นางไม่เคยทำเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อน
เหมือนกับนางที่ไม่เคยฝันถึงบุรุษมาก่อน ไม่เคยฝันประหลาดถึงเพียงนี้มาก่อน
ทว่าชั่วอึดใจเดียวทุกอย่างก็เกิดขึ้น จริงหรือลวงเปลี่ยนไปพร่าเลือนไม่ชัดเจน ทว่า…เหตุการณ์ทุกอย่างล้วนต้องมีต้นสายปลายเหตุ ยามเกิดเหตุผิดธรรมดาย่อมต้องมีปัญหาอะไร เช่นนี้ไม่…
ไม่ถูกต้องจริงๆ!
สติรับรู้หนาววูบ พลังขุมนั้นแทงทะลุผ่านไขสันหลัง นางตัวสั่นสะท้านโดยแรงคราหนึ่ง ฝ่ามือทั้งสองที่ทาบทับลงบนหน้าอกเขาตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ออกแรงฉับพลันในชั่วพริบตานี้
นางผลักบุรุษผู้นี้ออกอย่างหนักหน่วง สองตาถลึงกว้างอย่างตกใจสุดขีด ก่อนจะพบว่าตนเองไม่ได้อยู่ในก้อนขมุกขมัวนั้นอีกแล้ว
ในห้องเงียบสนิท เงียบสงัดเหมือนเช่นปกติ นางตื่นขึ้นมาบนเตียง ร่างกายยังคงอยู่ในท่าขัดสมาธิ
เป็นความฝัน…
แต่นี่…นี่ย่ำแย่เกินไปอย่างแท้จริง
นางไม่กล้าเชื่อเลยจริงๆ ว่าตนเองกลับนอนหลับไปตอนที่กำลังโคจรลมปราณเสียได้!
ตั้งแต่ติดตามอาจารย์ฝึกวรยุทธ์มาตั้งแต่อายุหกเจ็ดปี เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นางครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดที่ตนเองจะตกต่ำมาถึงขั้นนี้ได้ สุดท้ายกล่าวได้เพียงว่าค่ายกลที่นักพรตหลิงเจินแห่งเขาอวิ๋นเหยาสร้างขึ้นในจวนจงหย่งกงช่างมิอาจดูเบาได้จริงๆ แค่หลบ ‘เจ็ดดาราระดมยิง’ ไม่พ้นด่านเดียว ความเจ็บปวดทางร่างกายยังพอฝืนทน แต่พิษที่หลงเหลือในตัวกลับลอบก่อการพิลึก หากมิใช่เพราะสารพิษส่งผลกระทบถึงจิตใจ นางย่อมไม่มีทาง…ไม่มีทางฝันเหลวไหลเช่นนี้เป็นอันขาด
หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็ก นางจับแขนเสื้อขึ้นซับ หัวใจยังคงเต้นถี่รัวอยู่บ้าง ลมหายใจกับผิวหน้ายังร้อนลวกผิดปกติ
นางขยับปลายนิ้วเล็กน้อย สัมผัสกลีบปากของตนเองด้วยสัญชาตญาณ ความรู้สึกคล้ายถูกบดเบียดดูดเม้มจากในสู่นอกของปากเล็กทั้งปากหลุดออกจากฝันมายังความจริง ในปากกระทั่งลิ้มรสกลิ่นคาวเลือดจางๆ ได้…นางคงไม่ได้ฝันเช่นนั้น แล้วตื่นเต้นจนถึงกับกัดตนเองเป็นแผลหรอกกระมัง
“สวรรค์…” นางยกสองมือปิดหน้าพลางล้มลงกับเตียงและโอดครวญเสียงต่ำ ไม่สนใจอีกว่าจะกดทับบาดแผลที่เจ็บบนแผ่นหลัง รู้สึกเพียงว่าการที่ตนเองนึกภาพฝันแสนลามกต่อบุรุษที่มีบุญคุณกับนาง และอาลัยอาวรณ์รูปโฉมงดงามของอีกฝ่าย เป็นเรื่องที่ไร้ยางอายเกินไปแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ทางใต้ของเมืองหลวง บนหอซือเฟยในสำนักชิงเยี่ยน มีคนผู้หนึ่งลืมตาโพลงขึ้นในห้องมืดสนิทเช่นกัน
สภาพระเกะระกะหลังจากโดนพังทลายยังมิได้เก็บกวาด โต๊ะเก้าอี้หีบเสื้อผ้ายังคงตั้งเอียงกระเท่เร่สะเปะสะปะ เสื้อผ้ารวมไปถึงของชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจัดกระจาย ผ้าโปร่งผืนใหญ่ร่วงหล่นลงมาซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ บนพื้นไม้ มีเพียงเตียงกว้างในห้องด้านในที่ยังพอจะรักษาความสะอาดเป็นระเบียบอยู่ได้
บนเตียง บุรุษรูปงามที่เสื้อผ้าและเรือนผมสีดำยุ่งเหยิงน้อยๆ ก็กำลังนั่งขัดสมาธิเช่นกัน ท่วงท่านั้นคล้ายกำลังโคจรลมปราณเป็นวงกลม บังคับลมปราณควบคุมสติ ทันใดนั้นเขาก็หงายหลัง นอนราบเป็นรูปตัวอักษรต้า ก่อนจะค่อยๆ งอแขนขึ้นหนุนต่างหมอน
ในปากเขามีกลิ่นคาวเลือด เป็นเลือดของเขาเอง
ตอนที่แม่นางอูสติแจ่มชัด ผลักเขาออกมากะทันหัน ฟันขาวของนางข่วนโดนเนื้อนุ่มในปากเขา และทิ้งรอยแผลเล็กๆ เอาไว้
การก้มหน้าประกบจูบริมฝีปากเล็กของนาง พูดตามจริง การกระทำนี้เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาอย่างมาก
ต้องโทษที่สีหน้าอึ้งตะลึงของนางตอนนั้นน่ารังแกยิ่งนัก นิสัยแท้จริงของนางที่ซ่อนอยู่ใต้สีหน้าไร้ความรู้สึกอันที่จริงก็เหมือนหญิงสาวทั่วไปอย่างมาก พอเปลี่ยนไปพูดมากขึ้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปหลากหลาย ความรู้สึกแสดงออกมาให้เห็น และยังรู้จักหน้าแดงขวยอายอีก
แต่จิตใจของหญิงสาวยังคงแน่วแน่ มิได้ล่องลอยไปตามการร่ายระบำของเขาจนถึงที่สุด
ในเมื่อเผด็จศึกไม่ง่ายดาย ดังนั้นเขาจะด่วนใจร้อนไม่ได้ ต้องค่อยๆ วางแผนขบคิด
“อืม…นิสัยเช่นนี้ เห็นทีจะเป็นคนที่ปลอบประโลมได้ แต่หลอกล่อไม่ง่าย” เขาเหลือบมองด้านบนพลางพึมพำเสียงต่ำ “ดีมาก ดีมากทีเดียว”
เขาเม้มปากที่ได้รับบาดเจ็บนั้น และใช้ท้องนิ้วลูบมุมปาก จึงพบว่ารอยโค้งตรงนั้นหยักยกขึ้น
แม้วิชาเข้าฝันถูกทำลาย วิชาสวมวิญญาณก็ใช้ไม่ได้ผลโดยสมบูรณ์ ทว่าเขากลับรู้สึกเบิกบานใจอย่างผิดธรรมชาติ
เห็นการล่าสัตว์ จิตใจเบิกบาน