‘หากชมชอบด้วยใจจริง อยาก…ชิดใกล้ด้วยใจจริง เวลาอยู่ร่วมกัน…จึงจะไม่รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ท่านทำเช่นนี้…กำลังทำให้ตนเองต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม ทำให้ตนเองลำบากใจ’ นางได้ยินคำสนทนาของเขากับเถ้าแก่ชุนอย่างชัดเจน รู้ว่าเขาไม่ชมชอบแขกที่มาเยือนในค่ำคืนนี้
ฉินชิวนิ่งมองนางครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามเสียงต่ำ ‘แล้วแม่นางอู เจ้าเล่า อาชีพฆ่าคนเป็นสิ่งที่เจ้าชมชอบ? พูดตามตรง เจ้ามิใช่กำลังทำให้ตนเองกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม ทำให้ตนเองลำบากใจ?’
นางได้ฟังก็พลันตกตะลึง นิ้วมือทั้งห้าที่จับแขนเสื้อกว้างคลายออกทันใด…นางปล่อยตัวเขา
รอบด้านตกอยู่ในความเงียบสงบชั่วขณะ จากนั้นนางได้ยินเสียงอ่อนโยนเนิบนาบของเขาดังขึ้นอีกครา เป็นเสียงที่ราวกับทำนองช่วงท้ายของเพลงพิณ…
‘หากวันใดแม่นางอูจะไม่ทำให้ตนเองลำบากอีก อย่าลืมมาบอกข้าคำหนึ่ง ข้าจะทำตามอย่างเจ้า พวกเราใครก็ห้ามรังแกตนเองอีกดีหรือไม่’
นางไม่ตอบคำอีก เพียงจับจ้องเขาผลักประตูออกไป และสดับเสียงฝีเท้าเขาก้าวลงบันไดหินไปทีละก้าว…ทีละก้าว
นางไม่เคยสนทนาลึกซึ้งเพียงนี้กับผู้ใดมาก่อน ในชีวิตยี่สิบกว่าปีของนาง คนใกล้ชิดมีแค่อาจารย์กับศิษย์น้อง อาจารย์ปฏิบัติกับนาง…นับว่าดีกระมัง แต่มักมีระยะห่าง ศิษย์น้องป่วยซมเป็นอาจิณตลอดกาลต้องการความคุ้มครองจากนาง นางไม่มีคนสนิทหรือสหายอื่นอีก จับพลัดจับผลูบุกเข้ามาในเรือนคุณชายอันดับหนึ่งของสำนักชิงเยี่ยน รู้จักอีกฝ่ายเพียงวันเดียวเท่านั้น ในใจก็บังเกิดความรู้สึกประเภทถูก ‘ก้าวล่วงผ่านประตูเข้ามาในบ้าน’ ขึ้นมาแล้ว
นางหวาดผวาอยู่บ้าง รู้สึกหวาดกลัวเล็กๆ สิ่งที่กลัวคืออะไรกันแน่ ชั่วอึดใจนั้นก็เอ่ยต้นสายปลายเหตุไม่ออก
คืนนั้น นางกลับห้องลับเปลี่ยนมาสวมชุดตระเวนราตรีของตน เก็บมีดเงินคู่กลับลงปลอกลับบนแขนทั้งสองข้าง ตอนนางจากไปฝีเท้ายังซวนเซ ทว่าดีขึ้นกว่าเมื่อคืนมากมายนัก
นางรู้ว่าไห่หนิงโหวซื่อจื่อได้รับการเชิญเข้ามาในหอซือเฟย ด้วยเพราะอยู่ติดกับนอกผนังชั้นล่าง นางได้ยินเสียงกระเส่าของบุรุษในห้วงตัณหาอีกครั้ง เสียงหอบครางอย่างระบายอารมณ์ปรารถนาดังขึ้นเรื่อยๆ ถี่กระชั้นขึ้นทุกขณะ…นางพลอยกำหมัดแน่นขึ้นตาม ข้อนิ้วทุกข้อบีบแน่นจนลั่นดังเปาะๆ เล็บจิกเข้าไปในเนื้อฝ่ามือ บีบบังคับให้ตนเองฟังจบทั้งกระบวนอย่างทรมานยิ่ง จวบจนทุกอย่างสงบลง นางจึงสามารถลุกขึ้นจากไปได้
ในฐานะคุณชายอันดับหนึ่งของสำนักชิงเยี่ยนต้อนรับแขกหลังม่าน ขายรอยยิ้มขายร่างกาย นั่นคืออาชีพที่เขาใช้หาเลี้ยงตัว เหมือนกับนาง ขายวิทยายุทธ์ สังหารคนเป็นอาชีพแลกเงินทอง ทั้งสองล้วนทำเพื่อมีชีวิตต่อไปก็เท่านั้น นางกับฉินชิวไม่แตกต่างกัน
ทว่าสิ่งที่เกินมาคือความอึดอัด อึดอัดจนหน้าอกปวดแปลบ
นางเองแทบเอาตัวไม่รอด กลับยังรู้สึกอึดอัดทรมานแทนเขา
ตอนจากไป นางนึกว่าสามารถไปอย่างเด็ดขาด อย่างไรเสียก็พบพานโดยบังเอิญ ไม่มีอันใดให้อาวรณ์ แต่เมื่อปีนขึ้นบนกำแพงนางยังอดหันหน้าปราดมองกลับไปไม่ได้…นางเห็นเทียนสว่างขึ้นบนชั้นบนของหอซือเฟย มองเห็นเงาร่างของผู้เป็นเจ้าของปรากฏบนหน้าต่างที่พังเสียหายครึ่งหนึ่ง ในใจนางพลันรู้สึกสับสนทันใด
คงไม่ใช่ว่า…เพิ่งเสร็จเรื่องชั้นล่าง ขะ…เขาก็รีบร้อนขึ้นชั้นบนมาดูนางหรอกนะ
ฉับพลันนั้น เงาร่างที่เร่งฝีเท้าไปทางที่ตั้งห้องลับสายนั้นก็ชะงักฝีเท้า
นางหน้าผากเย็นวาบ เกิดภาพลวงตาประหลาดประเภทหนึ่ง ดั่งห่างเขาและนางกั้นด้วยระยะทางไกลมาก ทว่าสายตาของเขายังคงค้นหานางที่หมอบอยู่บนสันกำแพงได้ในพริบตา
เขามองเห็นนาง เขากำลังมองนาง
ไม่! ต้องเป็นนางที่คิดมากไป เขาเพียงทอดสายตามองไกลผ่านหน้าต่างที่พังเสียหาย เป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นนาง
วี้ด…ปุ้ง!
แสงสว่างสายหนึ่งทะยานขึ้นสู่ขอบฟ้าอันมืดมิด และระเบิดออกบนท้องฟ้าสูงลิ่ว
พลุสัญญาณ?!
ตำแหน่งที่จุดคือชานเมืองทางตะวันตก อาจารย์เรียกนางกลับไป