รูปคิ้วของเขายาวเรียวชี้ไปทางจอนผม ดวงตายาวทว่าไม่แคบ จมูกสูงโด่งที่ให้ความรู้สึกว่าเค้าโครงเด่นชัด ใต้มุมซ้ายของแนวกรามคมสันยังมีไฝเม็ดเล็กกระจุ๋มกระจิ๋มยิ่งเม็ดหนึ่ง ทว่าพาให้ความกระจุ๋มกระจิ๋มนั้นพลันเปลี่ยนไป…เปลี่ยนไปเป็นไม่กระจุ๋มกระจิ๋มถึงเพียงนั้น ราวกับเป็นการขับเน้นความงามเย้ายวนใจออกมา
นางเปลืองแรงเล็กน้อยจึงจะถอนสายตาที่จับจ้องเขาอยู่ได้ ก่อนค้นพบว่าทั้งสองคนอยู่ตามลำพังในห้องลับห้องหนึ่ง ผนังรอบสี่ด้านไม่มีหน้าต่างไม่มีประตูไม่มีรูโหว่ แสงนวลตาสีฟ้าจางสว่างใสนั้นมาจากก้อนหินหลินสือ ประหลาดที่ตั้งอยู่ตรงมุมผนังทั้งสี่ด้าน
หินประหลาดเหล่านั้นทอแสงเรื่อเรืองออกมา ในสถานที่เกือบมืดสนิทประกายแสงยิ่งสว่างจ้าขึ้นหลายเท่า นางเคยเห็นมาก่อนในถ้ำลึกบนยอดภูเขาหินนอกด่านทางตะวันตก แต่ไม่เคยคิดว่าในจงหยวน จะมีคนใช้พวกมันส่องสว่าง
ไม่พูดมิได้ว่าความคิดนี้ดีจริงๆ เพียงแต่…ห้องลับนี้ปรากฏขึ้นเพราะเหตุใด แล้วนางเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร
ข้อสงสัยผุดขึ้นข้อแล้วข้อเล่า ลมหายใจนางสับสน ลูกตากลอกไปมาไม่หยุด ทันใดก็ปราดเห็นแขนสองข้างที่กางออกเป็นรูปอักษร ‘ต้า’ มือขวาของเขาถือสิ่งของชิ้นเล็กๆ เหมือนก้อนหินสีดำสนิท มือซ้ายคีบเข็มโลหะยาวสามชุ่นไว้ระหว่างนิ้ว ปลายเข็มเปื้อนเลือด ทอประกายหม่นอันน่าพิศวง
นั่นเป็นเข็มโลหะพิษที่เพิ่งถอนออกมาจากกระดูกสะบักของนางเมื่อครู่
แผ่นหลังนางเจ็บมากเหมือนไฟร้อนแรงกำลังเผาไหม้ สติรับรู้ของนางเพิ่งแจ่มชัดไม่นาน เวลานี้จึงรู้สึกทรมานเป็นพิเศษ
หน้าผากมนของนางเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อละเอียด ชายหน้าผากกระตุกไหวอยู่ลึกๆ ได้ยินบุรุษใต้ร่างส่งเสียงอ่อนโยน กึ่งขอร้องกึ่งวิงวอน…
“ให้ข้าช่วยเจ้าดีหรือไม่ ข้าสาบาน จะเบามืออย่างที่สุด ระมัดระวังอย่างที่สุด พยายามไม่ทำให้เจ้าเจ็บเท่าที่เป็นไปได้ ดีหรือไม่” กล่าวจบเขาก็ทอดถอนใจอย่างสงสารคราหนึ่ง “ยืดเวลาออกไปเช่นนี้จะยิ่งย่ำแย่เท่านั้น ข้าไม่อยากให้เจ้าทนรับความทุกข์ที่สาหัสกว่านี้ ช่วยคนต้องช่วยถึงที่สุด เจ้าส่งเสริมข้าเถิดนะ ได้หรือไม่”
นางพูดไม่ออก ประการแรกคือรีบกลั้นความเจ็บ ประการที่สองคือรู้สึกว่าการวอนขออย่างจริงใจของเขาช่าง…ช่างชวนให้หมดคำพูด
เป็นคนแปลกอย่างที่คิดจริงๆ แปลกยิ่งนัก…
นางคิดอย่างพร่าเลือนพร้อมคลายน้ำหนักมือโดยพลัน เมื่อปล่อยการบีบรัดที่ลำคอเขาออก ทั้งร่างก็ผ่อนคลายลงตาม
คล้ายกับโดนถอดกระดูกสันหลังไปในเวลาสั้นๆ ร่างกายที่ยากประคองต่อล้มคว่ำไปด้านหน้า กดทับบนร่างเขา
“ข้า…ข้าร่างกายเปลือยเปล่า…ไม่ ไม่ได้สวมเสื้อผ้า…” รอยย่นของลายผ้าปักบนชุดคลุมยาวของเขาครูดผิวนางเบาๆ นางจึงค่อยสังเกตถึงสภาพร่างกายตนเองได้
ฉินชิวพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน “อืม ไม่ได้สวมเสื้อผ้า ทว่าชิ้นด้านล่างยังอยู่ แผลบนหลังแม่นางเริ่มจากไหล่ซ้ายลงไปมีเจ็ดแห่ง หากต้องการถอด ‘เจ็ดดาราระดมยิง’ นี้ มิอาจไม่ถอดอาภรณ์ออก ขอแม่นางโปรดอย่ากล่าวโทษ” เขาหยุดชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยเสริมอีกว่า “เคราะห์ดีที่ผมยาวของแม่นางหนามาก เมื่อครู่ตอนที่นั่งคร่อมบนร่างข้า ผมยาวที่สยายตรงหน้าอกปกปิดส่วนที่ควรปิดอย่างมิดชิด ไม่มีสิ่งใดโผล่มาให้เห็น”
คำพูดที่เขาเสริมพาให้หน้าผากนางเต้นกระตุก ฟังความนัยลึกๆ ไม่ออกอยู่บ้าง
ชั่วขณะนี้เขามองเห็นร่างนี้จนหมดหรือไม่ สำหรับคนที่คมมีดอาบเลือด ฆ่าคนเป็นอาชีพนานปีเช่นนาง ไม่นับเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร นางก็แค่ไม่ยินดีอย่างที่สุดที่จะดูอ่อนแอไร้กำลังถึงเพียงนี้ต่อหน้าคนนอกเท่านั้น
นางลอบกัดฟันพยายามขยับออกจากแผงอกเขา ร่างกายที่ขดตัวในขณะที่อดทนต่อความเจ็บปวดถูกห่อด้วยผ้าผืนบางที่เขาดึงมาจากที่ใดก็สุดจะรู้ ให้นางหมอบคว่ำลงกับเตียงใหม่อีกครั้ง