ใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษอยู่ห่างจากนางเพียงหนึ่งระยะลมหายใจ ดวงตาเรียวคิ้วงามล้ำไม่ต่างจากภาพวาด สีของริมฝีปากสดสวย ลักยิ้มหนึ่งลึกหนึ่งตื้นขยับวูบวาบใต้เงาสะท้อนจากแสงไฟ ไฝเล็กใต้คางเม็ดนั้นน่ารักหาใดเปรียบ
คนดียิ่งเช่นนี้กลับยินดีผูกสมัครรักใคร่กับนาง นางกลัว คนที่จะเสียใจคนนั้นจะเป็นเขา
ด้วยเหตุนี้วอนขอเพียงเวลาเฉพาะหน้าตอนนี้ ครั้งนี้เปลี่ยนมาเป็นนางที่จู่โจมก่อน
นางยกแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขา ใบหน้าเล็กโน้มเข้าหาเขาเวลาเดียวกันก็รั้งใบหน้าหล่อเหลามาหาตนเอง
ครั้งแรกแปลกหน้า ครั้งที่สองคุ้นเคย ปลายลิ้นของนางชำแรกเข้าไปในปากเขา ในที่สุดก็ร่ำเรียนเข้าใจว่าอะไรจึงจะเป็นการจูบ
อูลั่วซิงนึกถึงฝันประหลาด ‘คิดอนาจารต่อบุรุษรูปงาม’ นั้นอยู่ตลอด
ค่ำคืนนี้ ฝันประหลาดนั่นกลายเป็นจริงแล้ว
ทว่าในห้วงฝันนั้นเรื่องที่นางกระทำกับเขา…หากนำมาเปรียบเทียบกับราตรีนี้ นับว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับดินโดยสิ้นเชิง
เรื่องระหว่างบุรุษสตรี นางมิใช่ไม่เข้าใจใดๆ เลย ในอดีตเพื่อสำเร็จภารกิจ ยามหาโอกาสลงมือที่เหมาะที่สุด นางเคยซุ่มโจมตีในหอโคมเขียวสำนักนางโลม ทั้งยังเคยแฝงเข้าไปในคณะละครและหมู่นางร่ายรำที่ชนชั้นสูงศักดิ์กับคหบดีร่ำรวยเลี้ยงไว้ส่วนตัว ดวงตาคู่นี้ของนางเคยลอบเห็นเรื่องทางตัณหามามากนัก โดยมากล้วนสกปรกจนชวนให้คนสะอิดสะเอียน มีทั้งผิดศีลธรรมจรรยาร่วมประเวณีระหว่างสายเลือด บีบบังคับทารุณยิ่งมีไม่น้อย รวมไปถึงระหว่างบุรุษกับบุรุษ สตรีกับสตรี หากไม่ร่วมรักหลงหยางเป่าขลุ่ย ก็ต้องเป็นร่วมอภิรมย์ถูคันฉ่อง ล้วนมิใช่เรื่องหาได้ยากอะไร
แต่ฉินชิวปฏิบัติกับนาง นางปฏิบัติต่อฉินชิว ไม่สกปรกแม้แต่ครึ่ง…ไม่เพียงไม่สกปรก ยังรู้สึกดีจนพาให้นางสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย น้ำตาไหลผ่านสองแก้มนวล…
ตอนที่อูลั่วซิงตื่นขึ้นมาอีกครา ถูกแสงเรืองรองสีฟ้ารอบตัวทำเอาตาลายอยู่บ้าง กะพริบตาแล้วกะพริบตาอีก ครู่ใหญ่จึงค่อยตระหนักขึ้นมาได้ นั่นเป็นแสงเลือนรางที่แผ่ซ่านออกมาจากหินหลินสือสี่ก้อนในมุมของห้องลับ
นางได้สติแจ่มชัดทันควัน พลันฉุกคิดขึ้นได้ว่าตนเองย้ายจากเตียงกว้างด้านนอกผนังมายังห้องลับได้อย่างไร
เฮ้อ…ไม่อยากรู้ชัดยังยาก…ตอนที่เขาทำลายความบริสุทธิ์ของนาง แทรกเข้ามาในร่างนางนั้น เรือนกายเปลือยเปล่าทั้งสองใช้วิธีการที่แนบชิดจนมิอาจแนบชิดได้อีกเกี่ยวกระหวัดไม่เลิกรา
นางได้ยินเสียงร้องอย่างแจ่มชัด นั่นเป็นเสียงครวญครางและแผดร้องที่ออกมาจากลำคอนางเอง ยามอ่อนละมุนประหนึ่งเสียงแมวออดอ้อนในฤดูวสันต์ ยามเผ็ดร้อนราวกับเสียงอ้อนวอนร้องขอที่ทำให้เขายิ่งฮึกเหิมมากขึ้น
บางทีอาจเพราะเสียงความเคลื่อนไหวที่แว่วออกไปด้านนอกดังเกิน ครู่หนึ่งจึงมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทว่าเขามิได้แยแส และลากนางหลบเข้ามาในห้องลับทันที
ครั้นเมื่อผนังหินปิดสนิท ทั้งสองประดุจถูกแยกตัวออกไปจากโลกหล้า
แสงสีฟ้าของหินหลินสือสะท้อนประกายระยับไม่สิ้นสุดในก้นบึ้งนัยน์ตาเขา นั่นทำให้สีหน้าของเขาแลดูทั้งลึกลับและใสซื่อในเวลาเดียวกัน ท่ามกลางความลึกล้ำยังมีความลึกล้ำ ลึกซึ้งชวนให้พินิจพิเคราะห์ชั้นแล้วชั้นเล่า ชวนให้คนร่วงหล่นลงไปลึกยิ่ง ด้วยเหตุนี้นางราวกับเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ ยินยอมพร้อมใจถูกเขาครอบครอง กัดกลืน และแปรเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า
ราวกับนางได้ตายไป ตายแล้วฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในอ้อมกอดเขา
ยามนี้นาง ‘เกิดใหม่’ จากความพร่าเลือน เขากลับมิได้อยู่ข้างกาย