วันนี้เป็นวันที่นางไปจากหอซือเฟยของคุณชายอันดับหนึ่งแห่งสำนักชิงเยี่ยน แม้อูลั่วซิงยังคงทำตัวลับๆ ล่อๆ แต่ไม่ใช่จากไปโดยไม่ลาอีก
หลังผ่านการปลดปล่อยอารมณ์ตามใจต้องการ นางอาบน้ำภายใต้การปรนนิบัติของฉินชิวรอบหนึ่ง และสวมชุดสะอาดที่เขาเตรียมไว้ให้
เสื้อผ้าเหล่านั้นรูปแบบค่อนไปทางไม่มีระบุเพศผู้สวมใส่อย่างแน่ชัด สีสันยังเข้มสุขุม สอดคล้องกับท่วงท่าท่วงทีของนางเป็นอย่างมาก สะดวกแก่การที่นางจะปะปนเข้าไปในฝูงชนยิ่ง นางกระทั่งไม่รู้ว่าเขาตระเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อใด ขนาดถึงกับไม่ผิดไปแม้แต่นิด สวมพอดีกับรูปร่างนางอย่างสมบูรณ์
ถัดจากนั้นนางก็ถูกดึงไปนั่งลงตรงหน้าโต๊ะ และกินข้าวร่วมกับเขา
พูดว่า ‘กินข้าวร่วมกับเขา’ แลคล้ายไม่ถูกต้องเท่าใด อาหารเลิศรสนานาชนิดเต็มโต๊ะมีเพียงนางคนเดียวที่ขยับตะเกียบส่งเข้าปาก ประกอบกับที่เขาตักอาหารใส่ถ้วยของนางอีกเป็นระยะ หากจะกล่าวให้ถูกคือเขาดูแลป้อนและจัดเตรียมอาหารให้นางเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งยังมองดูนางกินอย่างสนอกสนใจ ราวกับการทำเช่นนี้สร้างความพึงพอใจแก่เขายิ่งยวด ทำให้คิ้วตาของเขาอ่อนละมุน มุมปากอ่อนโยนลงอย่างไม่อาจห้าม
อาหารเช้ามื้อนี้เริ่มกินสายอย่างยิ่ง ทั้งยังกินยาวนานจนจวนจะกลายเป็นอาหารกลางวันอยู่แล้ว แต่อูลั่วซิงกลับรู้สึกว่ามันเอร็ดอร่อยอย่างมาก
ในชั่วขณะนั้น ในใจนางบังเกิดความรู้สึกว่าตนเองได้รับการเอาอกเอาใจจากผู้อื่นขึ้นมาอีก ความสนใจทั้งหมดตกอยู่บนร่างนางอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เสมือนว่าทุกอากัปกิริยาของนาง อารมณ์สีหน้าที่เล็กน้อยเหลือหลาย ทั้งหมดล้วนสามารถสั่นสะเทือนไปถึงหัวใจของบางคนได้
ในสายตาเขา นางไม่มีทางเป็นคนนอกที่ว่างเปล่าเลื่อนลอย แต่เป็นการดำรงอยู่อันสำคัญอย่างหาที่สุดมิได้
ดวงตายาวงามงดของบุรุษเปี่ยมด้วยความรู้สึกทั้งร้อนแรงและเก็บงำ นางถูกเขามองจนหัวใจสั่นเทิ้มอย่างแท้จริง ในที่สุดก็อดยอกย้อนเล็กๆ ขึ้นไม่ได้…
“ท่านไม่หิวบ้างหรือไร” นางขบริมฝีปาก ก่อนจะสะบัดหน้าเอ่ย “ท่านขยับตั้งมากเพียงนั้น และยังออกแรงถึงเพียงนั้น เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่หิวนี่ ไยจึงไม่กินเล่า”
ใบหน้าคมคายแดงระเรื่อยามกล่าวตอบ “จริงสินะ ขยับมากยิ่ง ทั้งยังออกแรงอย่างหนักหน่วงด้วย” จากนั้นก็ค้อมศีรษะอย่างสำราญใจ “อืม รู้สึกหิวอยู่บ้าง ข้าจะกิน”
แต่เขาไม่ได้แตะต้องอาหารโอชารสเต็มโต๊ะ กลับล้วงเอาไข่ใบชาสองฟองจากตะกร้ารักษาความร้อนใบเล็กด้านข้าง ปอกเปลือกสีน้ำตาลที่แตกออกทิ้ง ยกประชิดข้างริมฝีปาก ก่อนจะละเลียดลิ้มชิมรสชาติที่อวลด้วยกลิ่นหอมชา
ไข่ใบชาสองฟองนั้น…คืออย่างเดียวที่นางมีติดตัวเมื่อคืน
เมื่อเห็นบุรุษกินอย่างจริงจังเพียงนั้น ทุกคำเล็กๆ ล้วนดูตั้งอกตั้งใจ ราวกับทะนุถนอมอย่างมาก หักใจกลืนคราวเดียวทั้งหมดไม่ได้ นางก็พลันพูดไม่ออกขึ้นมา รู้สึกเพียงแทบจะตายไปโดยไร้สาเหตุในหอแห่งนี้ ขาดอากาศหายใจในบรรยากาศอบอุ่นที่เขาสร้างขึ้น
‘ข้ามีค่าเท่ากับไข่ใบชาสองฟองพอดี ค่าพักค้างคืนนี้ ประจวบเหมาะพอดีทีเดียว’
นั่นมิใช่ ‘ค่าค้างคืน’ ที่เขาเอ่ยถึงโดยสิ้นเชิง กลับเหมือน… ‘ของแทนใจ’ กระนั้น
เพียงแต่จะมีใครใช้ไข่ใบชาสองฟองเป็น ‘ของแทนใจ’ กันเล่า
อีกทั้งหากต้องการยืนยันว่ามีใจต่อกัน เช่นนั้นระหว่างเขากับนางก็ต้องเป็น ‘คนรักกัน’ พวกเขานับว่า…ใช่หรือไม่
อืม ถูไถ…พอจะนับได้กระมัง
ไม่ใช่ผู้ใดต้องการหลับนอนกับผู้ใด ไม่มีปัญหาด้านฐานะสูงต่ำ เพียงรู้สึกใช่ ก็ผูกไมตรีอยู่ร่วมกัน…
โลกใบนี้บางทีอาจมีเรื่องของการตกหลุมรักในแรกเห็น เขากับนางแม้หาเป็นเช่นนั้นไม่ แต่ก็อาศัยสัญชาตญาณและความรู้สึกที่เกิดขึ้นเองจึงได้มีความรู้สึกดีต่อกัน
เวลาที่นางรู้จักเขานั้นสั้นมาก เวลาที่อยู่ร่วมกันยิ่งไม่มากเข้าไปใหญ่ ทว่ากลับมีความรู้สึกชมชอบเขามหาศาล