เหลียนตงโบกมือเบาๆ ใบหน้าแดงระเรื่อ “พิษชนิดนั้นยังไม่ถึงกับทำให้คนเสียชีวิต แต่พลังลมปราณเสียหาย ลมปราณโคจรติดขัด เล่าลือว่า…อีกหน่อยหากต้องการเสพสุขดั่งมัจฉาท่องวารี น่ากลัวจะมีใจสู้ทว่าร่างกายไปไม่ไหว”
“ดังนั้นก็คือ…ไม่ชูชัน!” เฟิ่งหมิงชุนเลิกคิ้วทั้งสองข้าง เสียงแผดสูงจนจวนจะแหบอยู่รอมร่อ
ได้ยินคำกล่าวของเหลียนตง เฟิ่งหมิงชุนพลันใช้สมองขบคิดรวดเร็ว กลับมาขึงตาใส่ฉินชิวที่แลคล้ายไม่เก็บทุกเรื่องราวมาใส่ใจใหม่อีกครั้ง นิ้วมือยาวที่ชี้ไปทางเขาสั่นระริก “ไห่หนิงโหวซื่อจื่อผู้นั้นชอบมาตอแยเจ้าเป็นที่สุด ทว่าเจ้ากลับไม่ชอบเขา ด้วยก่อนหน้านี้ผิงจวิ้นอ๋องกับเสี่ยวกั๋วจิ้วออกหน้าช่วยเหลือ พวกเรามิอาจไม่รับน้ำใจนี้ ได้เพียงลำบากเจ้าต้อนรับไห่หนิงโหวซื่อจื่อเข้าหอซือเฟย รับรองฝ่ายตรงข้ามทั้งคืน…อย่าบอกนะว่าโรคไม่ชูชันของซื่อจื่อผู้นี้ ก็เป็นเทพแห่งหายนะผู้นั้นกระทำด้วยเช่นกัน”
ฉินชิววางถ้วยกลับตำแหน่งเดิม ท่าทางราวกำลังตรึกตรอง ก่อนจะเลิกคิ้วเอ่ยตอบ “เขา…”
“ดี! ข้าตัดสินใจไม่ฟังไม่ถามไม่อยากรู้แล้ว ชิวกวนห้ามพูดสักคำเดียว…ไม่ ครึ่งคำก็ห้ามพูด!” เฟิ่งหมิงชุนพลันรู้สึกชอบกล โลกใบนี้บางทีก็เป็นเช่นนี้ รู้มากเกินไปมิเห็นว่าจะเป็นเรื่องดี
ฉินชิวเผยใบหน้าของผู้บริสุทธิ์ คลี่ยิ้มจางๆ ประหนึ่งสัตว์เลี้ยงไม่มีพิษภัย…
“คนผู้นั้นหาใช่เทพแห่งหายนะอะไรไม่ เพียงแค่ดีกับข้าอย่างมาก”
ดวงอาทิตย์ฤดูร้อนเคลื่อนคล้อยอย่างเชื่องช้าเลื่อนลับเหลี่ยมเขาไกลๆ ลงไป ลมที่พัดผ่านผืนป่าและทุ่งกว้างในที่สุดก็แผ่ไอเย็นจางๆ ออกมา แฝงด้วยกลิ่นหอมของต้นหญ้าและพื้นดิน นอกเหนือจากนี้ก็คือกลิ่นยาเส้นระลอกแล้วระลอกเล่า
ชายชราร่างกายผอมแห้งนั่งหลังโก่งสูบยาเส้นอยู่ข้างทาง ลาแก่ตัวหนึ่งก้มหัวเคี้ยวอาหารที่พงหญ้า ฝีเท้าของอูลั่วซิงที่เร่งรุดมาถึงพลันหยุดชะงัก นางยืนปรับลมหายใจอยู่กับที่เล็กน้อย ก่อนจะค่อยเดินเนิบช้าเข้าไปใกล้ และนั่งลงข้างชายชรา
“เรื่องคุณหนูใหญ่สกุลเฉินในเมืองหวั่นเฉิงถูกลักพาตัวจัดการทันเวลา ส่งคนกลับไปยังสกุลเฉินเมืองหวั่นเฉิงเรียบร้อยแล้ว” นางเอ่ยเสียงทุ้มเรียบ ต่อให้ไม่ชอบควันสีขาวก้อนแล้วก้อนเล่าที่ชายชรากลืนเมฆคายหมอก พ่นออกมา ทว่าใบหน้าขาวอิ่มเอิบยังคงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
ชายชราเอากระบอกยาเส้นยาวไปเคาะบนก้อนหินเล็กด้านข้าง เคาะยาเส้นที่ไหม้หมดด้านในออกมา จากนั้นค่อยยกขึ้นจ่อริมฝีปากสูบอีกสองครา สุดท้ายจึงได้ถามอย่างเกียจคร้าน…
“เงียบเชียบ ไม่สร้างความแตกตื่นแก่ผู้ใดใช่หรือไม่”
“นอกจากคนสนิทข้างกายคุณหนูใหญ่สกุลเฉิน คนอื่นไม่มีผู้ใดล่วงรู้”
“โจรเด็ดบุปผาสองคนที่ลักพาตัวคนไปเล่า” ชายชราถามพลางบรรจุยาเส้นเข้าไปใหม่
อูลั่วซิงไม่แม้แต่ขยับเปลือกตา “จัดการเรียบร้อยทั้งหมด ไม่มีทางที่ผู้ใดจะพบเห็นพวกเขาอีก”
นั่นก็หมายความว่าเรือแล่นผ่านไปในน้ำไร้ร่องรอย ไม่ทิ้งร่องรอยอย่างสิ้นเชิง เรื่องที่เกิดขึ้นเสมือนไม่เคยเกิดขึ้น คุณหนูใหญ่สกุลเฉินที่ถูกโจรเด็ดบุปผาลักพาตัวไปราวกับไม่เคยออกจากบ้าน ชื่อเสียงไม่ได้รับความเสียหาย
ริมฝีปากสีม่วงคล้ำอันแห้งเหี่ยวของชายชราหยักยกขึ้นน้อยๆ ราวกับพึงพอใจเป็นอย่างมาก ตามด้วยคาบกระบอกยาเส้นไว้ในปาก มือหนึ่งหยิบกลักไฟออกมาจุดยาเส้น ก่อนจะสูบยาเส้นอีกหน
อูลั่วซิงเอ่ยต่อ “เรื่องราวเสร็จสิ้น ข้ามารับค่าตอบแทนของข้า”
ไอสีขาวที่ทำให้คนสำลักน้ำหูน้ำตาเล็ดได้ปกคลุมรอบตัวนางอีกครั้ง นางยังคงนั่งเงียบๆ ท่าทางเก็บคิ้วหลุบตาเป็นความดื้อรั้นบางอย่างที่อธิบายไม่ได้
ชายชราสูบไปถึงครั้งที่ห้าจึงค่อยผ่อนคลายลง ก็ไม่รู้ว่าเขาฝึกฝนอย่างไร เพียงดีดนิ้วดังกังวานครั้งเดียว ลาแก่ตัวนั้นก็ขยับเข้ามาอย่างเชื่องช้ายืดยาด
“โน่น ค่าตอบแทนที่เจ้าต้องการ” คางแหลมที่ช่วยเสริมส่งให้เขาแลดูเหี้ยมโหดพยักพเยิดไปบนหลังลา
อูลั่วซิงช้อนตาขึ้นมอง ก่อนจะก้าวขึ้นไปปลดสัมภาระขนาดยาวบนหลังลาลงมากอดไว้ในอก
“นี่…เป็นของที่ดีที่สุดแน่ๆ ใช่หรือไม่” น้ำเสียงสงบเรียบของนางกลับทอแววกระวนกระวาย
ชายชราเลิกคิ้วสีเทาพลางแค่นเสียงเฮอะคำหนึ่ง “ย่อมมิใช่ที่ดีที่สุด ควรรู้ว่าสรรพสิ่งบนโลกใบนี้มีมากมายสารพัด ของชั้นดีมีมากนัก ผู้ใดกล้าอ้างว่าของตนเองดีที่สุด แต่ข้าเหล่าเต้ารับรองได้ เป็นชิ้นที่ดีที่สุดในของที่ตกมาอยู่ในมือระยะนี้อย่างแน่นอน เจ้ายังจะเอาหรือไม่”
“…เอา” นางพยักหน้า สองแขนกอดสัมภาระขนาดยาวนั้นแน่นยิ่งขึ้น คล้ายกลัวว่าผู้ชราที่มีฉายาว่า ‘เหล่าเต้า’ ผู้มีวรยุทธ์ลึกล้ำมิอาจหยั่งตรงหน้าจะออกกระบวนมาแย่งกลับคืนไป
“ตัวไม่เอาไหน!” เหล่าเต้าบริภาษคำหนึ่ง เม้มปากยังไม่คลายโทสะและก่นด่าอีก “ทั้งที่เพลงพิณ หมากล้อม เขียนอักษร ภาพวาดไม่เชี่ยวชาญเลยสักแขนง กลับไปเอาแบบอย่างผู้อื่นคิดวางท่าเป็นผู้มีปัญญารักอิสระอย่างนั้นรึ อาศัยความฉลาดปานนี้ของเจ้า สภาพเช่นนี้ของเจ้า เป็นไปได้หรือไรกัน จะเลียนอย่างได้เหมือนเรอะ ไม่รู้จักปัสสาวะชะโงกดูเงาตนเอง พิจารณาตนเองอย่างดีเสียบ้าง! หากเจ้าเลียนอย่างพวกปัญญาชนนักประพันธ์ที่เกี้ยวพาส่งเดชน่าเบื่อเหล่านั้นจริงๆ วันหน้าก็อย่ามาของานหาเงินที่ข้าอีก”