“ได้ขอรับ ท่านลูกค้า!” เถ้าแก่เดินไปจัดการอย่างดีอกดีใจ ยกกับแกล้มสามอย่างขึ้นมาวางบนโต๊ะอย่างคล่องแคล่วว่องไว
เขาหยิบตะเกียบขึ้นมากินทันที ครั้นเห็นว่านางยังอ้าปากค้างจ้องมองเขา เขาจึงชี้ไปยังกับแกล้ม “จะกินหรือไม่”
นางยังคงมองเขาอย่างระแวดระวังต่อไป
“ไม่กินก็ช่าง” เขาลงตะเกียบอย่างเร็วไว เดิมทีกับแกล้มสามจานก็มิได้มากมายอันใดอยู่แล้ว อย่างมากก็แค่พอยัดซอกฟันเท่านั้น เพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวก็ถูกเขากวาดกินจนเรียบ แม้กระทั่งเศษผักชิ้นเล็กๆ ก็ยังไม่มีเหลือ
เขากินอย่างรวดเร็วยิ่ง ทว่าก็ยังคงรักษาความสุภาพงามสง่าเอาไว้ กินเสร็จแล้วก็ยังหยิบผ้าออกมาเช็ดปากอย่างมีมารยาท ก่อนจะกวักมือเรียกเถ้าแก่ให้มาคิดเงิน
“ท่านลูกค้า ทั้งหมดสิบอีแปะขอรับ”
จิ้นเสวียนพยักหน้า เขาหันไปสั่งเหยาเหนียงว่า “จ่ายเงินสิ”
เหยาเหนียงถลึงตากว้าง กล่าวด้วยท่าทางฉุนเฉียวว่า “เหตุใดข้าต้องจ่ายเงินด้วย”
เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “อ้อ? ยอมพูดแล้วรึ ข้าคิดว่าเจ้าตกใจจนทึ่มทื่อไปแล้วเสียอีก”
เหยาเหนียงได้ยินแล้วโมโหกระฟัดกระเฟียดยิ่ง
จิ้นเสวียนจ่ายเงิน จากนั้นลุกขึ้นเดินออกไปจากแผงร้านน้ำชา เขาเอามือไพล่ไว้ด้านหลัง ก่อนเบือนหน้ามามองนาง
เขากำลังรอนางอยู่…
ในที่สุดเหยาเหนียงก็เข้าใจ ที่เขาปล่อยให้นางหนีเป็นเพราะต้องการให้นางรู้ว่าไม่ว่านางจะหนีไปที่ใด สุดท้ายก็จะต้องถูกเขาตามจับตัวได้อยู่ดี
นี่เขากำลังบอกนางว่าแม้นว่าซุนอู้คงจะเหาะได้ไกลถึงสิบหมื่นแปดพันหลี่แต่ท้ายที่สุดก็มิอาจหนีพ้นนิ้วมือทั้งห้าของพระยูไลได้
ในเมื่อหนีไม่รอด นางก็ทำได้เพียงคิดวางแผนไปทีละก้าว ขายผ้าเอาหน้ารอด แล้วค่อยหาวิธีใหม่อีกครา
จิ้นเสวียนพึงพอใจยิ่งที่นางเดินตามมาเองแต่โดยดี และโชคดีที่นางรู้จักกาลเทศะ หาไม่แล้วเขาคงต้องปวดหัวหนัก เพราะไม่รู้ว่าจะจับนางกลับไปอย่างไร
อาวุธเวทไม่มีผลกับนาง คาถาอาคมก็ไม่มีฤทธิ์กับนาง จะให้ทุบจนสลบแล้วแบกไป…เรื่องพรรค์นี้หากไม่มีใครเห็นก็ย่อมทำได้อยู่ แต่ว่าตอนนี้ทั่วทั้งท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คน ถ้าแบกสตรีผู้หนึ่งเดินอาดๆ ไปกลางวันแสกๆ อย่างนี้ก็เหมือนกับเติงถูจื่อฉุดคร่าหญิงสาวชาวบ้านน่ะสิ นอกจากเสียเกียรติเสียศักดิ์ศรีแล้ว ถ้าเกิดถูกคนเจตนาไม่ดีเข้าใจผิดล่ะก็ คงจะเสื่อมเสียไปถึงชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของเขาจริงๆ
ทั้งที่สตรีผู้นี้เป็นปีศาจแท้ๆ แต่กลับมีลักษณะท่าทางเหมือนสตรีในห้องหอ บนร่างมีไอของปีศาจจิ้งจอก แต่กลับไม่มีรูปโฉมเย้ายวนหยาดเยิ้มมากเพียงนั้น
เขากำลังรอคอย หากนางใช้พลังปีศาจ เผยโฉมปีศาจออกมา เขาก็จะสามารถประลองเวทจับปีศาจต่อหน้าผู้คนได้อย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง แต่ว่าจนกระทั่งบัดนี้นางกลับหลบหนีเหมือนอย่างคนธรรมดา กินเหมือนกับคนธรรมดา นอนเหมือนกับคนธรรมดา แม้กระทั่งยามเดินตามหลังเขาในตอนนี้ก็ยังคับแค้นใจเหมือนอย่างคนธรรมดา
เขามองนางไม่ออก นางปีศาจตนนี้มีจุดที่ย้อนแย้งกันมากเกินไป ปีศาจจิ้งจอกที่สามารถหนีออกมาจากหอผนึกมาร ทั้งยังเล่นงานอาวุธเวทได้อยู่หมัด เหตุใดยามหนีเอาตัวรอดแม้แต่วิชาเหาะเหินมุดดำดินก็ยังใช้ไม่เป็นเล่า
ปีศาจจิ้งจอกเจ้าเล่ห์กลับกลอก เขาสงสัยว่านางกำลังมีแผนการร้ายอย่างอื่นอยู่
เหยาเหนียงเดินตามหลังเขา สมองของนางครุ่นคิดทำงานไม่หยุด จะให้นางยอมศิโรราบโดยละม่อมย่อมเป็นไปไม่ได้แน่นอน กลางวันแสกๆ อย่างนี้นางไม่เชื่อว่าเขาจะกล้าทำอันใดนาง
ในขณะที่กำลังร้อนรนกระวนกระวายอยู่นั้น สายตาของนางก็พลันลุกวาว ดูสิ คนที่อยู่ตรงปากตรอกสองคนนั้นคือเจ้าหน้าที่ทางการที่กำลังเดินตรวจตราผ่านมามิใช่หรือ สวรรค์ย่อมไม่ปล่อยให้คนอับจนหนทางจริงๆ ด้วย!
จะปล่อยโอกาสให้หลุดมือไปมิได้ ดังนั้นนางจึงตัดสินใจลงมืออย่างฉับพลันทันใด
“ช่วยด้วย…”