนรถกลับเดี๋ยวนี้เลย”
“มันไกลนะ รถก็ติดด้วยตรงนั้น”
“ผมจ่ายสองเท่าจากมิเตอร์ ไม่รวมทิปลุงอีกสองร้อย”
คนขับมองกระจกหลังแล้วยิ้มกว้าง “งั้นก็ได้เลยพ่อหนุ่ม”
เมื่อปล่อยหน้าที่การขับให้เป็นของรถแท็กซี่แล้วพารณก็เริ่มเช็กข่าวสารในมือถือ จิรัศยาเองก็นึกขึ้นมาได้ว่าเธอยังมีเรื่องที่เป็นกังวลอยู่ หญิงสาวควานหาโทรศัพท์ของตนขึ้นมาแล้วกดไปหากวิตา แต่รอแล้วรอเล่าเพื่อนก็ไม่รับสาย มันทำให้เธอเป็นกังวลเพิ่มขึ้นไปอีก
“ติดต่อเพื่อนไม่ได้เหรอ” เขาถาม
“ค่ะ”
“ส่งข้อความไปบอกไว้ให้เขาติดต่อกลับ”
“ค่ะ”
ชายหนุ่มสั่งเหมือนอีกคนเป็นเด็ก แต่เธอก็ยอมทำตามที่เขาบอก วิทยุในรถแท็กซี่ถูกเปิดช่องข่าวไว้ พารณจึงได้ยินการรายงานสถานการณ์จากวิทยุและได้อ่านข่าวจากมือถือไปพร้อมกัน แต่แล้วจู่ๆ เขาก็สั่งคนขับ
“ลุงปิดวิทยุได้ไหมครับ”
“อ้าว ไม่ฟังข่าวเหรอพ่อหนุ่ม”
“ผมจะโทรศัพท์”
“อ้อ ได้ๆ”
ในสื่อที่เขาตามอยู่เริ่มมีการรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในที่เกิดเหตุแล้ว และเขาคิดว่าจิรัศยายังไม่พร้อมที่จะฟังตอนนี้หากเธอต้องได้ยินชื่อของเพื่อนสาวด้วย เขาต้องการรอฟังข่าวที่ชัดเจนก่อน ชายหนุ่มหันไปมองหน้าจอโทรศัพท์ของจิรัศยาซึ่งตอนนี้เธอกำลังพิมพ์ข้อความเพื่อส่งไปหากวิตา จากนั้นเขาก็เป็นฝ่ายโทรหาใครบางคน
“ฮัลโหล ผมพารณนะ พนักงานของเราออกมาจากออฟฟิศหมดรึยัง ตอนที่ผมเพิ่งกลับยังมีคนอยู่สามสี่คน” เขาหยุดฟังการรายงาน “ดีแล้ว ทุกคนปลอดภัยนะ ผมโอเค ตอนนี้กำลังจะกลับบ้าน ให้ฝ่ายบุคคลออกประกาศด้วยว่าไม่มีใครเป็นอะไร เรื่องวันหยุดเดี๋ยวผมคุยกับเลขาฯ ท่านประธานก่อน ครับ ครับ ขอบคุณครับ”
เมื่อวางจากสายหนึ่งเขาก็รีบโทรอีกสาย