ในตอนแรกเขาได้กลิ่นปีศาจจิ้งจอกเก้าหางมาจากบนร่างของเหยาเหนียง ที่เขากักบริเวณนางไว้ในเรือนเล็กแห่งนี้ จุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือใช้นางเป็นเหยื่อหลอกล่อให้ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางมาติดกับ ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นอย่างที่เขาคาดการณ์เอาไว้จริงๆ นางปีศาจตนนี้กับปีศาจจิ้งจอกเก้าหางมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น ในที่สุดเขาก็จับปลาใหญ่ตัวนี้ได้เสียที
เขาผูกน้ำเต้าเอาไว้กับเอว จากนั้นหันกลับมา ทว่ากลับพลันผงะอึ้งไป
นางปีศาจหายไปแล้ว?
เขายิ้มเย็นชา ไม่ร้อนรนใจแม้แต่กระผีกริ้น ในเมื่อปลาใหญ่ติดแหแล้ว ปลาเล็กปลาน้อยที่หลุดรอดไปก็คงหนีไปไหนได้ไม่ไกล
พอจับปีศาจจิ้งจอกได้สำเร็จดั่งปรารถนา เขาก็อารมณ์ดีอย่างสุดแสน เขาเดินออกมานอกเรือนเล็ก ระหว่างทางที่เดินกลับไปยังห้องโถงหลักนั้น เขาก็คิดวางแผนในใจว่าในเมื่อจับปีศาจร้ายอย่างปีศาจจิ้งจอกเก้าหางได้ ก็ต้องป่าวประกาศให้ผู้คนรู้กันทั่วเสียหน่อย ฐานะของสำนักจี้อวิ๋นจะได้ยกระดับขึ้นอีกขั้นหนึ่ง
พอมีชื่อเสียงบารมีแล้ว เงินค่าธูปค่าน้ำมันตะเกียงก็จะเยอะขึ้นด้วย เงินที่จะเอาไว้ตัดชุดนักพรตตัวใหม่กับทำรองเท้าคู่ใหม่ก็มิต้องกังวลแล้ว เจ้าเด็กบ้าพวกนั้นมีอันต้องทำชุดนักพรตขาดได้ไม่เว้นแต่ละวัน นึกถึงตอนที่เขาออกจับปีศาจเมื่อปีนั้น มีแต่เขาที่ทำเสื้อผ้าอาภรณ์ของพวกปีศาจขาดแหว่ง หาใช่พวกปีศาจทำชุดนักพรตของเขาขาดวิ่นไม่
จิ้นเสวียนจับปีศาจจิ้งจอกเก้าหางได้แล้ว จึงอารมณ์ดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง รอยโค้งตรงมุมปากยกขึ้นสูงทั้งสองด้าน ทันใดนั้นเขาก็เห็นลูกศิษย์จำนวนหนึ่งกระโดดโผทะยานไปตามชายคาเรือนหลังต่างๆ อย่างคล่องแคล่วปราดเปรียว ท่าทางรีบร้อนลนลานราวกับมีปีศาจตามไล่ล่าอยู่ด้านหลังก็มิปาน มุมปากที่เพิ่งจะยกโค้งยามนี้กลับลดลงมาอีกครา
พอลูกศิษย์เหล่านั้นเห็นผู้เป็นอาจารย์ คนที่นำอยู่หน้าสุดก็รีบหยุดฝีเท้าลงอย่างกะทันหันจนถูกคนที่ตามหลังมากระแทกเข้าใส่ ทันใดนั้นขบวนทัพจึงพลันแตกกระเจิง แม้แต่ยืนก็ยืนไม่มั่น
“อาจารย์…”
“ฮึ! เป็นถึงศิษย์สำนักใหญ่โต แต่กลับทำท่าทางแตกตื่นร้อนรนเช่นนี้ มันใช้ได้ที่ไหนกัน”
ความน่ายำเกรงของอาจารย์ผู้เป็นเจ้าสำนักเป็นที่กริ่งเกรงของเหล่าลูกศิษย์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร พอถูกตวาดเอ็ดเช่นนี้ แต่ละคนจึงรีบร้อนลุกยืนให้เรียบร้อย ก่อนจะหดคอกล่าวขออภัยในความผิด
จิ้นเสวียนคิดในใจว่ากลับไปจะต้องฝึกฝนช่วงขาของพวกเขาให้หนักมากขึ้น ดูฝีเท้าอันสับสนวุ่นวายของพวกเขาสิ ถ้าหากเจอกับไอปีศาจอันแข็งแกร่งรุนแรงเข้า ไหนเลยจะยืนมั่นได้ เกรงว่าแต่ละคนคงถูกไอปีศาจสยบจนลุกไม่ขึ้นเลยกระมัง
“ช่างเถิด เห็นแก่ที่พวกเจ้ากระทำความผิดเป็นครั้งแรก คราวนี้ก็แล้วกันไป จำเอาไว้ ในฐานะลูกศิษย์ของสำนักจี้อวิ๋น จะต้องมีบุคลิกสุขุมเยือกเย็น ไม่ว่าจะพบเจอเรื่องร้ายแรงใหญ่หลวงอันใดก็ต้องข่มกลั้นอารมณ์ให้อยู่ อย่าให้ลนลานจนเสียเรื่องเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่”
“คำสอนสั่งของอาจารย์ ศิษย์เข้าใจแล้วขอรับ!” ทุกคนขานรับอย่างพร้อมเพรียงกัน
จิ้นเสวียนพยักหน้าด้วยความพออกพอใจแล้วจึงเอ่ยถามว่า “ว่ามาซิ พวกเจ้ารีบร้อนเพราะเหตุใด เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
เดิมทีพวกลูกศิษย์ร้อนรนใจอย่างเหลือแสน ทว่าคราวนี้กลับไม่รีบร้อนแล้ว ลูกศิษย์คนหนึ่งซึ่งยืนเรียงอยู่แถวหน้าเอ่ยตอบขึ้น
“เรียนอาจารย์ คืออย่างนี้ขอรับ ปกติอาจารย์กำชับนักกำชับหนาว่าห้องลับที่อยู่หลังห้องโถงหลักเป็นสถานที่ต้องห้าม ห้ามมิให้ใครเข้าไปเด็ดขาด แต่ว่าพวกเราเห็นอาจารย์หญิงเข้าไปในนั้น ก็เลย…”
“อะไรนะ!” จิ้นเสวียนหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง “พวกเจ้าบอกว่าใครนะ ใครเข้าไปในสถานที่ต้องห้าม”
ครั้นเห็นสีหน้าคล้ำเขียวของอาจารย์ หัวใจของลูกศิษย์ทุกคนก็สะดุดกึก
“อาจารย์หญิงขอรับ…”
สิ้นคำปุ๊บก็เห็นอาจารย์โฉบวูบผ่านไปแล้ว เมื่อหันกลับไปดูก็เห็นเพียงชุดคลุมที่ปลิวสะบัดกลางอากาศกำลังทะยานขึ้นไปบนหลังคา เหาะเหินอย่างรวดเร็วว่องไว กระโดดไปมาตามแผ่นกระเบื้องบนหลังคาราวกับกำลังโบยบิน ไม่นานนักก็หดเล็กลงจนกลายเป็นจุดดำๆ เร็วจี๋ราวกับไฟไหม้บ้านอย่างไรอย่างนั้น
…ในห้องลับมีสิ่งใดน่ะหรือ
ห้องลับในสำนักทั่วไปส่วนมากล้วนเอาไว้เก็บสะสมสิ่งล้ำค่า ตำรับตำรา และเคล็ดวิชาลับ ส่วนในห้องลับของสำนักจี้อวิ๋นมีสิ่งใดน่ะหรือ
มีตั๋วเงินที่จิ้นเสวียนอดออมเก็บเล็กผสมน้อยมาตลอดระยะเวลาหลายปีนี้อย่างไรเล่า!