“ข้าแซ่อู ‘อู’ ที่มาจากคำว่า ‘หูดำ’ …”
ฉินชิวกระจ่างแจ้งทันใดว่านางหมายถึงอักษรตัวใด เพียงแต่เมื่อนางที่มีท่วงทีเย็นชา คิ้วตาลุ่มลึกเอ่ยประโยคเช่นนี้ออกมา กลับมีความน่ารักใสซื่อที่อธิบายไม่ได้ พาให้เขาต้องเปลืองแรงยกหนึ่งจึงข่มรอยยิ้มลงได้ และฟังนางกล่าวต่อด้วยท่าทีจริงจัง…
“อูลั่วซิง” นางเว้นวรรค “ข้าใช้แซ่ตามอาจารย์…ตอนอาจารย์เก็บข้าได้ ราตรีนั้นประจวบเหมาะเห็นดาวตกโปรยปรายทั่วท้องฟ้า ดังนั้นจึงตั้งชื่อนี้ให้ข้า”
ฉินชิวเอ่ยถาม “เจ้าเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่ยังเล็ก?”
“อืม…” นางพยักดวงหน้างามที่คว่ำบนหมอนเล็กน้อย
“บังเอิญนัก ข้าก็เช่นกัน” เขาหยักมุมปากน้อยๆ ยิ้มให้นางอีกคราพลางเอื้อมมือไปลูบกระหม่อมนางแผ่วเบา “พ่อแม่ด่วนจากไปเร็ว ทุกเรื่องล้วนต้องพึ่งพาตนเอง ที่แท้หนอที่แท้ พวกเราไม่เพียงเป็นผู้ประสบชะตากรรมรันทดดุจเดียวกัน ยังหัวอกเดียวกันอีกด้วย”
อูลั่วซิงถูกเขาลูบจนมึนงงสับสนไปเล็กน้อย รู้สึกว่าอาจเป็นเพราะพิษยังไม่สลายหมด จากนั้นก็…ก็รู้สึกประหลาดใจอย่างอธิบายไม่ได้
นางกลับตระหนักได้อย่างประหลาดใจว่าตนเองเปลือยเปล่า ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายเป็นบุรุษวัยเจริญพันธุ์ และต่อให้นางฆ่าคนเป็นผักปลา ฝีมือโหดเหี้ยมอำมหิต ท้ายที่สุด…ท้ายที่สุดยังคงเป็นสตรีที่จริงแท้แน่นอนผู้หนึ่ง
อุณหภูมิร่างกายนางสูงขึ้น แผ่นหลังเปล่าเปลือยกลับขนลุกซู่ขึ้นลึกๆ ราวกับต้องอากาศหนาว…ประเดี๋ยวร้อนประเดี๋ยวเย็น นางอดหดลำคอและแผ่นหลังไม่ได้ ใบหน้าครึ่งหนึ่งฝังจมลงในหมอนนุ่ม
“อู-ลั่ว-ซิง” เขาพินิจทีละคำ ค้อมศีรษะเอ่ย “ชื่อนี้ได้อารมณ์แห่งกวีอย่างยิ่ง ไพเราะมาก”
นางทำเสียงฮึดฮัดแผ่วเบาแทบไม่ได้ยินคราหนึ่ง มิได้มองเขา
ความกระดากอายที่เกิดขึ้นกะทันหันราวกับส่งผลกระทบต่อเขา ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติกระแสหนึ่งเช่นกัน
ตอนที่น้ำเสียงชวนฟังของฉินชิวดังก้องในห้อง แฝงด้วยความแหบพร่าเล็กน้อยและความลุ่มลึกอีกนิดหน่อย ประดุจปลายนิ้วพรมลงบนเส้นสายทั้งเจ็ดของพิณโบราณครั้งแล้วครั้งเล่า ในเสียงซ้อนเสียง ดังก้องเข้าไปในจิตใจคน…
“บนหลังแม่นางอูยังเหลือเข็มโลหะเล่มหนึ่งที่ยังมิได้ถอนออก เข็มนี้อยู่ด้านล่างสุด แทงจมเข้าไปในปลายสุดของกระดูกสันหลังของเจ้า” ขณะกล่าว มือของเขาก็ลูบไปตรงๆ และกดตำแหน่งนั้นเบาๆ
อูลั่วซิงต้องสิ้นเปลืองแรงมหาศาลดุจแรงของวัวเก้าตัวและเสือสองตัวอย่างแท้จริงถึงได้ไม่ตกใจกระโดดโหยงขึ้นมา
‘เจ็ดดาราระดมยิง’ ที่จวนจงหย่งกงออกแบบขึ้นมานั้น เข็มสุดท้ายจะปักลงบนจุดเยาซู ซึ่งอยู่ปลายกระดูกสันหลังเหนือร่องแก้มก้น นอกจากบาดแผลจะอยู่ในตำแหน่งกระอักกระอ่วนมาก ยังเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงสำหรับการโคจรลมปราณของนาง ยามนี้เขาลูบราวไม่ตั้งใจ ความเจ็บปวดหนึบชาผสมผสานกัน พลันรู้สึกว่ารูขุมขนทั่วร่างเปิดออกฉับพลัน ขนอ่อนลุกซู่ ประสาทสัมผัสเฉียบไวสุดขีด
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ต้องดึงออกสถานเดียว!
“เข็มโลหะแทงทะลุกระดูก จะดึงปลายเข็มออกมาได้ต้องค่อยๆ จัดการ แม่นางอูอดทนอีกหน่อยนะ”