ชอบเขาที่มีรูปโฉมน่ามอง เจริญตายิ่งนัก ชอบน้ำเสียงยามเขาเอ่ยวาจา ทั้งสุขุมและอ่อนโยน ชอบแววตาและรอยยิ้มของเขา ซึ่งมักจะมองจนหัวใจของนางบีบรัด ความร้อนที่ผิวกายพุ่งขึ้นสูง ชอบการปฏิบัติอย่างนุ่มนวลและตั้งใจของเขาต่อนาง ระหว่างร่วมอภิรมย์กับเขา โดยมากเขาอ่อนโยนเปี่ยมแววรักใคร่ ปฏิบัติกับนางอย่างถนอมรักษา หากไม่ใช่หลายครั้งถูกนางยั่วเย้าหนักข้อจนบีบให้ร้อนรุ่มไปด้วยแรงปรารถนา เขาก็ไม่มีทาง ‘ลงมือหนัก’ เกินไปนัก
กระนั้นนางค้นพบว่าตนเองมิได้ต่อต้านการ ‘ลงมือหนัก’ ของเขาเลยแม้แต่น้อย
ไม่ต่อต้านไม่พอ ยามเมื่อเขาละทิ้งท่วงท่าอดกลั้น ปฏิบัติกับนางด้วยโฉมหน้าที่แท้จริงอันหิวกระหายเร้าใจผู้คน นั่นยิ่งกระตุ้นให้นางตื่นเต้นยากระงับ
พวกเขาสองคนคือสัตว์ป่าที่ถูกตัณหาราคะครอบงำ สุดท้ายแล้วเป็นเพราะความรักทำให้เกิดไฟปรารถนาหรือเพราะไฟปรารถนาทำให้เกิดความรัก หรือไม่ก็อาจเป็นเพียงความเห็นใจคนที่หัวอกเดียวกัน ท้ายที่สุดต่างฝ่ายต่างสงสารและถนอมกันและกัน ทุกสิ่งทุกอย่างนางล้วนไม่สนใจ รู้แต่เพียงนาง อูลั่วซิง ชอบฉินชิวบุรุษผู้นี้ยิ่ง
สำนักชิงเยี่ยนในเวลากลางวัน เงียบเหงาจนรู้สึกว่ากาลเวลาช่างสงบสุข อูลั่วซิงตอนที่มาไม่ได้สร้างความตกตะลึงแก่ผู้ใด ตอนที่ไปก็ยิ่งไม่มีผู้ใดล่วงรู้ คนที่รู้คนเดียวคือผู้เป็นเจ้าของหอซือเฟยที่รั้งแขกค้างคืนเท่านั้น
ตอนจะจากไป ร่างของนางใช้เคล็ดวิชาปีนป่ายอยู่นอกหน้าต่างสูง ลังเลใจไปพักใหญ่ ก่อนจะเหลียวหลังกลับมามองเขาที่ยืนตรงริมหน้าต่างพลางเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “ขะ…ข้าจะกลับมาเยี่ยมท่านอีก”
หัวคิ้วของฉินชิวมุ่นเข้าหากันน้อยๆ รอยยิ้มอบอุ่นอ่อนจาง มือข้างหนึ่งจับขอบหน้าต่างแน่น “ตกลง ข้าจะรอเจ้า”
“ท่านมีสิ่งของที่ชอบหรือไม่ ไม่ว่าของกิน ของใช้ หรือว่าของอย่างอื่นอะไร ข้าจะช่วยนำมาให้ท่าน”
“ลั่วซิงยอมมาพบกัน เทียบกับอะไรล้วนดีกว่ามากแล้ว ไม่มีสิ่งอื่นต้องร้องขอ”
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ หน้าผากนางพลันร้อนผ่าว ขาสองข้างอ่อนยวบทันใด จนหวิดจะร่วงหล่นจากด้านนอกของชั้นสองอยู่รอมร่อ
จู่ๆ ผู้เป็นเจ้าของหอซือเฟยก็เกี้ยวพานางขึ้นมาอย่างไม่บอกไม่กล่าว เอ่ยปากพูดส่งเดชเรื่อยเปื่อยก็สามารถยั่วให้คนหน้าแดงหูแดงได้ เบื้องล่างชื้นขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่รู้ละอาย
เดิมทีนางยังมีวาจาอยากถามเขามากมาย นางอยากถามเขาว่าเคยคิดไปจากสำนักชิงเยี่ยนไม่เป็นคุณชายอันดับหนึ่งนี้บ้างหรือไม่
นางอยากรู้ เขาติดค้างอะไรเถ้าแก่ชุนกันแน่ เหตุใดจึงต้องติดอยู่ที่นี่ให้ได้ เพราะเงินสีขาวเจิดจ้าหรือว่าเพราะติดหนี้ไมตรีอันหนักอึ้งอันใด
ไม่ว่าติดหนี้อะไร นางล้วนยินดีทุ่มเทความสามารถทั้งหมดที่มีเพื่อไถ่ตัวเขา ขอแค่เขาอยากจากไป
ทว่านางก็ฉุกคิดถึงคำสนทนาระหว่างนางกับเขาในอดีตขึ้นมาได้ ตอนที่นางเอ่ยอย่างกังขาในการกระทำของเขา เขาก็ย้อนถามนางอย่างเย้ยหยัน…
‘หากวันใดแม่นางอูจะไม่ทำให้ตนเองลำบากอีก อย่าลืมมาบอกข้าคำหนึ่ง ข้าจะทำตามอย่างเจ้า พวกเราใครก็ห้ามรังแกตนเองอีกดีหรือไม่’
นางที่เป็นเช่นนี้ ไหนเลยจะมีสิทธิ์ซักไซ้อะไรเขาได้
รอคอยอีกหน่อยแล้วกัน
รอจนนางช่วยตามหาสมุนไพรที่อาจารย์กับศิษย์น้องต้องการครบแล้ว หลังจากนั้นนางก็จะทุ่มเทจิตใจกับตัวเขาเพียงอย่างเดียว
รอเมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่าเขาต้องการอะไร นางก็จะทำให้เขาได้ทั้งสิ้น
ไม่นานแน่ ขาดแค่หญ้าหลิงจี้ต้นสุดท้าย ดังนั้น…รอนางอีกหน่อยได้หรือไม่
…ได้หรือไม่
นางถามออกไปในใจเงียบๆ ทั้งยังคล้ายกำลังให้คำมั่นกับตนเอง
เห็นเขาที่อยู่ด้านในหน้าต่างแย้มยิ้มอย่างเป็นอิสระไม่ผูกมัดเช่นนั้น ใบหน้าอ่อนโยนสุขุม คล้ายไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องราวใดๆ ด้านหนึ่งนางไม่อยากเปิดเผยความคิดยุ่งเหยิงในใจออกไป อีกด้านหนึ่งก็อยากทำตามความปรารถนาของตนเอง
ทันใดนั้น นางจึงโน้มตัวเข้าประชิด เรือนกายด้านล่างยังลอยคว้างอยู่นอกหน้าต่างสูง แขนข้างหนึ่งเอื้อมไปเกี่ยวลำคอเขา ริมฝีปากแนบชิดกับปากเขา
ริมฝีปากบางระบายลมหายใจออกมา เขาปล่อยให้นางล่วงเกินตามอำเภอใจ จากนั้นแรงบนริมฝีปากก็ผละจากไปอย่างรวดเร็วมาก
อูลั่วซิงเมื่อลิ้มรสแล้วก็หยุดยั้ง ประกายในดวงตาลุ่มลึกขึ้นพลางเลียกลีบปากมิได้เอ่ยวาจาใด
สุดท้ายนางก็ถอนสายตาที่จับจ้องเขาอยู่ เบือนหน้าไปอีกทางและกระโจนแผ่วเบาไปทางกำแพงสูง ก่อนจะเหินทะยานจากไปในที่สุด