เขาปลอบขวัญไม่หยุด นิ้วมืออุ่นที่วางบนด้านหลังเอวและบั้นท้ายติดจะเย็นเล็กน้อย ก่อนจะลงแรงหนักขึ้นมาก ราวกับต้องการสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับเข็มโลหะเล่มนั้น เขาทำทุกวิถีทาง ทุ่มเทกำลังแรงทั้งหมด…
เจ็บ!
เจ็บจน…ดียิ่ง ชั่วสติพร่าเลือนอูลั่วซิงยินดีต้อนรับความเจ็บปวดเช่นนี้ มันช่วยให้นางมองข้ามแรงจากนิ้วมือเขารวมไปถึงการสัมผัสที่แนบชิดเกินไป
นางไม่คุ้นกับการใกล้ชิดผู้คนเพียงนี้ ไม่คุ้นเคยกับความอ่อนแอ แต่คุณชายฉินชิวแปลกพิลึกยิ่งนัก ดูเหมือนมองข้ามท่าทีเย็นชาดุจน้ำค้างแข็งของนางโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงหยักยิ้มให้นางยังชวนนางพูดคุยเรื่อยเปื่อย กระตุ้นให้นางจิตใจว้าวุ่นและเอ่ยวาจามากเกินไป
“แม่นางอู ข้าเกรงจะเสียมารยาทแล้ว โปรดอภัยด้วย”
“อะไรนะ ท่าน…” เมื่อสดับคำเขา นางเหลียวหน้าไปมองอีกครั้ง เห็นเขาประทับฝ่ามือบนบั้นเอวนาง นิ้วโป้งสองข้างหนึ่งซ้ายหนึ่งขวากดบนปลายสุดของกระดูกสันหลังนาง
ใบหน้าเขาก้มลงหานาง จมูกกับริมฝีปากแนบสนิทไปบนผิวนาง นางกระทั่งสัมผัสได้ว่าใต้คางของเขากำลัง…จ่ออยู่เหนือร่องบั้นท้ายตนเอง!
นางตะลึงงันในทีแรก ตามด้วยคิดจะเหวี่ยงเขาออกไปด้วยสัญชาตญาณ ชั่วขณะที่แขนยกขึ้นครึ่งทาง จุดเยาซูพลันปวดแสบอ่อนยวบ ความรู้สึกปวดจี๊ดชาหนึบที่ปะทุขึ้นไหลบ่าไปทั่วแขนขาทั้งสี่และอวัยวะทั่วร่างดุจน้ำหลาก
นางพลันขบกรามแน่น ในปากมีกลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจาย เบิกตามองเขายืดร่างท่อนบนขึ้นพลางหอบหายใจไม่หยุด ในปากคาบเข็มโลหะยาวสามชุ่นเอาไว้ และนั่นก็คือเข็มเล่มที่เจ็ด เป็นเล่มสุดท้ายบนแผ่นหลังนาง
เขาเบือนหน้าถุยเข็มโลหะลงบนถาดที่วางอยู่ด้านข้าง
ตอนที่หันมามองนางใหม่อีกครั้ง รอยแดงที่โหนกแก้มเขาเข้มขึ้น พร้อมกระแอมให้คอโล่งก่อนชี้แจง “เข็มเล่มสุดท้ายนี้ฝังติดแน่นมาก ทั้งที่ดึงปลายเข็มออกมาได้แล้ว แต่พอปล่อยมือนิดเดียวก็จมหายไปในเนื้ออีก เช่นนี้จึงมิอาจไม่ใช้ปากและฟันแทนนิ้วมือ คาบมันออกมา ส่วนที่เสียมารยาทต้องขอแม่นางอูโปรดอภัยด้วย”
อูลั่วซิงเห็นเขาเหงื่อท่วมศีรษะ กระทั่งจุดเหรินจงที่อยู่ใต้จมูกยังเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้น ใจจึงอ่อนยวบในบัดดล
“…ขอบใจมาก” นางปกปิดความรู้สึกเอาไว้พลางจับผ้าผืนบางตะกายลุกขึ้นนั่ง
ยามนั้นเองเสื้อบางของบุรุษที่ส่งกลิ่นจันทน์หอมจางๆ ตัวหนึ่งคลุมลงบนไหล่นางทันที ห่อหุ้มร่างเปลือยเปล่าของนางอย่างนุ่มนวล เสียงแฝงความกังวลของบุรุษดังขึ้นเหนือศีรษะนาง…
“ให้ความอบอุ่นสักหน่อย อย่าเพิ่งรีบลุก เข็มโลหะเจ็ดเล่มนั้นอาบยาพิษทั้งหมด ต่อให้ถอนเข็มออกมาหมด พิษมากน้อยก็ได้แทรกซึมเข้าไปในเลือดเนื้อแล้ว ข้ามีน้ำแกงแก้พิษเตรียมไว้เรียบร้อย เป็นเทียบยาแก้พิษที่บรรดาหมอในโรงแพทย์จ่ายเป็นประจำ อาจไม่สามารถต่อกรกับพิษในร่างกายแม่นางอูได้ทั้งหมด แต่ยังสามารถบรรเทาไปได้ส่วนหนึ่ง น้ำแกงอยู่ด้านนอก ข้าจะไปยกมา”
ความรู้สึกผิดแผกบางอย่างแผ่ซ่านในใจ อูลั่วซิงไม่ทันเอ่ยวาจาก็เห็นฉินชิวลุกจากเตียงนุ่มไปทันที สองมือแนบราบไปกับผนังแล้วออกแรงผลัก
ทันทีที่เขาผลักเปิดประตูแคบบานหนึ่งออก แสงสว่างก็ส่องลอดเข้ามา
ด้านนอก ไฟจากถ่านในเตาเล็กที่ทำจากโคลนแดงยังหลงเหลือความร้อน ทำให้น้ำแกงยาสมุนไพรในหม้อดินเผายังคงความร้อนระอุไว้ได้ ฉินชิวยกน้ำแกงเทลงในโถเครื่องเคลือบสีขาวอย่างระวัง
ขณะที่เขากำลังจะยกเข้ามาในห้องลับด้านใน อูลั่วซิงก็ห่อร่างด้วยชุดคลุมยาวของบุรุษ พลางใช้มือยันผนังและย่างเท้าเดินตามหลังเขาออกมาจากประตูลับนั้นแล้ว
หอซือเฟยเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขา เมื่อเห็นนางเผยตัว ฉินชิวก็มิได้กังวลว่านางจะถูกผู้อื่นพบเห็น เพียงเอ่ยทักทายนางด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“นั่งตามสบายเถิด รกสักหน่อย ขอแม่นางอูทนฝืนไปก่อน”