อีกคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นอย่างตกใจเช่นกัน “เมื่อครู่วิ่งอย่างกับลมกรด ไล่กวดไปพลางเห่าไปพลาง ไยจู่ๆ ถึงได้หมอบราบไม่ลุก…นี่! ลุกขึ้น เดรัจฉานพวกนี้ ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้!”
ครูฝึกหลี่ตวาดกร้าว “ไม่ต้องสนสุนัขแล้ว! ขอแค่พวกเจ้าตรวจค้นให้ข้า ค้นให้ทั่วทุกซอกทุกมุม!”
“ขอรับ!” คนสิบกว่าคนตอบรับโดยพร้อมเพรียง
จากนั้นเสียงโพล้งเพล้งโครมครามก็ดังสนั่นขึ้นระลอกหนึ่ง เสียงโต๊ะเก้าอี้ของตกแต่งล้มคว่ำเสียหายดังขึ้นไม่ขาดสาย พร้อมกับเสียงร้องตระหนกอย่างโกรธแค้นที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมของเฟิ่งหมิงชุนดังไล่หลัง…
“พวกเจ้าจะทำป่าเถื่อนเช่นนี้ไม่ได้นะ! เครื่องเรือนในหอนี้เป็นของชั้นเลิศที่สุดทั้งสิ้น มีของดีไม่น้อย พวกเจ้า…พวกเจ้า ไม่ได้นะ…อ๊าก! ชิวกวน ชิวกวนมานี่เร็ว! อย่าไปเอาความกับพวกเขา อย่าปกป้องพิณไม่วาง ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ…”
หลังจากความโกลาหลดำเนินต่อเนื่องไปได้หนึ่งเค่อ กลุ่มคนที่สร้างความวุ่นวายก็ทยอยกลับมารายงานว่าค้นหาเงื่อนงำไม่ได้เลยแม้แต่เศษเสี้ยว
เหตุใดจึงหนีรอดได้โดยราบรื่น
บุรุษประหลาดคนนั้นทำได้อย่างไรกัน
ว่าแต่…ข้าซ่อนตัวอยู่ที่ใดกันแน่
ความสงสัยมากมายผุดขึ้นพร้อมกัน ก่อกวนจิตใจนางให้สับสนเป็นเท่าทวี นางใกล้จะทนต่อไม่ไหว นางดันปลายลิ้นเข้าไปอยู่ระหว่างแนวฟันแล้วกัดแน่น พึ่งพาความเจ็บปวดบังคับให้ตนเองยืนหยัด ยามนั้นเองก็ได้ยินเสียงเถ้าแก่สำนักชายบำเรอผู้นั้นโวยวายเสียงดัง…
“บอกว่าไม่มีอะไร เป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อนคนชั่วช้า พวกท่านก็เอาแต่ไม่เชื่อ เงินสินบนพวกเราก็จ่ายไปไม่น้อย ครูฝึกหลี่ท่านยังคงพาคนบุกเข้ามา นี่นับเป็นเรื่องอะไรกัน จะให้คนทำมาหากินอีกหรือไม่ พวกเราสำนักชิงเยี่ยนแม้จะเป็นสถานที่สกปรกโสมม แต่ก็มีชื่อเป็นที่รู้จักในเมืองหลวง หากเรื่องนี้ดังขึ้นมา ครูฝึกหลี่ หน้าท่านก็จะไม่น่าดูเช่นกัน!”
“จะให้หน้าข้าไม่น่าดูกระนั้นหรือ” ครูฝึกหลี่แค่นหัวเราะเฮอะ ราวกับจับคนไม่ได้ทั้งยังถูกคนฉีกหน้า จนพลันคิดไม่ดีขึ้นมา “เจ้า…คนที่อุ้มพิณไม่วางคนนั้น ใช่ เจ้านั่นล่ะ หึๆ ผู้นี้ก็คือเจ้าของชื่อเสียงลือลั่นในสำนักชิงเยี่ยนแห่งย่านละลายทรัพย์ที่ผู้คนขนานนามว่า ‘หนึ่งจุดเขียวท่ามกลางหมื่นบุปผาแดง’ คุณชายฉินชิวกระมัง มานี่ๆๆ ของในหอนี้ล้วนควานหาหมดแล้ว เหลือแต่เจ้าของเล่นนี่ยังไม่ได้ค้น ถอดเสื้อผ้าให้พวกข้าดูเสีย”
เฟิ่งหมิงชุนเอ่ยถามขึ้นอย่างตกใจ “อะไรของเล่นไม่ของเล่น พวกเจ้า…พวกเจ้ายังคิดทำอะไรอีก!”
ครูฝึกหลี่แค่นหัวร่ออีกครั้ง “คืนนี้คนชุดดำที่ก่อคดีในจวนจงหย่งกงถูกปรนเปรอจากค่ายกลที่มีกลไกหลายต่อหลายชั้น มีบาดแผลที่แผ่นหลัง พวกเราไม่ได้คิดทำอะไร แค่อยากยืนยันแน่ชัดว่าหลังของคุณชายฉินชิวที่พักในหอนี้มีบาดแผลหรือไม่ เฮอะ สุนัขดุร้ายพวกนั้นทีแรกก็พุ่งมาที่เขาเลย ย่อมไม่มีทางพุ่งมาอย่างไร้เหตุผล ไม่แน่คนที่พวกเราตามล่าก็คือเขา ทุกคนว่าอย่างไร คิดว่ามีความเป็นไปได้นี้หรือไม่”
ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งโขยงรีบร้องรับ ทั้งมีหลายคนยังโห่ร้องด้วยเจตนาร้ายเต็มเปี่ยมเหมือนชมเรื่องสนุกก็ไม่ปานอีก…
“ถอด! ถอดเร็วๆ!”
“พวกข้ารอจนรำคาญแล้ว ยังไม่ถอดอีก”
“กางเกงเล่า กางเกงก็ถอดด้วย”
“เจ้าแน่ใจนะว่าใต้ชุดคลุมยาวของผู้อื่นมีกางเกงอยู่ด้วยน่ะ”
“ให้ข้าเดา เป็นบั้นท้ายเปล่าเปลือยแปดส่วน จะได้สะดวกปรนนิบัติบุรุษทั้งหลายอย่างไรเล่า หากสวมกางเกงยังต้องถอดอีก ยุ่งยากจะตาย ฮ่าๆๆ ก็ไม่รู้ว่าแก้มก้นทั้งสองจะนุ่มหยุ่นเหมือนหญิงสาวหรือไม่นะ”
“พวกเจ้า…พวกเจ้า…” เฟิ่งหมิงชุนเดือดดาลถึงขั้นเสียงสั่นพร่า ทันใดนั้นเขาก็ร้องขึ้นเสียงแหลม “ชิวกวน! เจ้าจะทำอะไร ชิวกวน…ชิวกวนอย่าถอด…”
อย่าถอดนะ