ยามนี้ด้านนอกเป็นเวลาเที่ยงพอดี แสงแห่งฤดูใบไม้ผลิสว่างจ้าอบอุ่น ลำแสงอบอุ่นมากมายเล็ดลอดผ่านกระดาษกรุหน้าต่างกับหน้าต่างผุพังสองสามบานส่องเข้ามาอย่างเหิมเกริม แสดงทิวทัศน์บนหอนี้ออกมาอย่างแจ่มชัด
ดวงตาของอูลั่วซิงกวาดมองอย่างฉับไว ม่านตานางหรี่ลง สิ่งที่เห็นในคลองจักษุเบื้องหน้าแค่ ‘รกสักหน่อย’ ที่ใดกัน
นี่มันถูกทำลายย่อยยับ เละเทะไม่เหลือชิ้นดี อเนจอนาถเกินทนดูชัดๆ!
ม่านโปร่งสีฟ้าดุจสายน้ำที่ควรแขวนอยู่บนเพดานเป็นช่อๆ ร่วงอยู่บนพื้นทั้งหมด บนผ้ามีรอยรองเท้าเหยียบย่ำนับไม่ถ้วน ชั้นวางของสองชั้นที่ฝังอยู่ในผนังแทบจะว่างเปล่าไม่เหลืออะไร ของประดับสวยงามไม่เอียงกระเท่เร่ก็ตกแตกกับพื้น บางทีอาจมีอีกไม่น้อยที่โดนฉกฉวยติดมือไปต่อหน้าต่อตาอย่างไม่เกรงกลัวใคร
ฉากบังลมที่ใช้กั้นโถงหน้าขนาดเล็กกับห้องด้านใน เป็นภาพปักสองด้านรูปทะเลเมฆงามประณีต ใจกลางรูปโดนกรีดขาด ฐานรองทำจากไม้แกะสลักขึ้นรูปคล้ายถูกมีดเล่มเขื่องฟันเล่น ทำลายผลงานที่ช่างปักผ้าและช่างแกะสลักทุ่มเทด้วยเลือดเนื้อและจิตใจเสียหมดสิ้น
โต๊ะเก้าอี้เป็นชุดล้มระเนระนาด หีบสองสามใบเอียงล้ม เสื้อผ้าด้านในกระจายทั่วพื้น
สถานที่ยุ่งเหยิงปานนี้ มีของสิ่งเดียวที่ได้รับการจัดเก็บ…
อูลั่วซิงหลุบตาเพ่งมองพิณห้าคันบนพื้นไม้ที่ตั้งวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ ตามขนาดใหญ่เล็กของพิณมีพิณเจ็ดสายสามคัน พิณสิบสองสายหนึ่งคัน และพิณสิบหกสายอีกหนึ่งคัน ทว่า…ต่อให้จัดวางอย่างเป็นระเบียบเพียงไรก็เสียแรงเปล่า ตัวพิณแตกร้าว สายพิณโดนตัดขาด กลายเป็นของไร้ค่าทั้งสิ้น
กระนั้นถึงใช้การไม่ได้แล้ว แต่ผู้เป็นนายยังคงเก็บส่วนที่แตกละเอียดอย่างดีทั้งหมด
เสียงพิณแม้กังวานนุ่มนวล แต่ความนัยผู้ใดเล่าจะได้ยิน ในพิณมีจิตวิญญาณ จิตวิญญาณแห่งพิณเก็บรวมอยู่ในใจ พิณที่พังเสียหายได้รับการจัดวางอย่างเคารพดั่งไว้อาลัย พอให้มองเห็นว่าผู้เป็นเจ้าของพิณล้วนปฏิบัติต่อพิณทุกคันอย่างทุ่มเทด้วยชีวิตจิตใจวิญญาณ
แผ่นหลังของนางแนบติดผนัง ทรุดกายลงนั่งอย่างช้าๆ
“แม่นางอูมาสิ กินตอนยังร้อน” ฉินชิวอุ้มน้ำแกงแก้พิษหนึ่งโถนั่งลงกับพื้นเคียงข้างนาง ใช้ช้อนเล็กตักน้ำสีดำสนิทหนึ่งช้อนจรดริมฝีปากนาง พลางเกลี้ยกล่อมเสียงนุ่ม “อ้าปากเถิด กินแล้วจะได้สบายขึ้นหน่อย”
ที่ของเขา สถานที่เงียบเล็กที่เป็นของเขาเพียงผู้เดียวในที่ซึ่งท่วมท้นด้วยราคะตัณหา ฟุ้งเฟ้อฟอนเฟะแห่งนี้ เพราะนาง จึงถูกทำลายป่นปี้แทบไม่เหลือเค้าเดิม ทว่า…เขามิได้ยุ่งกับการเก็บข้าวของอย่างรีบร้อน กลับทุ่มเทแรงกายแรงใจมากมายมหาศาลมากับร่างนาง
เพราะต่างเป็นผู้ประสบชะตากรรมรันทดดุจเดียวกัน จึงทำดีกับนาง?
เพราะหัวอกเดียวกัน จึงปฏิบัติดีกับนางอย่างไร้ข้อผูกมัด?
อย่างนั้นหรือ ใช่อย่างนั้นจริงๆ หรือ
ความคิดของอูลั่วซิงสับสนอยู่บ้าง ความรู้สึกผิดแผกในใจปั่นป่วนม้วนวนครั้งแล้วครั้งเล่า นางมองเขาอย่างนิ่งอึ้ง อ้าปากอย่างทึ่มทื่อ ก่อนจะกินยาอุ่นร้อนที่เขาป้อนใส่ปากลงไปทีละคำๆ
เวลานี้เข็มโลหะของ ‘เจ็ดดาราระดมยิง’ ถูกถอนออกไปทั้งหมด แท้จริงอาศัยพลังวัตรของนางก็เพียงพอจะปรับลมหายใจโคจรลมปราณขับพิษออกด้วยตนเอง ไม่ต้องการน้ำแกงแก้พิษของเขาแม้แต่น้อย
แต่นางปฏิเสธไม่ได้ บางที…บางทีอาจไม่ต้องการปฏิเสธตั้งแต่ต้น
ความรู้สึกผิดแผกขุมนั้นแผ่ซ่านออกไปไม่หยุด ลูบขอบมุมในใจอันไร้รูปจนเรียบมน นางกลับบังเกิดความปรารถนา เกิดความชมชอบ…
การได้รับความสำคัญประหนึ่งวางไว้บนยอดดวงใจก็ไม่ปานจากบางคนเช่นนี้ เป็นสิ่งที่นางเฝ้าปรารถนาเหลือเกิน