“คุณบุ๊ง…ไม่ครับ ผมออกมาก่อน คุณหนูไม่อยู่ที่ออฟฟิศตั้งแต่บ่าย เอ่อ เธอไปพัทยา ครับ เดี๋ยวผมเช็กที่อยู่ที่แน่นอนของเธออีกทีแล้วจะส่งข่าวไปบอก เรียนท่านด้วยว่าพนักงานของเราปลอดภัยดีทุกคน ขอบคุณครับ”
ในระหว่างที่เขาคุยโทรศัพท์นั้นคนตัวเล็กกว่าก็หันมาจ้องใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่มตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ และเมื่อเหยื่อรู้ตัวเขาก็ถึงกับสะดุ้ง
“มีอะไรครับ จ้องตาแป๋วเลย”
“คุณเป็นพ่อบ้านเหรอคะ แบบบัตเลอร์ของคนชั้นสูงอะไรแบบนั้นน่ะ”
พารณทำท่านึกตามแล้วพยักหน้า “คงประมาณนั้นแหละ ขออีกสายนะ”
ไม่รอคำอนุญาตเขาก็กดหาหมายเลขที่ติดต่อบ่อยที่สุด ทางนั้นปล่อยให้เขารอสายไม่นานอย่างที่เคยเป็น
“ว่าไง” กัณฑ์อเนกทัก
“อยู่ไหนครับ”
“พัทยาสิ ก็บอกนายแล้ว”
“ครับ ผมแค่ลองเช็กดู คุณกัณฑ์โอเคนะครับ…เสียงไม่ค่อยดีเลย”
“หืม ไม่ดียังไง…คงเหนื่อยมั้ง นายมีอะไรอีกรึเปล่า”
“เอ่อ พอดีมีเหตุการณ์ไม่ค่อยดีเกิดขึ้นแถวบริษัทของเรา เดี๋ยวคุณกัณฑ์คงเห็นข่าว งั้นผมจะรายงานท่านประธานก่อนนะครับว่าคุณกัณฑ์ปลอดภัยดีและอยู่ที่พัทยา”
“เฮ้ย ไม่ต้องบอกเรื่องพัทยา บอกว่าฉันอยู่กับนาย”
“แต่…”
“แล้วอะไรที่ว่าเหตุการณ์ไม่ดี บอกมาซิ ขี้เกียจตามข่าว”
“มีระเบิดหน้าศาลพระพรหมครับ”
“หา? ระเบิดกลางเมือง? ตอนนี้เนี่ยนะ”
“ครับ สถานการณ์ยังกรุ่นๆ อยู่เลย”
“พรุ่งนี้เรามีงานแถวนั้นอีกนี่”
“ใช่ครับ ผมก็เลยจะถามคุณกัณฑ์ด้วยว่าจะยกเลิกไหม”
“ขอตามข่าวก่อนแล้วจะโทรกลับ”
“ได้ครับ แล้วเรื่องพะ…”
ยังไม่ทันจบคำถามกัณฑ์อเนกก็วางสายไปเสียแล้ว พารณยังสงสัยว่าทำไมเจ้านายของเขาจึงไม่อยากให้มารดารู้ว่าตัวเองอยู่พัทยาทั้งที่ก็ไปออกจะบ่อย และถึงคุณกมลพัชรรู้ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร
“แล้วทำไมคุณๆ ท่านๆ ของคุณเขาไม่คุยกันเองคะ ทำไมต้องคุยผ่านคนอื่นด้วย”
พารณหันไปมองคนช่างซักด้วยใบหน้าเฉยชา จากนั้นเขาก็โจมตีเธอคืนบ้าง “ติดต่อเพื่อนได้แล้วเหรอ”
“โอ๊ะ จริงด้วย ยังเลยค่ะ โทรไปก็ไม่รับสาย ส่งข้อความไปก็ไม่อ่าน อย่างนี้น่าเป็นห่วงนะคะ”
“เขาอาจจะถึงบ้านแล้วไม่สนใจโทรศัพท์อีกเลยก็ได้”
“แต่เราเพิ่งแยกกันเองนะ…หวังว่าจะปลอดภัยดี”
จิรัศยาพึมพำกับตัวเองจากนั้นก็เงียบไป พารณจึงมีเวลาจัดการงานของเขาต่อ โดยเริ่มจากส่งข้อความไปหาเลขาฯ ของกมลพัชร กำชับว่ากัณฑ์อเนกปลอดภัยดี เขาได้คุยสายด้วยแล้วเพียงแต่นายน้อยไม่อยากเปิดเผยที่อยู่ให้แม่ทราบ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับสองแม่ลูกคู่นี้เลย พารณกุมความลับของทั้งสองฝ่ายไว้มากมายจนบางครั้งชายหนุ่มก็คิดว่าสมองของเขาอาจจะบวมเข้าสักวัน
จากนั้นพารณก็พยายามติดตามข่าวสารจากในโทรศัพท์ ส่วนจิรัศยานั้นได้ล้มเลิกความพยายามที่จะติดต่อกวิตาแล้ว เธอจึงได้แต่หันไปมองนอกหน้าต่างกระจก ภาพไฟที่กำลังลุกไหม้ เสียงหวีดร้องของผู้คน และความโกลาหลเมื่อครู่กำลังหลั่งไหลเข้ามาในความทรงจำคล้ายเทปที่ถูกบันทึกภาพและเสียงไว้ มันช่างชัดเจนและรุนแรงจนหัวใจของเธอสั่น ไม่ใช่ประสบการณ์ชีวิตที่ดีเลยกับการที่ต้องเจอระเบิดกลางเมืองอย่างนี้
“ใกล้ถึงแล้วครับ”
เสียงคนขับแท็กซี่ปลุกหนุ่มสาวทั้งสองจากภวังค์ของตน พารณหันไปถามเธอ
“ให้ไปส่งตรงไหน”
“เลี้ยวเข้าไปในซอยรัชดาฯ สามสิบสองเลยค่ะ แล้วขับตรงไป เลี้ยวซ้ายแรกแล้วจะเห็นหอพักอยู่ฝั่งซ้ายมือค่ะ ตรงนั้นจะมีร้านสะดวกซื้อร้านใหญ่อยู่ข้างหน้า”
“อ้อ รู้แล้ว ผมเคยไปส่งผู้โดยสารที่นั่น”
เมื่อเข้าใจกันแล้วจิรัศยาก็กลับมาสนใจคนที่นั่งเคียงข้างบ้าง
“แล้วบ้านของคุณอยู่ที่ไหนคะ”
“ถนนสีลม”
“หา…นี่คุณนั่งรถมาส่งฉันที่นี่แล้วต้องกลับไปสีลมอีกรอบเหรอคะ”
เพราะถนนที่พารณว่านั้นมันอยู่ใกล้กับจุดระเบิดเมื่อครู่มากกว่าหอพักของเธอ มันเป็นการเดินทางข้ามเขตกันเลยทีเดียว ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเขาไม่ต้องนั่งแท็กซี่มากับเธอก็ได้
“ใช่”