เขากล่าวต่อว่า “หลังแม่นางถูกปักด้วยเข็มโลหะอาบยาพิษเจ็ดเล่ม เข็มโลหะทั้งหมดจมหายไปในเนื้อ ทำให้บนผิวแผ่นหลังแม่นางมีเพียงบาดแผลเป็นจุดแดงขนาดเล็กยิ่งยวด ต้องการดึงอาวุธออกมาไม่ง่ายดายอย่างมาก ดีที่ประจวบเหมาะข้ามีหินแม่เหล็กก้อนหนึ่ง มีมัน ใช้ดึงปลายเข็มโลหะออกมานอกผิวจากนั้นค่อยดึงออกนับเป็นเรื่องง่ายดายขึ้นอักโข ไม่ต้องกรีดผิวควักเนื้อ ซ้ำยังสามารถยับยั้งการแพร่กระจายพิษ เพียงแต่กระบวนการถอนเข็มจะเจ็บทรมานเป็นพิเศษ บัดนี้เพิ่งถอนเข็มแรกออกมาได้ ยังต้องขอแม่นางกัดฟันอดทน…อดทนอีกหน่อย ได้หรือไม่”
นางได้ยินเขาถามเสียงต่ำ ก่อนจะรู้สึกว่ามีฝ่ามือใหญ่วางบนกระหม่อมตนเอง ลูบกลับไปกลับมาอย่างช้าๆ…ชั่วขณะที่ใจลอย รู้สึกว่าตนเองราวกับกลายเป็นสุนัขตัวโต ขดตัวข้างเจ้านายเรียกหาความเอ็นดูอย่างไรอย่างนั้น
อ่อนแอเกินไป อ่อนแอเกินไปแล้ว…
นางพยายามมองข้ามความร้อนที่ส่งมาจากฝ่ามือและความอ่อนโยนของน้ำหนักมือเขา ไอต่ำๆ ระลอกหนึ่ง ส่งเสียงออกมาจากไรฟันอย่างไม่ยอมแพ้…
“หินแม่เหล็ก…หาได้ยากในจงหยวน ราคาแพงลิ่ว ใต้เท้า…ใต้เท้าร่ำรวยเสียเหลือเกิน ถึงนำออกมาแสดงต่อหน้าผู้อื่นอย่างส่งเดชเช่นนี้ได้”
เขายังคงยิ้มละไม “วาจานี้ของแม่นางคลาดเคลื่อนแล้ว ข้ามิได้ร่ำรวย แต่เป็นแขกผู้มีพระคุณที่มีมากมายนัก พูดกันตรงๆ ‘คุณชายฉินชิว’ ในสำนักชายบำเรอนี้ก็แขวนป้ายดาวเด่นอันดับหนึ่ง ขุนนางชนสูงศักดิ์ พ่อค้าใหญ่คหบดีร่ำรวยที่ติดตามชมชอบข้ามีไม่น้อยอย่างแท้จริง ข้าปรนนิบัติพวกเขาอย่างดี จะร้องขอหินแม่เหล็กจากมือพวกเขามาเล่น มีอันใดยาก ขณะที่ของนี้ได้ใช้ประโยชน์ยิ่งใหญ่ในวันนี้ ก็นับว่าเจ้ากับข้ามีวาสนาต่อกัน”
…มีวาสนาหรือ
นางหายใจเข้าออกยาวนานขึ้นปรับจิตใจให้สงบ ทบทวนคำพูดเขา คิดว่าตนเองได้รับบาดเจ็บหนีออกจากจวนจงหย่งกง ก่อนลมหายใจกำลังแรงจะหมดสิ้นได้หนีเข้ามาในสถานที่ฟุ้งเฟ้อเริงโลกีย์แห่งนี้
นางรู้ว่าบนตัวแปดเปื้อนกลิ่นพิเศษ และคาดเดาได้ว่ากลุ่มของครูฝึกกับเหล่าองครักษ์ของจวนจงหย่งกงช้าเร็วก็ต้องไล่ตามมา นางซ่อนตัวเข้าไปกลางดงดอกไม้ต้นไม้และพุ่มจื่อเถิงห้อยย้อยดุจน้ำตกซึ่งมีกลิ่นหอมเข้มข้น เพียงเพื่อช่วงชิงเวลาระยะหนึ่งเดินลมปราณขับพิษ นึกไม่ถึงพลันปรากฏบันไดหินลึกลับ นางล้มลงบนขั้นบันได หูจับเสียงครวญครางและเสียงคำรามต่ำที่เปล่งออกมายามเหล่าบุรุษด้านในหอร่วมอภิรมย์ได้…
นางหมดหนทางถอย จำต้องยอมสดับฟัง ผ่านไปเท่าไรก็สุดจะรู้ จวบจนเขาค้อมกายลงแทรกตัวผ่านพุ่มดอกไม้เดินขึ้นบันไดมา นี่ถึงได้บีบให้นางหนีจนหมดหนทางหนี จำต้องลงมือจับตัวเขาข่มขู่
ยามนี้เองนางก็สัมผัสได้ว่าเขาเลิกผมนางออก กำลังพยายามใช้หินแม่เหล็กดึงปลายเข็มเล่มที่สอง
นางนึกอะไรได้ก็ถามออกไปตามนั้น คิดเบี่ยงเบนความเจ็บปวดเสียดกระดูกด้วยสัญชาตญาณ “เช่นนั้นห้องลับนี้เล่า ก็เป็นสถานที่ที่ท่านใช้ปรนนิบัติแขกหรือไร”
ขบกรามแน่นทันใด นางสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย เนื่องจากชั่วอึดใจที่เขาถอนเข็มโดยพลันหลังจากเขาดึงปลายเข็มขึ้นมาได้นั้น ช่างเคี่ยวกรำคนยิ่งยวด
ฉินชิวพรูลมหายใจเฮือกหนึ่ง ยามนี้จึงค่อยเอ่ยตอบอย่างไม่อินังขังขอบ…
“นั่นก็ดูว่าแขกผู้นั้นเป็นใคร ข้าปกติจะเชิญแขกสนิทไปยังห้องรับรองชั้นล่างของหอซือเฟย ชั้นสองนี้ยังไม่เคยรับรองใครมาก่อน ส่วนในห้องลับนี่ วันนี้ข้าเพียงต้องการปรนนิบัติแม่นางอย่างดีเท่านั้น”
นางเอียงหน้าเหลียวมอง ประสานสายตากับเขาพอดี ฝ่ายหลังหยักมุมปากน้อยๆ ก่อนหยิบหินแม่เหล็กจัดการกับบาดแผลของนางต่อ
“เหตุใดจึงช่วยข้า” นางถามเสียงแหบแห้ง เหงื่อเม็ดเล็กกระจายทั่วหน้าผาก สองตาแน่วนิ่งไม่แม้แต่กะพริบ
เขาไม่ตอบทว่าย้อนถาม “แม่นางมีบัญชีหนี้เลือดกับคุณชายใหญ่จวนจงหย่งกง?”
นางพยายามจะคุมการเดินลมปราณภายในร่าง จนใจที่ลงแรงมากแต่ได้ผลน้อย ค่อยกัดฟันและเอ่ยตอบ “ไม่มี…”
“ไม่มีความแค้นต่อกันรึ เช่นนั้น ไม่ทราบแม่นางสังหารคนเป็นอาชีพ?”
“…หากใช่แล้วจะทำไม”