ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ปีศาจเย้ารัก บทที่ 1-บทที่ 2
ฉินชิวเอ่ยต่อ “อีกทั้งที่พักของผู้น้อยไม่เคยถูกผู้ใดบุกรุกมาก่อน และข้าก็ไม่เคยถูกคนเอามีดจ่อคอมาก่อน ท่านช่างมอบประสบการณ์ครั้งแรกแก่ข้าในคืนนี้จำนวนไม่น้อยเลย”
“ผู้น้อยกับท่านอะไรกัน ข้าไม่ใช่แขกสตรีที่มาหาความสุข เล่นลูกไม้กับข้าให้น้อยลงหน่อยเถอะ” น้ำเสียงหญิงสาวยังเย็นชาไม่แปรเปลี่ยน “คืนนี้ขอยืมสถานที่ของใต้เท้าหลบซ่อนตัว ขอเพียง…คุณชายสงบเงียบไม่โวยวาย ข้าย่อมไม่ทำร้ายท่าน”
ฉินชิวพลันถอนใจแผ่วเบา
“ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่าคุณชาย เช่นนั้นข้าขอเรียกเจ้าว่าแม่นางแล้วกัน แม่นางกล้าปฏิบัติงานที่เมืองหลวงแคว้นเทียนเฉา แปดส่วนย่อมวรยุทธ์สูง ข้าผู้ไร้สามารถแม้ไม่ใช่คนในยุทธภพ แต่อย่างไรเสียก็ทำมาหาเลี้ยงตัวด้วยอาชีพระดับล่าง ได้ยินได้ฟังคำเล่าลือมาไม่น้อย สัมผัสพบปะผู้คนลักษณะต่างๆ นานามามาก และก็รู้ว่าแม่นางห้ามไม่ให้ข้าขยับไม่ให้ข้าร้อง แท้ที่จริงหากเปิดมาแล้วจี้สกัดจุดข้าเลย ก็ไม่จำเป็นต้องพูดมากความกับข้า แต่แม่นางมิได้กระทำเช่นนั้น…” เขาเงียบไปเล็กน้อยประหนึ่งกำลังครุ่นคิด ก่อนจะถอนใจอีกครา…
“ดังนั้นข้ามิอาจไม่คาดเดา ประการแรก เป็นไปได้ว่าฝีมือจี้จุดแม่นางอ่อนด้อย จึงได้เพียงใช้มีดจ่อคอข้า ประการที่สอง เป็นไปได้ว่าแม่นางบาดเจ็บสาหัส ลมปราณสับสนวุ่นวาย ได้ยินว่าการจี้จุดชีพจรต้องใช้ลมปราณเป็นแรงส่ง ลมปราณในร่างแม่นางเองยังปรับให้สมดุลไม่ได้ เช่นนี้จะออกแรงควบคุมผู้อื่นได้อย่างไร นอกจากนี้ดูจากเงาร่างคุดคู้เล็กน้อยและสั่นระริกของแม่นาง ข้าคิดว่า…น่าจะเป็นอย่างที่สอง ข้าวิเคราะห์ถูกต้องหรือไม่” กล่าวมาถึงตอนสุดท้าย เวลาเดียวกับที่เอ่ยถามแช่มช้าออกไปนั้น เขาหมุนตัวไปอย่างเชื่องช้ามากขณะที่มีดคมยังแนบติดผิวลำคอ
ในที่สุด…ก็เผชิญหน้ากับหญิงสาวตรงๆ
นางอยู่ห่างจากเขาแค่ระยะสองก้าว หากยืดหลังยืนตัวตรง กระหม่อมของนางประจวบเหมาะอยู่ใต้จมูกเขา ส่วนสูงเท่านี้ในหมู่สตรีนับได้ว่าสูง กระนั้นนางกลับมีดวงหน้าจิ้มลิ้มน่ารักเหมือนทารก
คิ้วเรียวงามหมดจด ดวงตาโตรูปเมล็ดซิ่ง ใต้สุดของสันจมูกสูงโด่งคือปลายจมูกกลมมน ใต้จุดเหรินจง ตื้นๆ คือปากเล็กอิ่มดุจผลอิงเถา หนึ่งผล ใช้คำว่า ‘หนึ่งผล’ บรรยายได้จริงๆ กลีบปากนางค่อนข้างหนา กระจับปากเด่นชัด กลีบปากบนล่างประกอบกันดูราวกับผลอิงเถาลูกเล็กน่ารัก
เขาอดรู้สึกเสียดายไม่ได้ หากแสงไฟรอบด้านสว่างไสวหรือว่าอยู่ในเวลากลางวันใต้แสงอาทิตย์ เช่นนั้นก็จะมองเห็นได้ว่าสีริมฝีปากของนางอิ่มแดงปานกลั่นออกมาเป็นหยาดน้ำได้เพียงไร น่าจะเป็นจริงตามที่เขาคิดเช่นนั้น…แต่พอความคิดเปลี่ยนเขาก็นึกชอบใจที่ยามนี้จันทร์กระจ่างนวลตา แสงสว่างสลัวรางรำไรขึ้นมาอีก
ชุดตระเวนราตรีที่นางสวมขับเน้นความปราดเปรียวของร่างบางออกมา ผมยาวรวบทิ้งไว้ด้านหลัง พลันเผยให้เห็นองคาพยพทั้งห้าที่ค่อนไปทางอ่อนละมุนทั้งหมดออกมา แสงสว่างรำไรตกกระทบลงบนหน้าผาก ปลายจมูก พวงแก้ม และกระจับปากของนาง อาบย้อมใบหน้านางด้วยแสงสว่างชั้นหนึ่ง พาให้เงาร่างดำสนิทสะโอดสะองนั้นแลประหนึ่งกิ่งไม้โดดเดี่ยวในฤดูเหมันต์…
ดวงหน้างามน่ารัก เงาร่างเย็นยะเยียบ ดวงเนตรรูปเมล็ดซิ่งใสกระจ่างงดงามดุจส่องสะท้อนทุกสิ่งทุกอย่าง ก้นบึ้งนัยน์ตากลับทั้งลึกล้ำและว่างเปล่า ขัดแย้งกันได้อย่าง…น่าสนใจยิ่งนัก
อืม น่าสนใจอย่างมาก แตกต่างจากที่เขาคิดไว้ในตอนแรกมากมายเหลือเกิน
คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะมีรูปโฉมเช่นนี้ แต่ถึงอย่างนั้นหากยามนี้ควักหัวใจเขาออกมาสอบถาม เขาก็ไม่ปฏิเสธความงามที่เหนือความคาดหมายเช่นนี้โดยสิ้นเชิงเช่นกัน
เขากะพริบตาปริบๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างเบิกบานยิ่ง
นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงยิ้ม ซ้ำยังยิ้มจนดวงตารีโค้ง ยิ้มจนทำให้นางค้นพบอย่างกระจ่างชัดว่าลักยิ้มบนแก้มซ้ายของเขาลึกกว่าที่แก้มขวาหลายส่วน
บุรุษผู้นี้ประหลาดนัก นางจำเป็นต้องเรียกสติขึ้นมารับมือจึงจะถูก แต่แผ่นหลังของนางเจ็บเหลือเกิน
นางเป็นคนอดทนต่อความเจ็บได้ดีเยี่ยม จริงที่ว่าความเจ็บปวดทางร่างกายเป็นสิ่งที่นางคุ้นชิน แต่ความเจ็บปวดเสียดกระดูกทิ่มแทงใจที่นางรู้สึกในยามนี้ มันถั่งโถมเข้ามาเป็นระลอกไม่ต่างกับน้ำไหลบ่า นางสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดดุจถูกแยกร่าง ทว่าไม่อาจทะลวงปราการที่กีดขวางไม่ให้ลมปราณในเส้นลมปราณเริ่นและตู ของนางไหลเวียน ซึ่งส่งผลให้เลือดลมไหลย้อนกลับ ทำให้นางเจ็บจนแทบจะครองสติไว้ไม่อยู่
นางยืนหยัดต่อโดยอาศัยเรี่ยวแรงอย่างมาก ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงบุรุษประหลาดผู้นั้นเอ่ยอย่างอ่อนโยนอีก…
“ไม่ทราบว่าแม่นางจับสังเกตได้ด้วยตนเองแล้วหรือไม่ว่านอกจากกลิ่นคาวเลือด บนตัวแม่นางยังเจือด้วยกลิ่นธูปหอมอำพันทะเล แบบพิเศษ นี่เป็นธูปหอมที่ต่างบ้านต่างเมืองถวายเป็นบรรณาการแด่ฮ่องเต้เทียนเฉา เดิมมีเฉพาะในราชสำนักเท่านั้น ได้ยินว่าปีก่อนฮ่องเต้เสด็จไปล่าสัตว์ประจำฤดูใบไม้ผลิได้นำของสิ่งนี้ออกมาเป็นหนึ่งในของสำหรับตกรางวัล หากจำไม่ผิด รางวัลนี้สุดท้ายตกเป็นของจวนจงหย่งกงขั้นหนึ่ง” เขาขยับริมฝีปากอีก “คุณชายใหญ่ของจวนจงหย่งกงเป็นคนรักสนุก เสพสมได้ทั้งหญิงทั้งชาย เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างมากในหอคณิกาทางใต้ของเมือง ข้าเคยมีโอกาสรับใช้สองสามครั้ง กลิ่นหอมบนตัวคุณชายใหญ่ก็คือกลิ่นธูปหอมอำพันทะเล เห็นทีจงหย่งกงคงรักหลานสายตรงคนนี้เป็นพิเศษ มอบของพระราชทานแก่คุณชายใหญ่ก็ไม่รู้สึกว่าเกินไป”
เห็นดวงตาของนางหรี่เล็ก ท่าทางเครียดเกร็งเล็กน้อย เขาถอนใจอีกครา เอ่ยราวกับต้องการชี้แนะด้วยความจริงใจ…