อูลั่วซิงรู้สึกราวกับไอร้อนพุ่งชนทะลุกระหม่อม และระเบิดเผาไหม้จนนางสุกไปทั่วทั้งร่าง
ยามนี้เองแสงเบื้องหน้านางพลันวูบดับ บุรุษรูปงามฉวยโอกาสที่นางตื่นตะลึงประชิดใกล้ ความอุ่นชื้นบนริมฝีปากนางได้ถูกเขาดูดเม้มแผ่วเบาเรียบร้อย
“ลั่วซิง…” ยามเขาผละออก ลมหายใจของทั้งสองคนยังคงสอดผสาน เสียงแหบต่ำของเขาดังขึ้น “ท่าทางยามนี้ของเจ้า…น่ารักอย่างแท้จริง”
นางในเวลานี้ไม่มีท่าทีระวังป้องกันต่อเขาแม้แต่น้อย อยู่เบื้องหน้าเขาก็เหมือนหญิงสาวขลาดเขลาคนหนึ่ง
สภาพของนางดูยุ่งเหยิงอย่างที่สุด ตั้งแต่ผมเผ้าไปจนถึงข้อเท้าล้วนดู…รุงรังไปหมด ทว่าเขากลับพูดว่าน่ารัก? อูลั่วซิงจึงรู้สึกว่าโดนยั่วโทสะเข้าแล้ว นางโกรธจัดจนขวัญกล้าทำอะไรก็ได้ทั้งสิ้น และพลันโถมใส่อีกฝ่ายกลับไปเสียเลย
นางออกฝ่ามือกดบุรุษ ‘ลงต่ำที่สุด’ ฝ่ายตรงข้ามโดนนางผลักล้มลงอย่างง่ายดาย
ดวงตานางราวกับถูกปกคลุมด้วยดวงไฟเจิดจ้า ก้มหน้าจ้องเขาเขม็ง ไม่สนใจว่าผ้าห่มบางบนร่างจะโดนเขาดึงหลุด ร่างเปลือยของนางนั่งคร่อมบนเอวเขา ออกแรงกระชากสายคาดเอวกับคอเสื้อสีขาวหิมะของเขาออก จนกระทั่งฝ่ามือแนบสนิทไปบนกล้ามเนื้ออกอันราบเรียบแข็งแกร่งของเขา เสียงถอนใจแหบพร่าระบายออกจากลำคอ นางแทบจะลูบคลำอย่างหยาบคาย สัมผัสความร้อนที่อบอุ่นไปถึงห้องหัวใจนั้น สุดท้ายค้อมร่างลงประกบจูบริมฝีปากเขา
ริมฝีปากเรียวลิ้นของนางดุดัน ละทิ้งความสำรวม ไม่ห่วงพะวงเรื่องใดๆ อีกทั้งสิ้น
นางเปลี่ยนบุรุษตรงหน้าให้เปลือยเปล่าเช่นเดียวกันกับตนเอง ปลายลิ้นลากผ่านใต้คาง ซอกคอ และลำคอที่ลูกกระเดือกนูนขึ้นเล็กน้อยของเขาอย่างละโมบ ราวกับกลายร่างเป็นสัตว์ตัวเมียที่หื่นกระหายสุดขีดตัวหนึ่ง ดมได้กลิ่นชวนให้หวั่นไหวไปถึงโลหิต จนอยากกัดลำคอเอาเส้นเลือดที่ลำคอเขาออกมาดื่ม การเคลื่อนไหวบ้าระห่ำหมดสิ้นซึ่งขอบเขต ราวกับต้องการกลืนกินคนทั้งเป็น
“ลั่วซิง…” เสียงเรียกชื่อนางของเขานุ่มนวลยิ่ง ทั้งยังเจือมาด้วยเสียงทอดถอนใจบางๆ ก่อนจะหอบหายใจแผ่วอ่อนแฝงด้วยเสียงแตกพร่า
เสียงเหล่านี้จากเขาแทรกตรงเข้าไปในก้นบึ้งหัวใจของนาง ราวกับร้องเรียกจนไฟปรารถนาในหัวใจนางลุกโชติช่วงขึ้นในพริบตา รูขุมขนทั่วร่างทั้งอุ่นทั้งคัน ทั้งชาทั้งปวด
เนตรงามแฝงประกายไฟคู่นั้นจับจ้องดวงตาเขาอย่างแน่วแน่ นางประคองความฮึกเหิมเบื้องล่างของเขา และค่อยๆ รับชีวิตของเขาเข้ามาในร่างตนเอง
ยามเมื่อร่างกายทั้งสองประสานเป็นหนึ่งเดียวท่ามกลางความชื้นฉ่ำร้อนลวก ปากที่เม้มแน่นของนางสั่นสะท้าน หมอกสายหนึ่งแผ่ปกคลุมเบื้องหน้าสายตา ไม่ว่าอะไรก็มองไม่เห็น มีเพียงใบหน้าเขา การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์บนองคาพยพทั้งห้าของเขา ทุกความละเอียดอ่อนล้วนสะท้อนเข้าสู่นัยน์ตาของนาง ประทับเข้าสู่ส่วนลึกของใจนาง
ครั้งนี้เขาปล่อยนางกระทำตามแต่ใจปรารถนา เรือนผมแผ่สยายอยู่บนเตียง นัยน์ตาดำขลับแวววาวขับเน้นร่างกายขาวอมชมพูของเขาให้เด่นชัด นางลูบใบหน้าเขา บั้นเอวแข็งแรงยืดหยุ่นยิ่งเคลื่อนไหวยิ่งรวดเร็ว ปล่อยอารมณ์ควบตะบึงอย่างเต็มที่
เขาสั่นเทิ้มไปทั่วร่าง ลมหายใจหอบหนักมากยิ่งขึ้น ใต้ร่างพลันถูกรัดรึงคราหนึ่งกะทันหัน เขากุมข้อมือนางอย่างยากทานทน ก่อนจะพลิกร่างขึ้นกดทับนางเอาไว้
อูลั่วซิงมิได้พยายามกลับไปยังตำแหน่งด้านบนอีก ทว่าใช้ขาเรียวยาวกอดรัดเอวเขาแน่น ต่างฝ่ายต่างส่งเสียงครวญแผ่วอย่างไม่อาจหักห้าม ผิวพรรณล้วนโดนบีบคั้นให้เหงื่อออก นางทำคนที่สะอาดเอี่ยมสกปรกเสียแล้ว มาเปียกชื้นฉ่ำแฉะเหมือนกันกับนาง เกี่ยวกระหวัดร้อยรัดยากแยกจาก…
ยามเมื่อสติสัมปชัญญะถูกทำให้หลุดลอยไป นางอาศัยสัญชาตญาณกระแทกบั้นเอวไปทางเขา เขาฝังอยู่ในร่างนางอย่างลึกซึ้ง หน้าผากจรดหน้าผากนาง ก้นบึ้งนัยน์ตาที่มีเพลิงลุกโชนสะท้อนดวงหน้าเมามายในห้วงปรารถนาของนาง
“ไม่…ไม่เสียใจภายหลัง…ไม่เสียใจ…ไม่เสียใจเลย…” นางเผยอริมฝีปากพึมพำ แท้จริงไม่แน่ใจนักว่าตนเองเอ่ยอะไร นั่นเป็นเสียงดั้งเดิมที่ออกมาจากใจจริง เล็ดลอดออกมาตามสติที่ล่องลอยไป
ท่าทีของบุรุษเปลี่ยนไปอีกคราเพราะเสียงพึมพำต่ำๆ ของนาง แรงปรารถนายิ่งเหิมฮึกมากขึ้น
ไม่มียาแก้อาการเสียใจภายหลัง ไม่มีเส้นทางให้หันหลังกลับ ในเมื่อตัดสินใจครองคู่ เช่นนั้นก็ผูกสมัครรักใคร่กันจวบชีวาจะหาไม่